ทำไมเราจึงเสนอแนวทางการออกแบบ 2 แนวทาง?
เสนองานออกแบบอย่างไรก็ไม่ตอบโจทย์แบรนด์เกิดจากอะไร? เรื่องนี้เรามักจะเจอได้กับการทำงานออกแบบทุกประเภทตั้งแต่แคมเปญไปจนถึงการพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ซึ่งปัญหานี้อาจจะเกิดจากความผิดพลาดของนักออกแบบที่ไม่สามารถออกแบบมาให้ตรงตามมาตรฐานของแบรนด์ได้ ไม่สามารถอธิบายได้ว่าการออกแบบนี้แก้ไขปัญหาอะไร หรือกระทั่งการมองเห็นโจทย์ที่ไม่เหมือนกัน
เราสามารถแก้ไขได้โดยการทำความเข้าใจว่าปัญหาคืออะไร สิ่งที่ออกแบบจะแก้ปัญหาธุรกิจได้อย่างไร และสร้างทางเลือกและแนวทางให้เหมาะสม
สื่อสารเพื่อให้เข้าใจปัญหาและสร้างแนวทางในการออกแบบ
แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่เองก็รู้ว่าทุกการทำงาน เราจำเป็นต้องเข้าใจปัญหาเราถึงจะออกแบบเพื่อแก้ปัญหาได้ ซึ่งการทำความเข้าใจปัญหา เราจำเป็นต้องได้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพื่อประเมิน วางแผน และหาวิธีหรือแนวทางการแก้ปัญหา
ซึ่งแนวทางการทำงานของ SUFFIX จึงพยายามที่จะสื่อสารและสอบถามข้อมูลกับลูกค้าให้มากที่สุดเพื่อรับรู้ข้อมูล ปัญหา โจทย์ ให้ครบทุกมุมมองเพื่อลดความไม่เข้าใจในการทำงาน
หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ทีมออกแบบจะนำข้อมูลมาต่อยอดในการวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในแนวทางการออกแบบต่างๆ ที่ทางแบรนด์หรือธุรกิจสามารถทำได้ทั้งในด้านระบบ (Technical) และการตลาด (Marketing)
การกำหนดแนวทางการออกแบบ (Design Direction) จะช่วยให้การพัฒนางานออกแบบง่ายขึ้นสำหรับแบรนด์หรือธุรกิจที่มีทีมงาน หน่วยงาน และขั้นตอนซับซ้อน เช่น งานหนึ่งงานต้องใช้การตัดสินใจร่วมกันหลายหน่วยงาน
ทำไมเราจึงไม่นำเสนองานออกแบบ 1 แนวทาง หรือ 3 แนวทาง
การเสนองานออกแบบ 1 แนวทางแล้วปรับไปเรื่อยๆ บางครั้งทำให้รูปแบบงานที่ออกมาเป็นผลลัพธ์อาจไม่ตรงกับแนวทางที่วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น
และการเสนองานออกแบบ 3 แนวทางส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแนวทางที่ทำตามโจทย์ของแบรนด์หรือธุรกิจ แนวทางที่เป็นไปได้ และแนวทางที่มีทัศนคติส่วนตัวของนักออกแบบ ซึ่งอาจจะเกินความจำเป็นและทำให้เกิดความสับสนได้
การเสนอแนวทางการออกแบบ 2 แนวทาง
SUFFIX เลือกการนำเสนองานออกแบบเป็น 2 ทางคือ
- แนวทางการออกแบบที่เป็นไปตามมาตรฐานของอุตสาหกรรมของแบรนด์หรือธุรกิจนั้นๆ
- แนวทางการออกแบบที่เป็นไปได้ และสร้างความแตกต่างให้แบรนด์หรือธุรกิจนั้นๆ
ในส่วนของการทำงานออกแบบ สิ่งที่ท้าทายนอกจากวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาคือการเลือกแนวทางออกแบบ ถึงแม้ว่าแบรนด์หรือธุรกิจจะมีการกำหนดแนวทางการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็น Corporate Identity Guideline หรือ Brand Bible แต่การออกแบบจะต้องพัฒนาจากพื้นฐานของแบรนด์หรือธุรกิจนั้นๆ และต้องสามารถปรับใช้ได้กับสื่อต่างๆ รวมถึงสื่อสารเนื้อหาได้ครบถ้วน โดยยังคงมีองค์ประกอบสำคัญไม่ว่าจะเป็น เรื่องของสี ตัวอักษร รูปภาพ หรือกระทั่งกราฟฟิกที่เป็นองค์ประกอบของแบรนด์หรือธุรกิจนั้น
เมื่อแนวทางของการออกแบบชัดเจนแล้ว การพัฒนาต่อยอดในอนาคตสำหรับแบรนด์หรือธุรกิจก็จะทำได้ง่ายขึ้น