3 ประเทศน่าเที่ยวในยุโรป ที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน…

Fuse Saruda
SKDW17–1
Published in
4 min readJun 16, 2022

สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านบล็อคนี้นะคะ หลายคนคงรู้จักกับทวีปยุโรป ทวีปที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่เเสนสวยงาม อากาศเย็นสบาย บ้านเมืองเป็นระเบียบ ซึ่งส่วนใหญ่เเล้วประเทศที่ คนมักจะนิยมไปเที่ยวกัน อาทิเช่น สหราชอาณาจักร ฟินเเลนด์

สวิเซอร์เเลนด์ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เเละอีกมากมายใช่มั้ยคะ

เเต่วันนี้เราอยากจะมาเเนะนำ 3 ประเทศในยุโรป ที่คนไม่ค่อยรู้จัก เผื่ออาจเป็นเป้าหมายให้กับบางคนที่อยากจะลองไปที่เเปลกใหม่ ไม่ซํ้าใครดีนะคะ

เอาล่ะค่ะ ถ้าพร้อมเเล้ว เราไปดูกันเลยว่ามีประเทศอะไรบ้าง!!!

1.สาธารณรัฐเช็ก (Czech)

มาเริ่มกันที่ประเทศเเรกกันค่ะ สาธารณรัฐเช็ก เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกับชื่อประเทศนี้ เเต่ถ้าพูดถึง กรุงปราก(Prague) อาจจะร้อง อ๋อ! กันทีเดียวเลยค่ะ ใช่เเล้วค่ะ กรุงปราก คือเมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็กนั่นเองค่ะ เอาล่ะค่ะ เรามาดูกันว่า เช็ก มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง

เช็กเป็นประเทศที่อยู่ในยุโรปกลาง มีพื้นที่ติดต่อกับเยอรมนี โปเเลนด์ ออสเตรีย เเละ สโลวาเกียค่ะ หากพูดถึงจุดเด่นของที่นี่ ก็คงไม่พ้นที่เเรกนั่นก็คือ กรุงปรากนั่นเองค่ะ

กรุงปราก(Prague)เมืองเเห่งสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกเเบบโกธิค(Gothic) เเละ เรเนซองซ์( Renaissance) ที่ยังคงความสวยงามมาจนถึงปัจจุบัน พร้อมกับทิวทัศน์ธรรมชาติ ภูเขา ทะเลสาบต่างๆ ผสมผสานกันอย่างลงตัว ใครที่หลงใหลในอารยธรรม เเละสถาปัตยกรรมยุคกลาง รับรองเลยค่ะว่า ต้องไม่พลาดเเน่นอน นอกจากเราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมสวยๆที่เหมือนกับว่าเราได้เข้าไปอยู่ในยุคเหล่านั้นจริงๆเเล้วกรุงปรากก็ยังมี สถานที่เที่ยวอื่นๆที่เป็นไฮไลท์ที่เราไม่ควรพลาดอีกด้วยค่ะ

ที่เเรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Karlův most(Charles Bridge) หรือ สะพานชาลส์ ค่ะ

สะพานCharles

เป็นสะพานที่เป็นประวัติศาสตร์เเละไฮไลท์ที่หากว่าไม่ได้มานั้นจะถือว่ามาไม่ถึงกรุงปรากเลยค่ะ ที่นี่นั้นเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมายเพราะเป็นสะพานเก่าแก่สไตล์โกธิกที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกและงดงามมาก เดิมนั้นมีชื่อว่าสะพานหิน หรือ สะพานแห่งกรุงปรากค่ะ แต่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นสะพานชาร์ลส์ เมื่อปี ค.ศ.1870 เนื่องจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่4 ทรงโปรดให้สร้างสะพานใหม่ที่ทันสมัยขึ้น โดยสร้างทอดข้ามแม่น้ำวัลตาวาเชื่อมต่อระหว่างยุโรปตะวันออกและตะวันตก บรรยากาศที่นี่บอกเลยว่าคนเยอะมาก แต่สวยสมกับคำล่ำลือ บรรยากาศดี โดยเฉพาะตอนย่ำค่ำเมื่ออาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ มีการแสดงดนตรีเปิดหมวก มีรูปภาพขาย เหมาะสำหรับการเดินเล่นชิวๆ ถ่ายรูปเก็บไว้ได้อย่างดีเลยค่ะ

สำหรับสถานที่ต่อไปที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ “เชสกี้ ครุมลอฟ(Cesky Krumlov)”

เป็นเมืองโบราณเล็กๆ ที่ใครมาสัมผัสก็ต้องหลงรัก เป็นเมืองมรดกโลกที่โด่งดัง น่ารักฟรุ้งฟริ้งและโรแมนติกสุดๆ โอบล้อมด้วยแม่น้ำ Vltava ที่โค้งไปตามเนินเขาเหมือนรูปตัว S ทำให้ภูมิทัศน์ของตัวทำให้ภูมิทัศน์ของตัวเมืองเหมือนกับหยดน้ำที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาจากขั้วนั่นเองค่ะ และฟินต่อกับการเดินเล่น ดื่มด่ำบรรยากาศทั่วเมือง รู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคไปสู่ยุคอดีตเลยค่ะ อาคารบ้านเมืองยังคงรักษาศิลปะ วัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ เเถมยังโดดเด่นในเรื่องหลังคาที่เป็นสีส้มเเดงสุดคลาสสิคด้วยล่ะค่ะ ถ่ายรูปออกมาก็คือสวยทุกมุม สายถ่ายรูปต้องไม่พลาดเลยล่ะค่ะ

ต่อมาที่เห็นตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขาคือ ปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟค่า เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากปราสาทกรุงปราก และยังคงคอนเซปสีหวานๆ น่ารักๆ ไว้เหมือนเดิม สวยงามอย่างกับปราสาทเจ้าหญิงในนิยาย ข้างๆ มีหอคอยสีสันสดใส ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเฟรสโกหรือภาพปูนเปียกที่เน้นการเล่นลาย ขนาดผ่านมาหลายร้อยปีแล้วแต่ลวดลายและสีสันยังคงความงดงามไว้ไม่เปลี่ยนเลยค่ะ

ปราสาท Cesky Krumlov

ปราสาทสามารถนั้นชมได้ฟรี แต่ถ้าจะเข้าไปชมด้านในต้องซื้อตั๋วนะคะ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ราคา 100 CZK, เด็กราคา 50 CZK และยังสามารถขึ้นไปชมวิวสวยๆ แบบ 360 องศาบนหอคอยได้ โดยผู้ใหญ่ราคา 50 CZK, เด็กราคา 30 CZK เปิดให้เข้าชมทุกวัน แต่ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. และ พ.ย.-ธ.ค. จะปิดทุกวันจันทร์ค่ะ

หลังจากที่เราเดินเที่ยวกันมาเหนื่อยๆเราก็ไปอาบบ่อน้ำพุร้อนพักผ่อน เเบบฟินๆ

ที่บ่อนํ้าพุร้อน ในเมือง Karlovy Vary กันค่า

บรรยากาศในเมืองKarlovy Vary
ภายในบ่อนํ้าพุร้อนสาธารณะในเมือง

Karlovy Vary เมืองสปาน้ำพุร้อนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแคว้น Bohemia ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมมากันเป็นอันดับ 2 ของเช็กเลยนะคะ ใครได้มาสัมผัสก็ต้องติดใจกันทุกราย เพราะเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์น่าหลงไหลและสวยงามสุดๆ บรรยากาศดี๊ดี เงียบสงบ ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทั้งต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ สดชื่นมากกกก และยังมีร้านค้า โรงแรม สถาปัตยกรรมต่างๆ อีกมากมาย อาคารบ้านเรือนสีลูกกวาด สดใสน่ารักอย่างกับบ้านตุ๊กตาเลยค่ะ เรียกว่าเป็นเมืองรีสอร์ทยอดฮิตที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้ และยังมีเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ (Karlovy Vary International Film Festival) หนึ่งในเทศกาลเก่าแก่ที่สุดของโลก ที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปีอีกด้วยค่า

อาคารบ้านเรืองสีลูกกวาดน่ารักมากเลยล่ะค่ะ
งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ

2.เวลส์(Whales)

เวลส์เป็น 1 ใน 4 ประเทศองค์ประกอบของสหราชอาณาจักร (ได้แก่อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ) มีพื้นที่ของประเทศอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะบริเตนใหญ่ ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกนั่นเองค่ะ

เวลส์เป็นประเทศที่มีทิวทัศน์ที่ธรรมชาติ สวยงาม อุดมสมบูรณ์มากๆ ทั้งทุ่งหญ้า ชายฝั่ง มหาสมุทรต่างๆ เหมาะเเก่การmove on จากโลกเเห่งความวุ่นวายเเละเเสงสีเลยค่ะ เอาละค่ะ ที่เเรกที่เราจะพาไปก็คือ ประภาคาร Llanddwyn นั่นเองค่ะ

ประภาคาร Llanddwyn

ประภาคาร Llanddwyn เป็นประภาคารที่อยู่ชายหาดของ Llanddwyn (Newborough beach) เป็นชายหาดที่ระบบนิเวศสมบูรณ์มาก ทั้งสัตว์ป่า เเละนกหายาก ก็สามารถพบได้ที่นี่ค่ะ รวมถึงมีป่า เเละวิวธรรมชาติที่สวยงามราวกับเทพนิยายเลยค่ะ เราสามารถไปนั่งเล่นชิวๆ เก็บบรรยากาศ ซึมซับธรรมชาติ เเละโอโซนกันอย่างเต็มเปี่ยมไปเลย

เอาล่ะค่ะ สำหรับคนที่ชอบภูเขา ทะเลสาบมากกว่าชายทะเลWhalesก็มีมาให้เลือกเหมือนกันนะคะ สำหรับที่ต่อไป Snowdonia เป็นพื้นที่ภูเขาเเละ อุทยานเเห่งชาติ ที่บรรยากาศสวยมากๆเลยล่ะค่ะ เรียกได้ว่าใครเป็นสายภูเขาต้องชอบมากๆเลยล่ะค่ะ หรือถ้าเลือกไม่ได้ก็ไปทั้ง2ที่เลยก็ได้เหมือนกันนะคะ

ทิวทัศน์อุทยานเเห่งชาติในเมือง snowdonia

ถึงตรงนี้เราเชื่อว่าบางคนเห็นรูปเเล้วคงคิดว่าเป็นรูปวาดเเต่นี่คือทิวทัศน์จริงๆของที่นี่นะคะ เรียกได้ว่าหลายคนคงจะจด bucket list เป็นที่นี่เเล้วเเน่ๆเลยค่ะ นอกจากธรรมชาติที่สวยงามมากๆเเล้ว snowdonia ยังมีกิจกรรมเเอดเวนเจอร์ให้เล่นด้วยล่ะค่ะ

กิจกรรมziplineท่ามกลางธรรมชาติภูเขาsnowdonia

เเละยังไม่หมดเเค่นี้สำหรับที่ snowdonia นะคะ ที่นี่ยังมี4ปราสาทโบราณเก่าเเก่ของ K.Edward I ที่ได้รับรางวัลจาก UNESCO ด้วยนะคะ เเถมถ้าเราเดินในเมืองเราก็จะได้เห็นสถาปัตยกรรมสไตล์ British เเท้ๆ เเละ รถไฟเก่าเเก่ของที่นี่ด้วยนะคะ เรียกได้ว่ามาที่นี่ที่เดียวได้ครบเลยล่ะค่ะ

Dolbadarn Castle, Snowdonia
บรรยากาศในเมือง snowdonia
รถไฟให้นักท่องเที่ยวในเมือง

3.บอสเนียเเละเฮเซอร์โกวีนา(Bosnia and Herzegovina)

เอาล่ะค่ะ เผลอเเปปเดียวเราก็มาถึงประเทศสุดท้ายกันเเล้วน้า สำหรับประเทศนี้คือประเทศ “บอสเนียเเละเฮเซอร์โกวีนา” ค่ะ หลายคนพอได้ยินชื่อประเทศนี้เราเชื่อว่า ก็คงมี2คำถามอยู่ในหัวกันใช่มั้ยล่ะค่ะ อย่างเเรกเลยก็คือ มีประเทศนี้อยู่ในโลกนี้ด้วยหรอ??? เเละอีกอย่างก็คงจะเป็น ทำไมชื่อประเทศนี้ถึงยาวจัง??? ใช่เเล้วค่ะครั้งเเรกที่เราได้ยินชื่อนี้ก็มีคำถามเเบบเดียวกับทุกคนเลยค่ะ เราก็เลยไปค้นหาจนได้มาว่า เขตพื้นที่เเถบนี้เเต่เดิมนั้นรวมกันเป็น ยูโกสลาเวีย เเละภายหลังสงครามก็ได้เเยกเป็นประเทศต่างๆออกมานั่นเองค่ะ ซึ่งประเทศบอสเนียเเละเฮเซอร์โกวีนานั้นก็ประกอบไปด้วย 2 เชื้อชาติ2เขตพื้นที่หลักๆ นั่นคือ เขตบอสเนีย ชาวบอสเนี่ยน เเละ เขตเฮอร์เซโกวีนา เป็นชาวเซิฟ หรือ เซอร์เบียน เนื่องจากเชื้อชาติที่ต่างกัน เเต่ต้องอยู่ด้วยกันเพราะสัญญานั่นจึงทำให้ประเทศนี้ต้องมีชื่อของ2เชื้อชาติค่ะ โอเคค่ะ หลังจากที่เราได้รู้ข้อมูลคร่าวๆของประเทศนี้เเล้ว เรามาโฟกัสกันที่สถานที่เที่ยวสวยๆของที่นี่กันดีกว่าค่ะ เเม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนรีวิวที่เที่ยวประเทศนี้ เเต่เชื่อเลยค่ะว่าประเทศนี้ก็มีทิวทัศน์ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยไม่เเพ้ประเทศอื่นๆในยุโรปเลยล่ะค่ะ

เราขอเริ่มที่เที่ยวประเทศนี้ด้วยเมือง Sarajevo เมืองหลวงของปรเทศนี้กันค่ะ Sarajevoนั้น เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ต่างๆ ทั้งด้านสงครามก็มีพิพิธภัณฑ์ เเละ อุโมงที่สร้างจากช่วงสงครามเป็นสถานที่เปิดให้คนได้เข้าชมในปัจจุบันด้วยนะคะ เเละอาคารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมเเบบยุโรปดั้งเดิมด้วยค่ะ อีกทั้งยังเป็นที่จัดงาน โอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปี ค.ศ.1984 เเละนักท่องเที่ยวยังสามารถไปเยี่ยมชมที่จัดเเข่งขันจริงๆได้ด้วยนะคะ ทั้งSarajevo Olympic Swimming Pool , Mirza Delibasic Arena เเละ Asim Ferhatovic Hase Stadium(Olympic stadium) นอกจากนั้นก็ยังมี เทศกาลภาพยนตร์ Sarajevo film festival ด้วยค่ะ

บรรยากาศในเมืองsarajevo
Sarajevo Olympic Swimming Pool
บรรยากาศในเมือง sarajevo

เเละเมื่อต่อจากเที่ยวใน Sarajevo เเล้วก็มีไฮไลท์อีกเมือง นั่นก็คือ เมืองMostar นั่นเองค่ะ สำหรับการเดินทางก็ง่ายมากๆเลยนะคะ เพราะมีDay tour จากในเมืองSarajevo ไปถึง Mostar ค่ะ

Mostarนั้นเป็นเมืองเก่าเเก่ เเละก็มี สถานที่สวยงามที่เลื่องชื่อมากๆนั่นก็คือ Old bridge Stari Most สะพานเก่าเเก่อยู่ท่ามกลางขุนเขา ระหว่างเเม่นำ้ Neretva ค่ะ สะพานนี้สร้างในช่วง ศตวรรษที่15–16 เป็นช่วงที่เมืองนี้เป็นเมืองท่าของ จักวรรดิออตโตมัน อีกทั้งสะพานนี้ยังได้รับรางวัลจาก UNESCOด้วยนะคะ

Old bridge Stari Most,Mostar,Bosnia and Herzegovina

นอกจากจากเมืองSarajevo นั้นจะมี Day tour ไป Mostar เเล้วก็ยังมี Day tour ไป เมือง Jajce and Travnikด้วยค่ะ

Jajce and Travnik เป็นเมืองที่เรียกได้ว่ามีประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากมายเลยล่ะค่ะ ทั้งเป็นเมืองที่พักของ กษัตริย์บอสเนีย เเละ เป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางของ ยูโกสลาเวีย อีกทั้งยังเป็นเมืองเดียวในโลกที่มีนำ้ตกไหลกลางเมือง ด้วยล่ะค่ะ เรียกได้ว่าอัศจรรย์มากๆเลย รวมถึงเมือง Travnikยังเป็น Ottoman time vizier’s town ได้รับการขนานนามว่าเป็น “the European Istanbul”หรือ อิสตันบลูยุโรป บ้านเรือนของที่นี่นั้นก็จะเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของ ออตโตมันนั่นเองค่ะ

นำ้ตกกลางเมืองJajce and Travnik
กิจกรรมzipline ผ่านนำ้ตก
บรรยากาศในเมืองJajce and Travnik
บรรยากาศในเมือง Travnik

เอาล่ะค่ะ ก็จบกันไปเเล้วนะคะสำหรับ3ประเทศน่าเที่ยวในยุโรป ที่เราอาจไม่รู้จักมาก่อน เราเชื่อว่าหลังจากอ่าน บล้อคนี้จบเเล้ว หลายคนคงอยากจะจองตั๋วบินไปกันเเล้วเเน่ๆเลยค่ะ ประสบการณ์ใหม่ๆ รอเราอยู่นะคะ รีบวางเเพลน จองตั๋วเครื่องบิน เเล้วออกไปค้นพบสิ่งใหม่ๆกันดีกว่าค่ะ><

สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกว่าจริงๆเเล้วประเทศในยุโรปยังมีอีกมากมายหลายประเทศที่สวยงาม เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมต่างๆ รวมถึงธรรมชาติสวยงาม นะคะถ้าไว้โอกาสหน้า เราจะมาเชียนบล้อคเเนะนำประเทศอื่นๆอีกนะคะ เเล้วเจอกันนะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเที่ยว เเละปลอดภัยน้า..

--

--