สรุปงาน QA Meet Up 2024

Watcharapong Suckavanich
T. T. Software Solution
4 min readMay 30, 2024

สวัสดีครับ
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เวลา 18.00-21.00น. ที่ผ่านมา
ณ LSEG อาคารอื้อ จื่อ เหลียง
ได้มีการจัดงาน QA Meet Up 2024

Agenda

Accessibility Design

การออกแบบ software ในปัจจุบัน จะต้องคำนึงถึงผู้ใช้งานที่ไม่ได้มีความสามารถครบถ้วนสมบูรณ์ด้วย

ไม่ใช่มองในมุมการพิการอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงอายุที่มากขึ้น สายตา สีสัน ตัวอักษรเป็นต้น

ปัจจุบันมีผู้ที่ไม่ได้สมบูรณ์ทางร่างกายถึง 1/6 ส่วนของประชากรทั้งหมด บางคนสายตาสั้น สายตายาว คนอายุเยอะต้องถ่าย ซูม ขยายจอ ขยายฟ้อนต์ บางคนอ่านตัวอักษรติดกันแล้วตาลาย อ่านนานไม่ได้ เป็นต้น ดังนั้นการออกแบบ Accessibility ให้ Software จึงไม่ได้มีจุดประสงค์เฉพาะผู้พิการเพียงอย่างเดียว

Tools

ซึ่งแนะนำ Axe หากซื้อ License จะมีระบบแสกนหน้าจอด้วย

และการออกแบบไม่ใช่เฉพาะส่วนของ software เท่านั้น

หากจะให้รองรับ accessibility 100% จะต้องรวมถึง hardware ด้วย

บางครั้งทีม Design ต้องหารือกับ BA รวมถึงทีม QA ด้วย ก่อนส่ง Dev เพราะบางที Dev อาจจะคาดไม่ถึง หรือมุมมองคนละแบบ

และบางครั้งถ้ามีความซับซ้อนมากอาจจะต้องขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้สามารถออกแบบระบบได้รองรับ accessibility ได้อย่างครบถ้วน

QA Transformation

Turn 3 weeks to 10 minutes

Testing is one of the most effort and time consuming in Software Development.

จริงๆ แล้ว Phase Dev ควรจะเป็น phase ใช้เวลาเยอะสุด

แต่หลายๆ ครั้งในความเป็นจริง Phase Test นานที่สุด

การมี Quality ดีที่สุด อาจจะไม่ตอบโจทย์ธุรกิจ

ปัจจุบันคือ ทำยังไงก้อได้ที่ทำให้ launch Feature/Product ออกไปให้เร็วที่สุด

แต่ยังมี Quality ที่ยังดีในจุดที่ยังรับได้อยู่

Regression Test

เทสเท่าที่จำเป็น base on business

good quality just good enough

เขียน automate ให้ run ได้ไม่ยาก

แต่เขียนให้ดี เขียนให้ไม่พัง เขียนให้ clean น่ะยาก

automate ที่ดีคือต้องเร็ว และเชื่อถือได้

test case เยอะไม่สำคัญ

สำคัญว่า test ได้เร็วแค่ไหน %ถูกต้องเท่าไร

automate 1 ข้อ ใช้เวลา run 10 นาที

automate 10 ข้อ ควรจะใช้เวลา 10 นาทีเหมือนกัน (run ขนานกันให้ได้)

ไม่ใช่ automate 10 ข้อ ใช้เวลา 100 นาที

ไม่จำเป็นต้อง perfect ให้เน้นใช้งานได้จริง ทีละจุด แล้วพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ

ทีม QA ต้องขายของให้เป็น ขาย value ของงานให้ได้ ดึงประโยชน์ออกมานำเสนอให้เห็นภาพ ให้เห็นผลลัพธ์

Code automate ใครควรเขียน ควรต้องเทสมั้ย

ทั้งทีมควรต้องช่วยกันเขียน แต่ QA ควรต้องขายของเป็น ดึง value ออกมา

เช่น ถ้าลดเวลาเทสลงจาก 3 ชั่วโมง เหลือ 10 นาที ทีมเอามั้ย?

และ code ควรต้องทดสอบก่อน เช่น มี Framework ในการทดสอบ monitor alert ด้วย

Community test tools กับ Commercial test tools อันไหนดีกว่ากัน

เมื่อก่อนต้อง commercial tools เท่านั้นถึงจะดี

ปัจจถบัน community tools ขยายใหญ่ขึ้น กลุ่มคนเยอะขึ้น ช่วยกันมากขึ้น ตอนนี้ใช้ community tools ดีสุดเพราะความ strong ของ community เอง

Automation Showcase

สามารถประยุกต์เอา automation มาทำ monitoring ได้

Mobile farm

มีบริการให้ทดสอบ โดยนำ automate script ไป run ข้างบนกี่เครื่องก้อได้

แต่มีข้อเสียคือ แพง และอยู่ ต่างประเทศ

บางที่เลยทำ mobile farm เอง

การมองปัญหา อยู่มุมมองว่า

ปัญหามันคือปัญหา หรือปัญหามันคือโอกาส

อย่างการทำ KYC ที่เป็นการเปิดกล้อง เพื่อยืนยันตัวตน

ก็สามารถทำ automate test ได้

แม้แต่ hardware ก้อสามารถทำเป็น automation ได้ ถ้ามองว่ามันคือการแก้ปัญหา

มันคือการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย

งานซ้ำๆ งานที่ต้องใช้คนเยอะ สามารถลด cost ลด effort ด้วยการทำ automate ได้

Case แบบใดที่ควรทำ automate

การที่จะตัดสินใจว่า test case ใดควรทำ automate ต้องดูว่าเราทำงานใดซ้ำๆ ทดสอบอะไรที่กิน effort ทีมมากๆ และลดเวลาได้ ค่อยเริ่มปรับมาทำ automate test

โดยทำ 70–80% ทำบน emulator

แล้วเหลือซัก 10–20% ทำบน env จริงๆ

เพื่อ make sure ว่าระบบเราสามารถ run บนระบบจริงได้

--

--