เราเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับลูกค้ายังไง?
จากประสบการณ์ทำงานของทีม Developer ที่ SUFFIX ไม่ว่าจะเราจะร่วมงานกับลูกค้าทั้งฝ่ายที่เน้น Business, เน้นที่ Marketing หรือแม้กระทั่งทีม IT เรามักจะเจอโจทย์อยู่สองแบบคือ
— โจทย์ที่มีข้อจำกัด
เชื่อว่าหลายคนมองว่าสามารถเจอได้ทั่วไป แต่ทาง SUFFIX เราเองจะมีเหตุผลในการทำแต่ละสิ่งเสมอ โดยเราจะวิเคราะห์เสมอว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร มันสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ลูกค้าต้องการได้หรือไม่ ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ทีม Developer ค่อนข้างให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะบางครั้ง Feature ที่ลูกค้าต้องการอาจไม่จำเป็นต่อผลลัพธ์หรือตามจุดประสงค์ที่วางไว้ ซึ่งเราสามารถพิสูจน์ได้โดยการเก็บสถิติที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ แต่ในบางครั้งเราก็เคารพการตัดสินใจของลูกค้าหากต้องการให้มี Feature บางอย่างที่อาจจะจำเป็นต่อแบรนด์หรือองค์กรจริงๆ หรืออาจมีข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญต่อการพัฒนา
— โจทย์ที่ไม่มีข้อจำกัด
ด้วยความที่ SUFFIX เป็น Digital Agency เราจึงได้เจอลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรมเช่น อสังหาริมทรัพย์, สุขภาพ, แฟชั่น และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในบางครั้งลูกค้าอาจจะยังไม่มีสิ่งที่ต้องการที่ชัดเจน หรือมีแบบที่ต้องการแล้วแต่ยังไม่เห็นภาพว่าควรจะออกมาในรูปแบบไหน สิ่งที่เราทำคือเสนอตัวอย่างเว็บไซต์ในอุตสาหกรรมของลูกค้าให้เห็นภาพ หรือในบางครั้งก็เสนอแนวทางใหม่ๆ ที่มีผลลัพธ์ที่ดีจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เราเคยทำและมีแนวโน้มว่าเข้ากันได้ดีกับความต้องการของลูกค้า
การเลือกเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลลัพธ์ตามสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
การพัฒนาของเราส่วนมากจะเน้นไปที่ Digital Product เป็นหลัก ทำให้การสร้างผลลัพธ์ต้องอาศัยการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับลูกค้า ซึ่งเราจะพิจารณาจากอุตสาหกรรมของลูกค้า รวมถึงผู้ใช้งาน (User) ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าว่าเหมาะจะใช้เทคโนโลยีอะไรในการแก้ไขปัญหาหรือสร้างผลลัพธ์ตามสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ ยกตัวอย่างเช่น
- ลูกค้าจากอุตสาหกรรมแฟชั่น ต้องการเพิ่มช่องทางการขายเป็นของตัวเอง ในกรณีแบบนี้เรามักแนะนำเป็นการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบ E-Commerce เพราะเป็นช่องทางที่สะดวก และเข้าถึงได้ง่ายเพียงมีอุปกรณ์และบราวเซอร์ อีกทั้งการสร้างเว็บไซต์ยังสามารถนำไปต่อยอดในส่วนของ Search Engine Optimization (SEO), Search Engine Marketing (SEM) และ Analytic ที่สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายทำให้สามารถพัฒนาให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น หรือจะเป็นเชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ของลูกค้า เช่น ระบบขนส่ง, ระบบสต็อกสินค้า โดยเราจะดูแลให้เว็บไซต์เป็นไปตามขั้นตอนและช่วยให้ลูกค้าทำงานง่ายขึ้น
- ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจการเกษตร ต้องการขายสินค้าให้ผู้ที่สนใจซื้อสินค้าได้ที่พื้นที่ของเกษตรกร โดยเราจะทำการวิเคราะห์ว่าลูกค้าที่เป็นเกษตรกรอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณที่ดีหรือไม่ เพราะอาจส่งผลต่อทั้งการดูแลจัดการของลูกค้าเอง และผู้ใช้งาน (User) ซึ่งในกรณีนี้เราจะแนะนำให้ลูกค้าสร้างแอปพลิเคชั่น ที่เป็นการ Crossplatform หรือ PWA (Progress Web App) เนื่องจากเหมาะกับการใช้งานมากกว่าเว็บไซต์ปกติ
- ลูกค้าที่ต้องการเทคโนโลยีที่ช่วยทีมขายทั้งด้านสินค้าและบริการ ทำให้ทีมขายทำงานได้ง่ายและมีระบบแจ้งเตือน (Notification) แต่มีข้อมูลเชิงลึกว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ต้องการติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มในเครื่อง ในกรณีนี้เราจะแนะนำขั้นตอนที่ช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้คือ การสร้าง LINE Official เพื่อติดต่อกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง และสร้าง Chatbot ที่สามารถตอบได้ทันทีโดยแยกประเด็นที่กลุ่มเป้าหมายต้องการสอบถามได้
จากตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า เราจะเลือกเทคโนโลยีที่คิดว่าเหมาะสมและตรงตามจุดประสงค์ของลูกค้าเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
การช่วยให้ลูกค้าทำงานง่ายขึ้นด้วยการทำงานเป็นทีม
เนื่องจากในทุกสัปดาห์ทีม Developer ของ SUFFIX จะมีการประชุมกันตลอดเพื่ออัพเดทงาน ซึ่งก็จะมีการแชร์ไอเดียที่จะช่วยให้ลูกค้าทำงานง่ายขึ้น หรือหากใครในทีมมีปัญหาตรงไหนก็จะช่วยกันแก้ปัญหาอยู่เสมอ รวมไปถึงการประชุมร่วมกับลูกค้าเช่นกันที่เราจะทำงานเป็นทีมเดียวกันเสมอ ยกตัวอย่างกรณีที่ลูกค้าเจ้าหนึ่งต้องการทำเว็บไซต์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้สูงอายุเข้ามาใช้งานด้วย เราจึงมองว่าการสร้างเว็บไซต์นี้ต้องรองรับบราวเซอร์ที่คนเลิกใช้ไปแล้ว เช่น Chrome 76 ที่ยังไม่สามารถรองรับ Code ที่บราวเซอร์อัพเดทมาใหม่ได้ โดยการคิดหาวิธีแก้ปัญหานี้ก็เกิดจากการที่เราทำงานเป็นทีมกับลูกค้าที่แชร์ปัญหาและข้อมูลกับเรา รวมถึงการทำงานกันในทีมที่จะช่วยกันเสนอไอเดียให้งานเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดปัญหาน้อยที่สุด
การเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้กับลูกค้าในเชิงเทคนิค
ภาษาที่ SUFFIX ใช้พัฒนาเว็บไซต์ค่อนข้างหลากหลายและเปิดกว้างมาก แต่หากกรณีที่งานมีระยะเวลาที่กระชั้นชิดเราจะเลือกสิ่งที่เราเชี่ยวชาญ และทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมามีมาตรฐานและใช้เวลาน้อยที่สุด เช่น
-HTML, CSS ,Javascript
-PHP
-Wordpress
แต่ในบางกรณีที่ลูกค้ามองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ และต้องการทดลอง เราก็จะทำให้โดยดูคุณภาพและความเหมาะสมก่อนที่จะ Launch เว็บไซต์ออกไป เช่น
-Node JS
-Nuxt JS
-Firebase
-Docker
-NGINX RTMP (ทำระบบ Live stream)
-React JS
โดยทางทีมของเรามองว่าไม่อยากมีข้อจำกัดใดๆ ในการทำงาน และอยากพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งทุกครั้งเราจะถามคำถามกับลูกค้าเสมอว่า เว็บไซต์ที่จะทำนี้ต้องเชื่อมต่อไปยัง Service อื่นๆ ด้วยหรือไม่ เช่น กรณีของ E-Commerce ที่ลูกค้าต้องการ API สำหรับตรวจสอบ Order สินค้าต่างๆ
หรือในกรณีที่ต้องนำ API ของ Service อื่นๆ มาต่อด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็น Digital Product ที่เราค่อนข้างได้ทำอยู่เสมอ เช่น การสร้างหลังบ้านเว็บไซต์แล้วส่ง API ไปที่แอปพลิเคชั่น หรือกรณีที่ลูกค้ามีระบบเดิมอยู่แล้ว เช่น ระบบ DB Oracle เราก็จะทำงานร่วมกับทีม IT ของลูกค้าเพื่อหาวิธีการใช้งานที่เหมาะสมและปลอดภัยมากที่สุด เพื่อให้การ Launch เว็บไซต์ออกไปมีปัญหาน้อยที่สุด