REVIEW IELTS TEST

BooM
T. T. Software Solution
4 min readJun 13, 2024

บทความนี้ จะมาเล่าถึงประสบการณ์ ในการสอบ IELTS ที่หลายๆ คน เตรียมตัวสอบอยู่ หรือแทบไม่รู้ ว่าการสอบนี้ คืออะไร แล้วสอบไปทำไม

IELTS ย่อมาจาก International English Language Testing System การสอบ IELTS เป็นการสอบที่ได้มาตรฐานสากลและนิยมใช้และเป็นที่ยอมรับจากองค์กรต่างๆ ทั่วโลกกว่า 10,000 แห่ง ในมากกว่า 140 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สถานศึกษา มหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการ และบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา แม้กระทั่งประเทศไทยเอง

ทำไมต้องสอบ IELTS

IELTS เป็นสิ่งที่พิสูจน์ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ​ และเป็นใบเบิกทางในการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหลักสูตรนานาชาติในไทย การสมัครเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ นอกจากนี้ใบคะแนน IELTS ยังแสดงถึงทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีโอกาสในการทำงานที่ดี หรือ ได้เลื่อนขั้นอีกด้วย

IELTS สอบอะไรบ้าง

การสอบ IELTS คือ การสอบวัดระดับทางภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ ได้แก่ การฟัง (Listening), การพูด (Speaking), การอ่าน (Reading), และการเขียน (Writing) ข้อสอบ IELTS นั้นมีความท้าทาย และถือว่ายากพอสมควร และในแต่ละพาร์ท รูปแบบข้อสอบ IELTS (format) ก็จะมีหลากหลาย แตกต่างกันด้วย การสอบ IELTS นั้น สามารถสมัครสอบ IELTS ไม่จำกัดจำนวนครั้ง พูดง่ายๆ IELTS สอบได้เรื่อยๆ จนกว่าจะได้คะแนนที่พอใจนั่นเอง แต่ราคาแรงพอสมควร การสมัครสอบ 1 ครั้งใช้ เงินประมาณ 7,xxx บาท

IELTS มีแบบไหนบ้าง

หลักๆ แล้ว การสอบ IELTS นั้นจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ IELTS Academic และ IELTS General Training โดยตัวข้อสอบจะมีความแตกต่างในเรื่องของระดับความยาก-ง่ายของเนื้อหาในพาร์ท Reading และ Writing ส่วนพาร์ท Listening และ Speaking

โดยจะขอยืมภาพจากหลักสูตรที่ผมเรียนก่อนไปสอบมาเพื่ออธิบายความแตกต่าง ระหว่าง IELTS Academic และ IELTS General Training

โดยคะแนนของ IELTS จะมีอยู่ทั้งหมด 9 ระดับ ดังนี้

ระดับ & ความหมายคะแนน IELTS

ในแต่ละแบนด์สามารถอธิบายระดับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้ ดังนี้

IELTS Band 9
สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว เหมาะสม ถูกต้องแม่นยำ และมีเข้าใจในภาษาอย่างดีเยี่ยม

IELTS Band 8
สามารถใช้ภาษาได้ถูกต้องและคล่องแคล่ว แต่อาจมีข้อผิดพลาดและความไม่เหมาะสมบ้างบางครั้งคราวในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย สามารถถกปัญหาที่ซับซ้อนอย่างมีเหตุผลได้ดี

IELTS Band 7
สามารถใช้ภาษาได้ดีแต่ยังมีความผิดพลาดและเข้าใจผิดในบางโอกาส โดยทั่วไปสามารถใช้ภาษาในลักษณะที่ซับซ้อนได้ดีและเข้าใจในการให้เหตุผลได้ดี

IELTS Band 6
มีความสามารถในการใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดและความไม่เหมาะสมในการใช้ภาษาบ้าง แต่ก็สามารถสื่อสารและเข้าใจภาษาที่ซับซ้อนได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ตนคุ้นเคย

IELTS Band 5
มีความสามารถในการใช้ภาษาได้บางส่วนและเข้าใจความหมายกว้างในสถานการณ์ส่วนใหญ่ ยังมีข้อผิดพลาดบ่อย ๆ แต่ก็สามารถสื่อสารในระดับพื้นฐานในเรื่องที่ตนถนัดได้ดี

IELTS Band 4
มีความสามารถในการสื่อสารจำกัดเฉพาะเรื่องที่ตนเองคุ้นเคย มีปัญหาในการสื่อสาร การเข้าใจและการแสดงออกทางความคิด และไม่สามารถใช้ภาษาที่ซับซ้อนได้

IELTS Band 3
รู้และเข้าใจความหมายกว้าง ๆ ในสถานการณ์ที่คุ้นเคยและมีการหยุดชะงักในการสื่อสารบ่อย

IELTS Band 2
ไม่สามารถสื่อสารเป็นเรื่องราวได้ พูดได้เป็นคำ ๆ เฉพาะคำคัพท์สั้น ๆ ที่คุ้นเคยเท่านั้น มีปัญหาในการทำความเข้าใจภาษาพูดและภาษาเขียน

IELTS Band 1
ไม่สามารถใช้ภาษาได้นอกจากคำศัพท์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

โดยที่ คะแนน IELTS ในแต่ละ skills เรียกว่า Subscores ประกอบด้วยคะแนน

  • คะแนน IELTS Listening
  • คะแนน IELTS Reading
  • คะแนน IELTS Writing
  • คะแนน IELTS Speaking

คะแนนรวม หรือ คะแนนเฉลี่ยของ IELTS เรียกว่า Overall Band Score
สำหรับวิธีคำนวณคะแนน IELTS จะคิดจากการนำคะแนนจากทั้ง 4 ทักษะ (การฟัง การอ่าน การเขียนและการพูด) มาบวกกัน แล้วหารด้วย 4 ถ้าหารแล้วไม่ลงตัว จะต้องปัดเศษคะแนน IELTS Overall ให้เป็นคะแนนเต็ม (whole band) .0 หรือครึ่งคะแนน (half band) .5 คล้ายๆ กับการปัดเลขตามหลักคณิตศาสตร์เลย สำหรับตัว Overall Band Score IELTS คะแนนเต็มสูงสุดจะอยู่ที่ 9.0 เช่นเดียวกัน

ตัวอย่าง 1: คะแนนเฉลี่ย 6.25 ปัดขึ้น Overall Band จะได้เป็น 6.5
ตัวอย่าง 2: คะแนนเฉลี่ย 7.13 ปัดลง Overall Band จะได้เป็น 7.0

ข้างต้นคือ รายละเอียดว่า IELTS คืออะไร มีกฎเกณฑ์ ในการวัดระดับยังไง แล้วนำไปใช้อะไรได้ จากนี้ผมจะเล่าถึง ประสบการณ์ในการสอบของผมนะครับ

ประสบการณ์

ผมได้ลง สอบ IELTS เมื่อเดือน พฤษภาคม 2024 ที่ผ่าน ซึ่งลงทดสอบแบบ IELTS General Training และสอบแบบ Computer Test ซึ่งจะต้องสอบทั้งวัน โดยแบ่งเป็น 2 part คือ ช่วงเช้าสอบ Listening, Reading, Writing โดยสอบผ่าน Computer แล้วช่วงบ่ายสอบ Speaking กับผู้คุมสอบที่เป็น Native โดยเตรียมตัวสอบประมาณ 2 อาทิตย์ ส่วนใหญ่จะเป็นการทำแบบทดสอบออนไลน์ ฝึกๆ ทำ ให้เยอะๆ เข้าไว้เน้น Listening, Reading, Writing เป็นหลัก Part Speaking แทบจะไม่ได้ฝึกเลย 😂

Listening

เริ่มแรกที่ ทักษะการฟัง การสอบฟัง IELTS จะให้ฟังบทสนทนา ที่มีการสนทนาระหว่าง 2 คนตอบโต้กัน หรือ มากกว่า 2 คนเล่าเหตุการณ์หรือความเห็นให้ฟังแล้วตอบคำถามในข้อสอบให้ถูกต้อง ในเวลา 40 นาที

ตัวอย่างคำถามที่เราจะต้องตอบ ระหว่างฟัง

โดยสามารถฟังได้แค่รอบเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าข้อไหนหลุด หรือไม่ทันคือพลาดแล้วพลาดเลย Part นี้เป็นสิ่งที่ยากสุดๆ สำหรับผมเลย ถึงแม้ว่าตัวเองจะพอฟังได้บ้างแต่ก็ไม่ได้ฟังได้ทั้งประโยคแบบยาวๆ และสำเนียงที่จากบทความที่ฟังก็มีความยากเช่นเดียวกัน โดยสิ่งที่ผมเรียนมาจากหลักสูตรครูเจี๊ยบนั้น คือ ต้องจำ Key words ให้ได้ เวลาฟังว่าเค้าพูดคำใกล้ๆ สิ่งที่เราจะตอบรึยัง ถ้าใกล้แล้ว ให้ Focus และจดจ่อเพราะคำตอบใกล้จะมาไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่ควรระวัง คือการสะกดคำผิด การตอบให้ตรงคำถาม เป็นต้น อย่างตัวอย่างด้านบน โจทย์ให้ตอบ คำเดียวเท่านั้น ถ้าตอบมามากกว่า 2 คำ คือผิดเลย ถึงจะเป็นคำตอบที่ถูกก็ตาม ดังนั้นควรดูโจทย์ดีๆ ว่าเขาต้องการอะไร

Reading

หลังจากสอบ ฟังก็จะเข้าสู่การสอบอ่านต่อกันทันที ไม่ได้หยุดพัก โดยสอบอ่านนั้น จะมีบทความให้อ่าน และตอบคำถามเช่นเดียวกับฟัง แต่คำตอบนี่จะมีกลลวงมากมาย เพราะจะเป็นการอ่านตีความภาษาอังกฤษแล้วมาตอบ หรือจับคู่ PASSAGE

ตัวอย่างนี้คือ choice ที่จะให้เลือกว่า Paragraph A หมายถึงอะไร ซึ่งผมยกมาแค่ A และ B เผื่อให้เห็นภาพคร่าวๆ ที่เราจะเลือกตอบ ซึ่งบทความหรือโจทย์ จะมีความยาว มากๆ ทำให้ยากต่อการแปล และจับใจความ โดย Part นี้ให้เวลาทำแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งปัญหาหลักของหลายๆ คนคือ เวลาไม่พอนั้นเอง แต่เทคนิคที่ผมเรียนมาคือ ไล่หา N + V ใกล้ๆ ประโยค แล้วดูว่าตรงกับอันไหนแสดงว่าคำตอบอยู่ในประโยคนั้น แต่ถ้าเป็น choice ยังไงก็ต้องแปลทั้ง บทความอยู่ดี 😂ซึ่งสิ่งที่ต้องระวังในการก็เหมือนกับ Part Listening เลย

Writing

หลังจบ Part อ่าน ก็เข้าสู่ เขียนทันที โดยมีเวลาจำกัด 1 ชั่วโมงเช่นเดียวกับ Part อ่าน โดย Part นี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ

  • เขียนจดหมาย (ต้องเขียนอย่างต่ำ 150 คำ)
ตัวอย่างคำถาม Writing Essay Task 1
  • Essay (ต้องเขียนอย่างต่ำ 250 คำ)
ตัวอย่างคำถาม Writing Essay Task 2

โดยส่วนตัวการเขียนจดหมาย จะมี Pattern ในการเขียนซึ่งเราจำ หัวและท้ายไป จากนั้นใจความจดหมายก็ใส่ให้ตรงกับสิ่งที่เค้าต้องการ ส่วน Essay จะเป็นเขียนบทความจากความคิดเห็นของเราซะส่วนใหญ่จากเรื่องที่ได้มา โดยเกณฑ์ให้คะแนน ขึ้นอยู่กับศัพท์ ที่ใช้และถูกหลักไวยากรณ์ไหม มีการใช้ Complex Compound sentence ไหมและตรงกับคำถามที่เค้าให้มาหรือไม่

Speaking

มาถึง Part สุดท้ายกันแล้ว Part นี้ได้ พักกินข้าวเที่ยง กลับมาและมีพลังในการตอบคำถามมากขึ้น รึป่าวว 😂 ใช้เวลา สอบแค่ 15 นาที แต่ผมเหมือนจะเร็วกว่านั้น เนื่องจากตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง Part นี้กดดันสุด เนื่องจากผู้คุมสอบทำหน้าเข้มมาก เค้าถามมา ผมตอบไปแทบจะไม่มี Reaction อะไรกลับมาเลย นั่งทำหน้านิ่งลูกเดียว ขนาดผมให้เค้าทวนคำถามให้ฟังยังไม่ทวน ให้ผมเลย ซึ่งพูดจะแบ่งเป็น 3 Part คือ

  1. ตอบคำถามทั่วไป ชื่อ สกุล ทำอะไรอยู่ บลาๆ
  2. จะมีการ์ดมา ให้นึกคำตอบ 1 นาที และตอบคำถาม 2 นาที เช่น คุณคิดว่าใครซื้อของได้ถูกที่สุด เค้าทำอย่างไร และคุณชอบสิ่งนั้นไหม เป็นต้น
  3. เป็นคำถามที่มาจาก Part 2 แต่จะไม่เจาะจงแต่จะเป็นความเห็นของเราอย่างเช่น คุณคิดยังไงกับการซื้อของราคาถูก เราจะซื้อของราคาถูดได้ที่ไหน ซึ่งคำถามส่วนนี้จะเป็นคำศัพท์ที่ฟังยากกว่า part 1 และ 2

สรุป

จบไปแล้วนะครับสำหรับ review การสอบ ไอเอล ของผม โดยส่วนตัวผมได้ Over all 4.5 คือครึ่งนึง นั้นเอง 😂ซึ่งการสอบนี้ทำให้รู้ว่าตัวเองยังต้องพัฒนา ทักษะและความรู้ด้านภาษาอีกเยอะมากๆ หวังว่าคนอ่านจะได้อะไรจากบทความนี้ ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบบบบบบบบ

ผมฝึกทำจาก web : https://ieltsonlinetests.com/ielts-exam-library นี้เลยนะครับใครกำลังเตรียมตัวสอบอยู่ แนะนำเลย มีทั้ง Academic และ General ให้เลือกเลยมีข้อสอบเยอะมาก ส่วนใหญ่ที่ผมฝึก 3 Part แรก ส่วน Speaking เทคนิคใครเทคนิคมันครับ เพราะผมไม่ได้ฝึกเลย ด้นสด 😆😆เป็นกำลังใจให้คนที่อ่านไปสอบ และขอให้โชคดีจ้า Band 9 จงมาาาาาา !!!

--

--