Developer/ IT กับปี 2017

Ta Theerasan Tonthongkam
ta tonthongkam
Published in
2 min readJan 17, 2017

ผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์สำหรับ ปี 2017 งานในสาย Developer เอง คงเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในปี 2016 ทั้ง Technology, เศรษฐกิจ แม้แต่เทรน Start Up ในบ้านเรา, ในฐานะที่เราเป็นนักพัฒนาควรปรับตัวอย่างไรบ้างล่ะ เรียนรู้เพิ่มขึ้น ใช้ Technology มากขึ้น เก่ง Technical มากขึ้น บลาๆ ๆ ๆ เยอะไปหมด.

แต่เดี่ยวก่อน!!! สิ่งที่เราต้องทำนั้นมันดีจริงเหรอ? มันทำให้เราอยู่รอดในโลกภายนอกได้เหรอ บทความนี้จะพูดถึงมุมมองการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกที่กระทบกับนักพัฒนา และให้นักพัฒนาทั้งหลายปรับตัวตาม

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี (Digital disruption)

ลองมองไปรอบข้างเราสิครับ คนที่เรารู้จักเกือบทั้งหมดคนมี Smart phone, facebook, Line ฯลฯ กันหมดแล้ว เราคงเห็นผลลัพธ์ของมันบ้างแล้วว่า บางเทคโนโลยีเข้ามาแล้วทำลายสิ่งเดิมๆ ที่เคยมีอยู่ เช่น สำนักพิมพ์ (ปีที่ผ่านมาเราคงเห็นสำนักพิมพ์ปิดตัวไปหลายค่าย) เป็นต้น บางเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสิ่งต่างๆ เช่น Video Call เราจะได้รับประสบการณ์ใหม่ในการสื่อสารมากขึ้น

จากที่กล่าวมาข้างต้น เป็นผลให้หลายๆ ธุรกิจต้องปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยี เช่น การขาย e-book การมีแอพดูหนัง/ฟังเพลง ถ้าเรามองดีๆ เราจะมองเห็นโอกาสว่ามันจะมีงานสายนักพัฒนาขึ้นมากมาย นักพัฒนาคงเนื้อหอมพอตัว…

Thailand 4.0 Tada!

การตื่นตัวของรัฐบาลเรื่อง Thailand 4.0[1] ค่อนข้างมีผลกับองค์กรหลายๆ องค์กร แม้บางองค์กรอาจจะเป็น Area ที่ห่างไกลกับนักพัฒนา เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล, ธุรกิจโรงงาน, ประกัน เป็นต้น แต่องค์กรเหล่านี้ พยายามจะผันตัวเองเป็น Digital solution/Digital innovation เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจของตนเอง และการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก

[1] อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Thailand 4.0 http://www.admissionpremium.com/news/1377

ผลกระทบต่อนักพัฒนา

ไม่ว่าจะเป็น Digital disruption หรือ Thailand 4.0 ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้งานสายนักพัฒนาเพิ่มขึ้นทั้งนั้น อีกทั้งประเทศไทยดันผลิตบัณฑิตในสายงานนี้ได้น้อยลงทุกปีๆ[2] แสดงว่าตอนนี้ Demand > Supply หรือความต้องการมีสูงกว่าอัตรา การผลิต เอ้าพวกเราเตรียมรวยยยยยย… แต่ได้โปรดหยุดความคิดตรงนั้นไปก่อน

[2] http://www.admissionpremium.com/news/1047

ในฐานะที่เป็นนักพัฒนา ผมสังเกตเห็นเพื่อนนักพัฒนาหลายๆ คน“หลง”ไปกับเครื่องมือการพัฒนาที่เปลี่ยนแปลงรวมเร็ว เช่น มีการประกาศใช้ Angular2 นักพัฒนาก็ เห้~~~~ แล้วไปจดจ่อกับ Angular2 ต่อมามีภาษาใหม่อีก เอ้าเห้~~~~ Kotlin Kotlin Kotlin. ที่พูดมาผมไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับการศึกษาเครื่องมือ หรือภาษาใหม่ๆ แต่แค่นี้มันยังไม่พอ

เพื่อให้เราอยู่รอดในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็วมากๆ เราควรจะมี Business Mind Set ซะบ้าง เราจะได้ทันความต้องการของโลก ทันความต้องการของลูกค้า, เราไม่ควรทำงานเพื่อสนองตัวเราอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว มีคนเล่าให้ฟังว่าเคยเจอนักพัฒนาประเภทที่ชอบท้าทาย ชอบลองของใหม่ ทำโปรดักด้วยของที่ใช้ยาก ของที่ใหม่ ใช้เวลานาน จนทำให้คนอื่นรู้สึกว่าข้าเจ๋ง ข้าเก่งเพราะใช้ของใหม่ ของยากๆ ได้

ยอมรับครับว่าคนที่ทำอย่างนี้ได้ ต้องใช้สกิลค่อนข้างสูง แต่เวลาที่ใช้ก็นานไปด้วย บางโซลูชั่นที่เรากำลังทำอยู่ ถ้าเราพัฒนานานเกินไป อาจมีคนทำมาตัดหน้าก็ได้ หรือความต้องการลูกค้าอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ เพราะฉนั้นเราควรที่จะเข้าใจเรื่องนี้จริงๆ มี Business Mind Set ซะ แล้วจะทำให้คุณอยู่รอด

หรืองานอีกสายเลยที่เราสามารถไปได้ไกลกว่านักพัฒนา นั้นคือนักสร้างนวัตกรรม (Inovator) เราที่เป็นนักพัฒนาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับ Technical มากพอแล้ว เราควรมีความเข้าใจธุรกิจอื่นๆ บ้าง เราจะได้มีความสามารถสร้างนวัฒกรรม เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจนั้นๆ

เราควรปรับตัวอย่างไรล่ะ

  1. มี Business Mind Set ซะ
  2. ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และฝึกวิธีรับมือปัญหา
  3. ออกจากคอมพิวเตอร์ไปหาไอเดียบ้าง ไปอยู่ในที่ๆ จะทำให้เราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์บ้าง
  4. ลองไปงานประกวดนวัตกรรมดูหน่อยสิ เช่น NSC YSC หรืองาน Start Up ทั้งหลาย
  5. ติดตามข่าวสารด้านอื่นๆ บ้างนะ
  6. ศึกษาอุตสาหกรรมอื่นๆ บ้าง

สรุป

เราจะเป็นนักพัฒนาที่ดีได้อย่างไร หากเราตามความต้องการของโลกไม่ทัน เพราะโลกภายนอกเปลี่ยนแปลงเร็วมากๆ ไม่ใช่แคเรื่อง Technology, เครื่องมือในการพัฒนา แต่ยังรวมถึง เศรษฐกิจ ธุรกิจ และสภาพสังคมอีกด้วย นักพัฒนาก็ควรที่จะติดตามความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แล้วพัฒนาตัวเองนั้นเช่นกัน นอกจากจะเป็นการสร้างคุณค่าและขีดความสามารถให้กับตัวเองแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือรัฐบาล และประเทศชาติอีกด้วย

--

--