สรุปเนื้อหาที่ได้จากงาน Bangkok Soft Skill Tech — WARM UP
ในวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2562 นั้น ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมงาน Bangkok Soft Skill For Tech — Warm Up ที่จัดโดย bigbears.io ครับ
ผมสนใจเข้าร่วมงานนี้มากๆ จนจองตั๋วรถไฟไปกลับจาก ขอนแก่น — กทม แบบไปถึงเช้า Meetup ตอน 19.00–21.00 เสร็จแล้วก็กลับเลย เพราะว่าผมติดตามบทความของทั้งผู้จัดงานและ Speakers เป็นประจำนะครับ ทุกคนมีบทความดีๆแบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่นอยู่เสมอ เลยเป็นโอกาสที่ดีได้เจอกับตัวจริงของทุกๆคนครับ
ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยครับ งานสนุกมาก ทุกๆคนนำทั้งแนวคิด และประสบการณ์ในเรื่องของการนำ Soft Skill มาใช้ทั้งในที่ทำงานและในชีวิตส่วนตัวมาแบ่งปันให้กับผู้เข้าร่วมงานได้อย่างมีรสชาติ
ทำไมเราถึงควรศึกษา Soft Skill
ทักษะในการทำงานแบ่งได้หลักๆอยู่สองประเภท คือ Hard Skill กับ Soft Skill
Hard Skill คือ Skill ตาม Job Description ของเราที่ต้องใช้เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมาย
แต่เอาเข้าจริงเรายังต้องการ Skill ที่มากกว่านั้นเพื่อทำให้งานเสร็จได้ เช่นการสื่อสารทั้งกับเพื่อนร่วมงานในทีม / ทีมอื่นๆ, การทำความเข้าใจ เจรจาต่อรองในเนื้อหาของงานที่ได้รับมอบหมาย
Soft Skill จะช่วยทำให้เรามีความสุขกับการทำงานมากขึ้นครับ เพราะช่วยเราปรับมุมมอง ปรับวิธีคิดของเราให้สามารถจัดการกับสถานะการต่างๆได้อย่างเข้าใจแท้จริงและมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังช่วยให้เรามองโลกในแง่บวกอีกด้วย เพราะมองอะไรเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น
House Keeping — SCB Academy
เปิด Session แรก โดย คุณกิ๊ก Sakul Montha มาแนะนำ Facilities ต่างๆภายใน SCB Academy ครับ สถานที่สวยมากๆและมีอาหารว่างให้ทานด้วย ขอบคุณมากๆเลยครับ ได้ตุ้กตากับพัดลมกลับไปฝากลูกชายด้วย ^^
Feedback is a Gift
โดยคุณหนึ่ง Mahasak Pijittum ผู้จัดงานนี้ขึ้นมาครับ คุณหนึ่งอธิบายจุดประสงค์ของการจัดงานนี้ไว้น่าสนใจครับ
อยากให้ผู้เข้าร่วมฟังในงานทั้ง 60 คน นำ Soft Skill ไปปรับใช้กับตัวเองและถ่ายทอดต่อให้กับผู้อื่น เพื่อให้สังคมโปรแกรมเมอร์ไทยเป็นสังคมที่น่าทำงานมากขึ้น น่าอยู่มากขึ้น สามารถพูดคุย สื่อสาร ประสานงานกันได้อย่างมีความสุข มีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นครับ เริ่มจากเล็กๆแค่ 60 คน หลังจากนั้นแต่ล่ะคนก็ต่อยอดไปได้อีกคนล่ะ 60 คนไปเรื่อยๆ จนเติบโตเป็นสังคมใหญ่ (^ ^)
คุณหนึ่งนำเสนอข้อมูลว่า Programmer ในไทยของเรามี Hard Skill ที่ใช้ได้เลยทีเดียวไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่นๆเลยครับ รวมถึงยังรู้ค่อนข้างกว้างด้วยครับ แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่คือ Soft Skill ที่ใช้ในการจัดการงาน
Feedback คืออะไร
คือ ของขวัญ (Gift) ที่เป็นเสียงสะท้อนต่อความคาดหวังของผู้ให้ ที่ตั้งใจมอบให้เป็นประโยชน์ต่อผู้รับ เพื่อที่ผู้รับสามารถที่จะพัฒนาตัวเองเพิ่มมากขึ้นจากผลของสิ่งที่ผู้รับได้พึงกระทำ
Feedback ที่ดีต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ไม่ตัดสิน (Judge) ว่าสิ่งที่ผู้รับทำนั้น “ถูกหรือผิด” ณ สถานะการนั้น (Situation) แต่พยายามสังเกตุ สอบถาม และทำความเข้าใจผู้รับถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการกระทำนี้ (Behavior) รวมถึงอธิบายถึงผลที่ผู้รับกระทำนั้นก่อให้เกิดผลเสีย (Impact) อย่างไรบ้าง หลังจากนั้นทีมร่วมกันหาวิธีปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการในลักษณะนี้อีก
ตัวอย่าง
- นาย A มาประชุมไม่ทันตอนเช้า สายเป็นเวลา 20 นาที
- Feedback ที่มอบให้คือ ไม่ทำการดุด่าว่ากล่าวนาย A ที่มาสาย
- แต่สอบถามถึงสาเหตุว่าทำไมนาย A ถึงมาสาย และบอกผลที่นาย A มาสายว่าทำให้ทีมต้องรอเป็นเวลา 20 นาทีถึงจะเริ่มประชุมได้
- เมื่อนาย A รับทราบถึงผลที่เกิดขึ้น และแจ้งว่าไม่สะดวกมาเวลานี้เพราะว่ารถติดเป็นประจำ ทีมจึงลงความเห็นกันให้ปรับเวลาการประชุมเลื่อนไปอีก 1 ชั่วโมงเพื่อรอนาย A และมั่นใจว่าทีมสามารถเริ่มประชุมได้พร้อมกัน
- S = ประชุมเมื่อเช้า
- B = นาย A มาไม่ทันประชุม
- I = ทีมต้องรอนาย A เป็นเวลา 20 นาที
Feedback ต้องชัดเจน (Clear) ไม่ควรรวมหลายๆ Feedback เข้าด้วยกัน ค่อยๆปรับปรุงไปทีละเรื่องเพื่อไม่ให้หลุดประเด็นเพื่อนำไปพัฒนาตัวเอง
Feedback จะมีประโยชน์เมื่อผู้รับเปิดใจรับ Feedback จริงๆเท่านั้น ถ้าไม่อยู่ในสถานะการนั้นก็ยังไม่ควรที่จะมอบ Feedback
Feedback ควรให้ในทันที (Timely Fashion) จังหวะในการให้ Feedback คือ เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได เพื่อการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ
ให้คำแนะนำ, วิธีการแก้ไข เพื่อที่ผู้รับนอกจากจะทราบถึงประเด็นที่ต้องพัฒนาแล้ว ยังทราบถึงวิธีการที่จะไปถึงจุดนั้นได้เร็วด้วย
ผู้รับ Feedback ควรปฏิบัติยังไง
เปิดใจรับฟัง, สอบถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจ และขอบคุณที่ได้รับ Feedback เพราะมันคือโอกาสที่ทำให้เราพัฒนาตัวเองมากขึ้น รวมถึงเริ่มลงมือพัฒนาตัวเองตาม Feedback ที่ได้รับ
เราควรร้องขอ feedback อย่างสมำเสมอกับผู้ที่เรามีโอกาสได้ร่วมงานด้วยเพื่อการพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอนะครับ
Fireside Chat with Geek
Fireside Chat เป็นรูปแบบการพูดคุยที่จะมี Moderator และ Speaker มาตั้งหัวข้อถามตอบกันแบบไม่เป็นทางการ เพื่อมอบประสบการณ์ให้กับผู้เข้าร่วมในงานมากที่สุด
รายชื่อ Speakers ในงานครับ
- คุณดีน Salah Chalermthai
- คุณกาน Kan Ouivirach
- คุณคริส Chakrit Likitkhajorn
- คุณไท Thai Pangsakulyanont
หัวข้อ
ทำยังไงให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
- ยิ่งเราโตขึ้นเวลายิ่งมีน้อยลง แต่ทำยังไงให้สามารถได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น
- สามารถทำได้โดยที่เรารู้ว่าเราควรที่จะสนใจเรียนเรื่องไหน, ไม่เรียนเรื่องไหน เลือก Focus เฉพาะส่วนที่สนใจเท่านั้น
- นำความรู้ได้จากการศึกษามาเป็นพื้นฐานในการต่อยอดกับงานอื่นๆ
- เราควรต้องรู้ว่าเราอยากที่จะโตไปในทางไหน เพื่อวางแผนในการพัฒนา
T-shaped model ซึ่งก็คือมี Skill ที่เก่งหรือถนัดในเรื่องใดเรื่องนึงเชิงลึก (Deep) เช่น Programming แต่ก็ยังไม่ปิดโอกาสของตัวเองที่จะเรียนรู้ให้สามารถทำงานในด้านอื่นๆ เชิงกว้าง (Broad)เช่น Skill Business Marketing
- เราต้องออกแบบการศึกษาของเราให้ได้ คล้ายๆกับเวลาที่เราเล่นเกมส์ Ragnarok และมี Path ของ Skill เพื่อให้เราเก่งขึ้นเรื่อยๆ
- ถ้าเราไม่แน่ใจว่าเราจะวางแผนยังไง ก็แนะนำให้ลองปรึกษากับคนที่เราอยากมี Skill ในแบบเขา
การสื่อสารและการทำงานเป็นทีม
- First Impression คือสิ่งสำคัญ เราต้องรักษาบรรยากาศการทำงานที่น้องๆไว้วางใจในการขอคำปรึกษา เพื่อที่ทีมสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสบายใจ ให้ทีมรู้สึกปลอดภัยและกล้าจะนำเสนอความคิดของตัวเองให้กับทีมฟัง
- การเอาความรู้สึกของคนอื่นมาเป็นความรู้สึกของตัวเอง (Empathy) เพื่อที่เราจะได้เข้าใจความคาดหวังของอีกฝ่าย และตอบสนองกันได้อย่างลงตัว
- เราต้องเข้าใจความต้องการของตัวเราเอง และเข้าใจความต้องการของอีกฝ่ายเพื่อการสื่อสารที่ดี
- เราควรแยก ข้อมูล และ ความรู้สึก ออกจากกันเสมอเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการสื่อสาร
- ตัวอย่างทั่วไป เช่น ฉันเศร้าในเรื่องอะไร (ความรู้สึก)> แล้วค่อยไปหาข้อมูลกันต่อว่าเพราะอะไรถึงทำให้เศร้า (ข้อมูล)
- ตัวอย่างการทำงาน เช่น บอกว่า
ผมรู้สึกว่าการเปลี่ยน Requirement บ่อยๆทำให้ผมทำงานได้ลำบากมาก
ซึ่งจะดีกว่าเราบอกว่า
Requirement ไม่ชัดเจนแบบนี้ผมทำงานให้ไม่ได้หรอก
Nonviolent Communication (NVC)
- เกริ่นนำด้วยประสบการณ์ที่เคยเจอคือ ทีม 2 ทีม ที่กำลังโทษการทำงานของอีกฝ่ายทำให้งานของตัวเองเกิดปัญหา
- ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่มีใครอยากทำให้คนอื่นลำบาก หรือรู้สึกแย่หรอก เพียงแต่บางครั้งเขาไม่สามารถที่จะสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจได้ เลยทำให้การพูดคุยอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้น
- ลองเปลี่ยนวิธีการพูดก็จะช่วยให้สถานะการดีขึ้นแล้ว
- ตัวอย่างเช่น คุณครูต้องการจะบอกกับเด็กๆที่กำลังเตะบอลในห้องเรียนให้หยุดเตะบอล
ภาษาหมาป่า
เตะบอลกันแบบนี้ในห้องเรียนแย่มาก ทำไมถึงทำแบบนี้
ภาษายีราฟ — การสื่อสารอย่างสันติ (Nonviolent Communication)
เด็กๆรู้ไหมว่าคุณครูให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทุกๆคนมากที่สุด คุณครูเป็นห่วงว่าการเตะบอลในห้องเรียนอาจจะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้
- เมื่อเด็กๆได้ฟังภาษายีราฟก็จะทำให้เข้าใจถึงความเป็นห่วงและหวังดีที่คุณครูมีให้ และหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่อย่างสมัครใจ
- การสื่อสารอย่างสันติ (Nonviolent Communication) คือการตัดอารมณ์ออกไปเพื่อไม่ให้คิดไปเอง แต่จับไปที่ความรู้สึก ความต้องการ และสิ่งที่อยากร้องขอ ของคนพูดและฟัง เปิดให้แสดงความต้องการอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ไม่โทษหรือโยนความผิดไปให้คนอื่น
การจัดการกับความเครียด
- ควรให้รางวัลกับตัวเองในแต่ล่ะวัน อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าดีและประสบความสำเร็จในวันนั้น
- บางเรื่องก็ปล่อยวาง รู้ว่าอะไรที่ควรสนใจทำ และอะไรที่ควรปล่อยผ่านไป (โดยเฉพาะสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้)
- ถ้าเราพยายามทำทุกอย่างให้ดีมันจะไม่ดีเลยสักอย่าง ให้เราตั้งเป้าทำให้ดีเฉพาะในบางสิ่งดีกว่าทำทั้งหมด
- พยายามไม่คิดลบ เน้นกินดี, สุขภาพดี, นอนหลับเต็มอิ่ม ทุกอย่างก็ Happy
บทความ Soft Skill เพิ่มเติม
ผมรวบรวมบทความที่เกี่ยวข้องกับ Soft Skill เพิ่มเติมเผื่อผู้อ่านอยากทำความเข้าใจมากขึ้นน่ะครับ
Introduction to Soft Skill
Feedback
Empathy
Nonviolent Communication
การจัดการกับความเครียด
Medium ของทั้งผู้จัดและ Speakers ในงานครับ
สำหรับติดตามบทความดีๆในอนาคตเพื่อพัฒนาทั้งตัวเราเองและสังคมโปรแกรมเมอร์ไทยครับ
- คุณหนึ่ง
- คุณกิ๊ก
- คุณดีน
- คุณกาน
- คุณคริส
- คุณไท Thai
สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำต่อหลังจากนี้
ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าคนนึงที่ต้องดูแลการทำงานของน้องๆอยู่ตลอด ผมจะนำความรู้ที่ได้จาก Soft Skill นี้ไปปรับใช้กับทีมทั้งในเรื่องของ Feedback, Empathy, Non Violence Communication เพื่อให้บรรยากาศในทีมทำงานกันได้อย่างสนุกสนาน มีความสุขในการทำงานกันมากขึ้น
รวมถึงอยากส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ไปถึงน้องๆในทีมเพื่อใช้ทั้งกับงานและชีวิตส่วนตัว และช่วยกันผลักดันให้เราสามารถมอบสิ่งดีๆนี้ต่อไปยังผู้อื่นในสังคมได้อีกด้วยครับ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับ Session ดีดีนะครับ
นายป้องกัน
แอบแถม Review รถไฟไทยนิดนึงน่ะครับ เผื่อท่านใดสนใจอยากทดลองนั่ง สนุกดีครับ นอนสบาย