แนะนำซีรีย์ Mobile suit Gundam seed and seed destiny

Mr Phantom
SlimeCyborgs
Published in
3 min readFeb 23, 2021

Mobile suit Gundam seed and seed destiny มันเป็นซีรีย์ของกันดั้มในจักรวาลแยกเนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับจักรวาลหลัก ซึ่งได้ออกฉายเมื่อในปี พ.ศ.2545 ส่วนภาค Destiny ได้ฉายในปี พ.ศ.2547

เนื้อเรื่องย่อ

ไฟแห่งสงครามที่ครุกกรุ่นกำลังจะโหมกระพือในอีกไม่นานนี้..เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามระหว่าง เนเชอรัล และ โคออร์ดิเนเตอร์. โคออร์ดิเนตอร์ หรือ มนุษย์ที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรม ให้มีความสามารถสูงขึ้นกว่าปกติ ในขณะที่ เนเชอรัล หรือ มนุษย์ซึ่งเกิดตามแบบธรรมชาติ เริ่มมีความอิจฉาริษยาในความสามารถของพวกเขา ความอิจฉาริษยานั้นแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียด และก่อให้เกิดกลุ่มผู้ต่อต้านโคออร์ดิเนเตอร์หรือ บลูคอสมอส (Blue Cosmos) เพราะเหตุนี้ เหล่าโคออร์ดิเนเตอร์จึงได้สร้างโคโลนี่ในอวกาศขึ้นมาเรียก แพลนท์ (PLANT : Productive Ally on Nexus Technology) และเพราะเหตุนี้ทำให้โคออร์ดิเนเตอร์ที่เคยอาศัยบนโลกนั้น เริ่มเหลือน้อยลงทุกที

ในที่สุด ไฟแห่งสงครามก็ระเบิดขึ้น ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ CE (Cosmic Era) 70 สามวันหลังจากการประกาศสงครามระหว่างฝ่ายสหพันธ์โลก (OMNI : Oppose Militancy & Neutralize Invasion Enforcer) และ กองทหารของเหล่าโคออร์ดิเนเตอร์ หรือ ซาฟท์ (ZAFT : Zodiac Alliance of Freedom Treaty) ฝ่ายสหพันธ์โลกเริ่มโจมตีแพลนท์เป็นครั้งแรก และใช้อาวุธนิวเคลียร์ทำลายโคโลนี่ที่มีชื่อว่า “ยูนิอุสเซเว่น (Junius Seven) “ ซึ่งเป็นแพลนท์ทางด้านเกษตรกรรม ผู้คนบริสุทธิ์กว่า 200,000 ราย ต้องเสียชีวิต (243,721 คน) จนถูกกล่าวขานว่าเป็นเหตุการณ์ “ วาเลนไทน์ เลือด (Bloody Valentine) “ ทำให้ฝ่ายแพลนท์ตัดสินใจใช้ N-Jammer (Neutron Jammer) ซึ่งสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของอนุภาคนิวตรอน ทำให้ยับยั้งปฏิกิริยานิวเคลียร์ได้ โดยแพลนท์ยิงฝัง N-Jammer ลงใต้พื้นดินทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนพลังงานอย่างมาก และคลื่นวิทยุบนโลกก็ถูกรบกวนจนใช้การได้ลำบาก

ไฟแห่งสงครามที่ก่อตัวขึ้น และจบลงในอีก 11 เดือนต่อมา โดยฝ่ายแพลนท์ได้รับชัยชนะในหลายๆ พื้นที่ในโลก ซึ่งหลังจากสงครามครั้งนี้สงบลง เรื่องราวต่างๆ ก็เริ่มต้นขึ้น

คิระ ยามาโตะ ตัวเอกของเรื่อง เป็นนักเรียนวิศวกรรมหุ่นยนต์ของเฮลิโอโพลิส (Heliopolis) โคโลนี่ของออร์บ ซึ่งเป็นประเทศเป็นกลาง ที่กำลังใช้ชีวิตวัยเรียนอย่างสงบสุข จนกระทั่งถูกฝ่ายซาฟท์ที่นำโดยพันเอกครูเซ่เข้าโจมตี หลังจากค้นพบว่า ออร์บได้พัฒนาโมบิลสูทและยานรบรุ่นใหม่(อาร์คแองเจิ้ล) ร่วมกับสหพันธ์โลกภายในโรงงานหลักของมอร์เก้นเรท (Morgenroete) โดยซาฟท์มีจุดประสงค์ที่จะขโมยโมบิลสูททั้ง 5 เครื่อง (สไตรค์, ดูเอล, บัสเตอร์, อีจิส และบลิทซ์) ยกเว้นเพียงตัวสุดท้ายเท่านั้นที่คิระบังเอิญได้ขึ้นบังคับ นามของมันคือ สไตรค์ จนกระทั่งนำไปสู่สงครามกับเหล่าโมบิลสูทอีก 4 เครื่องที่เหลือ โดยคิระเรียกชื่อโมบิลสูท สไตรค์ว่า “กันดั้ม (Gundam) “ จากตัวอักษรนำหน้าข้อความที่ปรากฏในมอนิเตอร์ห้องนักบินตอนเข้าระบบปฏิบัติการของโมบิลสูท คิระ ซึ่งเป็นโคออร์ดิเนเตอร์ ได้แสดงความสามารถปรับเปลี่ยนระบบปฏิบัตการที่ยังไม่สมบูรณ์ของสไตรค์ในเวลาคับขัน จนเขาสามารถบังคับสไตรค์ต่อสู้กับหุ่นจินน์ของซาฟท์ได้ เพื่อปกป้องเพื่อนๆของเขา และหาหนทางยุติสงครามครั้งนี้

รีวิวซีรีย์

เนื้อเรื่องโดยรวมของทัั้งสองภาคนั้นจะเป็นแนว Scifi ดรามา โดยในตอนแรกๆของทั้งสองซีรีย์นั้จะเป็นการดำเนินเรื่องที่อาจไม่น่าสนใจมากนักแต่หลังจากนั้นเราจะพบเจอกับเนื้อเรื่องที่มีความเข้มข้นสูงมาก ถึงมันจะเป็นแนวหุ่นยนต์ต่อสู้กัน แต่มันก็มีเนื้อเรื่องพาร์ทคนที่น่าสนใจมาก มีภูมิหลังของตัวละครหลักที่น่าสนใจในแต่ละตัวโดยมันจะบอกว่าทำไมตัวละครตัวนี้ถึงทำเรื่องแบบนี้ ทำไมตัวละครตัวนี้ลึกๆรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิดแต่ก็ยังจะทำมัน มันเลยทำให้เนื้อเรื่องมีมิติเเละมีความเข้มข้นมากขึ้น

ด้านงานภาพ

ถึงแม้จะเป็นซีรีย์ที่เก่าแต่ก็มีการRemastermทำให้ภาพและฉากต่างๆมีความสวยงามมากขึ้น

และทางด้านการออกแบบตัวหุ่นนั้นก็ออกแบบมาได้อย่างสวยงาม และ เท่มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง โดยเราจะขอนำเสนอตัวหุ่นที่ค่อนข้างน่าสนใจในเรื่องมาให้ชมกัน

GAT-X105 สไตรค์ (Strike)

จุดเด่นของสไตรค์กันดั้มคือความสามารถในการปฏิบัติการในสภาวะต่างๆ โดยการติดตั้งสไตรเกอร์แพ็ค เพื่อให้สไตรค์กันดั้มสามารถใช้งานได้ในหลายๆสถานการณ์

GAT-X303 อีจิส (Aegis)

อีจิสกันดั้มเป็นโมบิลสูทเครื่องเดียวในกลุ่ม GAT-Xซีรีส์รุ่นแรกที่สามารถแปลงร่างเป็นโมบิลอาเมอร์ได้

ZGMF-X10A ฟรีด้อม (Freedom)

ฟรีด้อมกันดั้มนั้นเป็นโมบิลสูทที่ติดตั้งอาวุธที่มีอานุภาพรุนแรงไว้ ในส่วนปีกจะมีบีมพลาสม่าแคนน่อนแฝด”บาลาเอน่า”ซึ่งเวลายิงจะตั้งไว้บนไหล่ทั้งสองข้าง แล้วก็เรลกันติดเอวสองกระบอก”ซีเฟียส” นอกนั้นก็เป็นอาวุธพื้นฐานคือ วัลแคน”ปิคัส” 76มม.,บีมเซเบอร์”ลาเซอร์ต้า”และบีมไรเฟิล”ลูพัส” ฟรีด้อมกันดั้มมีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่เรียกว่าไฮแมท (Hi-MAT High-Mobility Aerial Tactical) ซึ่งฟรีด้อมจะกางปีกเพื่อเพิ่มการขับเคลื่อนและบาลาเอน่ากับซีเฟียสจะอยู่ในสภาพเตรียมยิง ทำให้ฟรีด้อมกันดั้มสามารถเคลื่อนไหวพร้อมๆกับโจมตีศัตรูได้อย่างรวดเร็ว

ZGMF-X09A จัสติส (Justice)

จัสติสกันดั้มเป็นหนึ่งในโมบิลสูทอีกตัวที่พัฒนามาจากรุ่น GAT-X ซีรีส์ โมบิลสูทเหล่านี้มีเทคโนโลยีนิวตรอนแจมเมอร์แคนเซลเลอร์ซึ่งทำให้ไม่ได้รับผลจากนิวตรอนแจมเมอร์ จึงใช้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชั่นเป็นแหล่งพลังงานแทนที่จะเป็นแบตเตอรีเหมือนโมบิลสูททั่วๆไป ทำให้สามารถปฏิบัติการได้เป็นเวลานาน

ZGMF-X20A สไตรค์ฟรีด้อมกันดั้ม

สไตรค์ฟรีด้อมกันดั้มเป็นโมบิลสูทของกลุ่มผู้ภักดีต่อลักส์ ไคลน์ที่พัฒนาให้คิระ ยามาโตะใช้แทนฟรีด้อมกันดั้มที่ถูกทำลายโดยดัดแปลงมาจากที่ซาฟท์ออกแบบไว้ ชื่อสไตรค์ฟรีด้อมมาจากโมบิลสูทตัวเดิมทั้งสองของคิระคือสไตรค์กันดั้มและ ฟรีด้อมกันดั้ม ส่วนปีกของสไตรค์ฟรีด้อมออกแบบให้ใช้เป็นดรากูน (DRAGOON = Disconnected Rapid Armament Group Overlook Operation Network) 8ยูนิตซึ่งเป็นอาวุธควบคุมจากระยะไกลด้วยระบบส่งสัญญาณแบบควอนตัมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากนิวตรอนแจมเมอร์ ที่ลำตัวมีบีมแคนน่อน”คาลิดัส” ซึ่งเป็นแบบเดียวกับของอบีสกันดั้ม ส่วนเอวติดตั้งเรลกัน”ซิเฟียส3"เอาไว้ บีมไรเฟิลกำลังสูงสองกระบอกของสไตรค์ฟรีด้อมสามารถเอามาประกอบกันเพื่อเพิ่มพลังทำลายได้เหมือนปืนของ GAT-X103 บัสเตอร์กันดั้ม ส่วนหัวติดวัลแคน31มม.และใช้บีมเซเบอร์”ซูเปอร์ลาเซอร์ต้า”เป็นอาวุธระยะประชิดและมีบีมชิลด์ไว้ป้องกันตัว สไตรค์ฟรีด้อมยังคงความสามารถในการประกอบกับเมเทียไว้ เครื่องกำเนิดพลังงานของสไตรค์ฟรีด้อมเป็นแบบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์และติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยแสง “วอทูร์ลูมิเอล”ซึ่งดัดแปลงมาจากของสตาร์เกเซอร์

ZGMF-X19A อินฟินิทจัสติสกันดั้ม

อินฟินิทจัสติสกันดั้มเป็นโมบิลสูทของกลุ่มผู้ภักดีต่อลักซ์ ไคลน์ที่พัฒนาให้อัสรัน ซาล่าโดยใช้ดัดแปลงมาจากที่ซาฟท์ออกแบบไว้และเน้นการต่อสู้ระยะประชิดตัวมากกว่าเดิม แบ็คแพ็ค”ฟาทัมซีโร่วัน”ของอินฟินิทจัสติสสามารถใช้เป็นแท่นยืนหรือแยกไปโจมตีเป้าหมายได้เหมือนเดิม แต่ติดตั้งอาวุธปืนไว้เพียงบีมแคนน่อน”ไฮเปอร์ฟอร์ทิส”เท่านั้น ส่วนอาวุธอื่นจะเป็นอาวุธระยะประชิดจึงใช้ในการพุ่งเข้าเชือดเป้าหมายได้ดีกว่ายิงโจมตี โล่ของอินฟินิทจัสติสนอกจากจะสร้างบีมชิลด์ได้แล้วยังติดตั้ง”ไชน์นิ่งเอดจ์”บูมเมอแรงบีมแบบใช้เป็นบีมเซเบอร์ได้และตะขอสำหรับจับเป้าหมาย”แกรปเปิลสติงเกอร์” ที่ขาทั้งสองข้างสามารถใช้บีมเบลด “กริฟฟอน”ทำร้ายเป้าหมายด้วยท่าเตะได้ อาวุธอื่นๆก็คือบีมเซเบอร์”ซูเปอร์ลาเซอร์ต้า”, บีมไรเฟิลกำลังสูงและวัลแคนขนาด14มม.และ17.5มม. อินฟินิทจัสติสยังคงความสามารถในการประกอบกับเมเทียไว้ เครื่องกำเนิดพลังงานยังคงเป็นแบบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เหมือนเดิม

อ้างอิง

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%94

--

--