ใช้ Apple Shortcuts แบบล้ำๆ (NLP, if/else)

Earth Thanachot
Super AI Engineer
Published in
4 min readFeb 2, 2021

ทุกวันนี้ราคาโทรศัพท์มือถือนั้นแพงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะยี่ห้อยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ที่ราคาสูงมาก (20,000++ บาท) บางรุ่นแพงก็กว่าโน๊ตบุ้คซะด้วยซ้ำ แต่ทว่า…

เราใช้ function ของมันถึง 20,000 บาทมั้ย ?

Photo by Denis Cherkashin on Unsplash

สาวกบางคนอาจซื้อมาแค่เพราะเห็นว่ามันเหมือนเป็นของแบรนด์เนมชิ้นหนึ่ง เหมือนพวกกระเป๋าหลุยส์ ประมาณนั้น แต่จะดีกว่าไหมถ้าเกิดเราใช้ iPhone ของเรานอกจาก โทรเข้าโทรออก อ่านแชท เสิร์ชเน็ต ดูยูทูป เล่นเกม

ฟังชั่นล้ำ ๆ ที่จะทำให้ชีวิตคุณสะดวกสบายมากขึ้นเช่น ใช้ Siri โทรหาแม่ ตั้งนาฬิกาปลุก ใช้ Assistive touch แคปหน้าจอ โหลดแอพ หรือใช้ NFC reader สั่งงานอุปกรณ์ IoT ที่บ้าน หรือถ้าเป็น iPhone 12 ก็สามารถใช้ LiDAR เซนเซอร์แสกนสามมิติได้

และนอกเหนือจากฟั่งชั่นเสริมเจ๋ง ๆ ที่กล่าวมาขางต้นแล้ว ตัวนึงที่ผมว่าคนไทยน้อยมากที่จะรู้จักและใช้งานมัน คือ… Apple Shortcuts นั่นเอง

Apple Shortcuts มันคืออะไร?

Shortcuts ตามชื่อเลยเป็นแอพสร้างทางลัดให้กับเรานั่นเอง คือรวมคำสั่งทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้อยู่ในคลิ๊กเดียว สามารถใช้ร่วมได้กับแอพต่าง ๆ ในเครื่อง เช่น Contacts, Calendar, Maps, Music, Photos, Camera, Reminders, Safari, Health

ซึ่งจะนำคำสั่งพวกนี้มาทำเป็น Work Flow และทำให้การทำงานนั้นง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น…

  • การเพิ่มไอคอนรูปแม่บนหน้า Home Screen เพื่อเป็น Shortcuts ในการโทรหา
  • สร้างภาพเคลื่อนไหวเป็นไฟล์ GIFs
  • สร้างไฟล์ PDF จาก Safari หรือแอปอื่น ๆ และสามารถแชร์ได้ทันที
  • การจดบันทึกน้ำหนักตัวลงในแอป Health โดยไม่ต้องเข้าแอป Health
  • การส่งข้อความพร้อมกับรูป screenshot สุดท้ายของคุณ
  • หาร้านกาแฟที่ใกล้สุด

มาลองทำ Shortcuts กันเลย

ก่อนอื่นเปิดแอพกันก่อน ชื่อแอพว่า “Shortcuts” ตรง ๆ เลย ซึ่งตัวนี้มาพร้อมกับเครื่องอยู่แล้ว (iOS 12 ขึ้นไป) ใครหาไม่เจอก็ใช้ spotlight search หาแอพก็ได้

ลิ้งค์ด้านล่างเป็นวิธีเบสิคทำง่ายมาก ๆ คือ Shortcuts ไอคอนที่กดแล้วโทรหาแม่เลยไม่ต้องกดบัญชีให้ยุ่งยาก

แต่ที่ผมจะมาสอนวันนี้จะเป็น feature ที่เอาความสามารถของ AI ในด้าน natural language processing หรือที่เรียกว่า NLP มาวิเคราะห์เสียงเพลง (Music Recognition) ต้องบอกก่อนว่า AI นั้นอยู่รอบตัวเราจริง ๆ แต่ถ้าเรายังไม่ใช้มันให้คุ้มค่า ก็ใช้ซะ

Shazam X Spotify Shortcuts

Shortcuts ตัวนี้จะฟังเสียงเพลงแล้วก็บอกว่ามันคือเพลงอะไรนอกจากนั้นจะไปเปิดเพลงจริง ๆ เลยจาก Spotify เหตุผลที่ผมคิดอยากทำ Shortcuts นี้เพราะเวลาผมขับรถแล้วฟังวิทยุอยู่ พอเจอเพลงเพราะ ๆ แล้วไม่รู้ชื่อเพลงก็ต้องถาม Siri นี่แหละ พอ Siri บอกชื่อเพลงมาแล้วก็ต้องรีบเอาไปเสิร์ชใน spotify แล้ว save ใน playlist เอาไว้ไม่งั้นเดี๋ยวลืม แต่คิดดูว่าผมต้องกดเกือบ 10 คลิ๊ก แล้วยิ่งขับรถอยู่ก็ถือว่าอันตรายมาก

ผมเลยจะทำให้ขั้นตอนทั้งหมดลดเหลือการกดเพียง 0 ครั้ง!!!

ใช่แล้วครับเพราะเราสามารถสั่งการ Shortcuts ด้วย Siri ได้ด้วย

มาเริ่มกันเลย…

กดลิ้งค์นี้ผ่าน iPhone ของคุณได้เลยนะครับแล้วผมจะอธิบายโค้ดให้ฟัง

กดแล้วจะขึ้นหน้าแบบนี้ > กด Get Shortcut > เด้งไปแอพ Shortcuts > เลื่อนลงมาล่างสุดแล้วกด Add Untrusted Shortcut

สำหรับตรงนี้ต้องมีเปิด permission ที่ setting นิดหน่อย ทำตามนี้เลย

หลังจากที่ Add เรียบร้อยแล้วตัว Shazam X Spotify จะมาโผล่ในหน้า My Shortcuts เลย > กดจุด 3 จุด “…” ตรงบล็อก Shazam X Spotify

มาดูโปรแกรมกัน

การทำงานเบื้องหลัง Shortcut จะเหมือนเขียนโค้ดเลย แต่อยู่ในรูปแบบเป็น บล็อก ๆ แล้วมีคำสั่งกำหนดตัวแปร if/else for loop อย่าพึ่งตกใจไปครับเพราะใช้งานง่ายมาก มันก็คือภาษามนุษย์เลยไม่ต้องมีพื้นฐานเขียนโปรแกรมก็เล่นได้

ผมจะไล่เป็นอันดับเลยนะครับ จากบล็อก 1 ถึงบล็อกสุดท้าย

  1. บล็อก Shazam it ถ้าเกิดไม่ขึ้นต้องกด Allow Access ก่อน Block นี้จะฟังเสียงเพลง แล้วประมวณผล มันก็คือตัว Music Recognition พระเอกของเรานั่นเอง
  2. If Shazam Media has any value ตรงตัวเลยครับ ดูว่าไอบล็อกแรกมันรู้จักเพลงนี้มั้ย ถ้ามีจะรันบล็อกถัดมาต่อ ถ้าไม่มีจะไปเข้าตรงบล็อก Otherwise (17) ข้างล่าง เดี๋ยวไปถึงแล้วค่อยอธิบาย
  3. Text บล็อกนี้คือเราจะดึงค่าออกมาจากบล็อก 1 แลัว โดยเราจะเอาชื่อเพลง (Title) แล้วก็ชื่อศิลปิน (Artist) แล้วเชื่อมด้วยคำว่า “by” ออกมาเป็นข้อความเช่น Perfect by Ed Sheeran

4. Replace \(.*\) with _ in Text อันนี้ยากนิดหน่อย เป้าหมายคือจะตัดวงเล็บที่มาหลังชื่อเพลงออกเพราะมันหาใน Spotify ไม่เจอโดยสิ่งนี้ \(.*\) เรียกว่า Regular Expression มันจะแทนวงเล็บและทุกตัวอักษรในวงเล็บ ด้วย blank space เช่น Perfect (Acoustic) by Ed Sheeran -> Perfect by Ed Sheeran

5. Show notification Updated Text คือเราจะให้โทรศัพท์แสดงข้อความจากข้อ 4 เป็น Banner

6. Copy Updated Text to Clipboard ตรงตัวเลยครับ copy ข้อความจากข้อ 4 ไว้เผื่อเอาไป paste ที่อื่นต่อ

7. Replaced _ with + in Updated อันนี้คล้ายข้อ 4 คือแทนมี่ตัวอักษรเหมือนกัน แต่อันนี้จะแทน blank space ด้วยเครื่องหมาย + เช่น Perfect by Ed Sheeran -> Perfect+by+Ed+Sheeran

8. URL สร้าง url ชื่อ google.com/search?q=Updated Text+spotify ถ้าลองเอาไปแปะในเน็ตมันก็คือค้นหา google ด้วยชื่อเพลง ชื่อศิลปิน แล้วก็คำว่า spotify แหละลองคลิกลิ้งนี้ดูแล้วจะเข้าใจ -> www.google.com/search?q=Perfect+by+Ed+Sheeran+spotify

9. Get contents of web page at URL คือเอาข้อความทั้งหมดที่อยู่ในหน้า google search จากข้อ 8 ดึงข้อมูลมาเป็นภาษา html ก็จะมีชื่อเว็บต่าง ๆ ลิงค์ url ฯ

10. Get URLs from Contents of Web Page ทีนี้เราเอาข้อมูลจากข้อ 9 เนี่ยมาดูว่าตรงไหนเป็นลิ้งค์ url บ้าง ออกมาเป็นลิสต์เลย เช่นจากรูป screenshot ด้านบน ก็จะได้

11 - 12 . Repeat with each item in URL, If Repeat Item contains open.spotify.com อันนี้ถ้าใครเคยเขียนโปรแกรมมาก็คือ for loop ใน list ว่าง่าย ๆ คือเชคแต่ละ url จากข้อ 10 ว่ามีคำว่า “open.spotify.com” มั้ย จากข้างบนจะเห็นว่า แค่ url แรกก็เจอแล้ว

13. Open Repeat Item อันนี้เป็นผลพวงจาก 11 คือ ถ้าเจอ “open.spotify.com” ให้เปิด url นั้นบน Safari

14. Exit shortcut with Repeated Item ให้ออกจากแอพ Shortcutและทีนี้ปกติถ้าเปิด url ของ Spotify เนี่ยมันจะเด้งจาก Safari เข้าแอพ Spotify ให้เลยอัตโนมัติ เย่! แค่นี้เราก็ได้ฟังเพลงแล้ว ทีนี้มาต่อดีกว่าว่าถ้าบล็อก 2 ตอบไม่มีจะเป็นอย่างไร

15 - 16. End If End Repeat เป็นคำสั่งออกจาก if กับ loop

17 - 19. Otherwise Show alert Tap ’OK’ to try again? คือถ้าตัว Shazam ไม่รู้ว่าเพลงนี้คือเพลงอะไร อาจเป็นเพราะเสียงเบาหรือเป็นเสียงร้องเอง ก็จะเข้าคำสั่ง alert คือแสดงเป็น banner ขึ้นมาบนจอแล้วให้แตะ OK เพื่อฟังเสียงอีกรอบ เป็นอันจบโปรแกรม Shazam X Spotify

หลังจากนั้นคุณก็ rename shortcut นี้ อาจจะเปลี่ยนชื่อเป็น “Listen” ก็ได้ง่าย ๆ ทีนี้ตอนเรียก “Hey Siri” แล้วก็พูดว่า “Listen” ก็จบได้เพลงมาเล่นใน Spotify แล้ว ลองดูตัวอย่างการใช้งานด้านล่างนี้เลย

ตอนนี้คุณก็พอรู้แล้วว่า Shortcuts เนี่ยมันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นจริง ๆ ต่อไปลองสร้าง Shortcut เจ๋ง ๆ ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับตัวคุณเอง นอกจากนี้อยากให้ลองเล่นกับบล็อกต่าง ๆ ในแอพที่เกี่ยวกับ NLP เช่นการสั่งงานด้วยเสียง translation speech-to-text สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ใช่แค่เริ่มเข้ามาในชีวิต แต่อันที่จริงคือเข้ามาอยู่เรียบร้อยแล้ว เพียงขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะหยิบยกประสิทธิภาพของเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ดีแค่ไหน หากคุณรู้จักใช้ สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้คุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น

--

--