Covid-19 และผลของมัน

Thanapong Bunchamoy
tanthanapong
Published in
1 min readMar 29, 2020

ต้องออกตัวก่อนครับว่า Story ที่เขียนนี้ เขียนตอนที่ผมสมองโล่งมากๆ และกำลังเตรียมตัวที่จะนอน อาจไม่ได้มีสาระสำคัญมากมาย แต่ก็พอที่จะหาได้อยู่บ้างครับหากค่อยๆอ่านและตั้งใจจะหามันจริงๆ ไม่ใช่ว่าผมจะกล่าวอ้างว่าบทความของผมนั้นซับซ้อนแยบยลจนถึงขนาดที่ต้องขบคิดหรอกครับ แต่เนื่องจากลำดับความคิด ณ.ตอนนี้ของผมไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ มันโล่งเกินไป ไม่มีการวางโครงเรื่องหรืออะไรในงานเขียน Story นี้เลย

เข้าเรื่องเลยละกันครับ เนื่องจาก ณ.วันที่ผมกำลังเขียน Story นี้คือวันที่ 29/03/2020 เวลา 22.42 น. บรรยากาศในห้องที่ผมอยู่เพียงตัวคนเดียวนั้นเงียบสงบมาก แต่ผมเลือกที่จะทำลายมันด้วยการเปิดเพลงของ Idol เกาหลีอย่างวง Red Velvet พบว่าเป็นเพลงที่ค่อนข้างน่ารำคาญในช่วงแรก แต่แล้วฟังไปฟังมาก็ติดหูแบบบอกไม่ถูก เรื่องก็มีอยู่ว่า ผมคิดขึ้นมาได้ว่าควรเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับโรคระบาดครั้งนี้ไว้ดีกว่า เผื่อว่าวันนึงเวลาผ่านพ้นไปแล้ว เรามองหันกลับมาอาจจะได้ข้อคิดอะไรบ้าง สำหรับผม ผลของการมี Covid-19 มีมากมายหลายอย่าง ผมจะพยายามไล่เป็นข้อๆ สั้นๆ สัก 10 ข้อครับ หากคนที่อ่านอยู่ในตอนนี้ ขอขอบคุณมากครับ อดทนอีกนิด คุณจะได้ขำกับความคิดเพี้ยนๆของผม

  1. ไม่ต้องเจอไม่ต้องพูดคุยไม่กับคนตัวเป็นๆ แน่นอนว่าการ WFH ยังคงต้องมีการ Video Call กันเพื่อพุดคุยหรือประชุมกันอยู่ แต่ที่ผมบอกคือ เราไม่ต้องเจอคนตัวเป็นๆครับ ข้อดีของมันคือเราไม่ต้องรับรู้อารมณ์ของกันและกัน การสื่อสารผ่านตัวหนังสือ และการพูดคุยหน้ากล้องทำให้ผมติดใจ และชื่นชอบมันมากกว่าพบเจอคนแบบ Face to Face
  2. การทำงาน สำหรับผมทำได้ไวขึ้นครับ อาจจะเพราะด้วยที่ผมกดดันตัวเอง เพื่อที่จะได้มีอะไรเขียนสรุปส่งหัวหน้าในแต่ละวันด้วยมั้ง ฮ่าๆๆ แต่เป็นเรื่องดีมาก ที่ผมรู้จักวางความคิด และจัดลำดับ Priority ในหัวตัวเอง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีคนพร่ำบอกให้ทำ แต่ก็ดื้อ ไม่เคยทำ คิดแต่ว่ายังไงฉันก็ทำเสร็จหมด แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่ พอจัดลำดับความสำคัญแล้ว มันทำให้งานภาพรวมในทีมเดินหน้าไปแบบราบรื่นขึ้น
  3. การพูดคุยเท่าที่จำเป็นกลายเป็นข้อดีของโรคระบาดครั้งนี้ ทั้งในที่ทำงาน และกับคนทั่วไปครับ ปกติผมค่อนข้างจะคุยกับคนทั่วๆไปเยอะ ทั้งแม่ค้า ทั้งน้องๆแคชเชียร์ที่ร้านสะดวกซื้อ แต่พอเกิดโรคระบาด เหมือนทุกคนเข้าใจว่าเราเองไม่อยากคุยมาก และไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร มันทำให้ผมเงียบได้แบบมีมารยาทมากขึ้นและแนบเนียนๆ
  4. ผมอยากใส่แมสปิดปากและปิดจมูกมานานแล้ว เพราะเห็นมีเพื่อนคนนึงทำมาทั้งชีวิต และอยากทำตาม แน่นอนแหละ ก่อนมีโรคระบาดผมไม่กล้าใส่หรอก มันดูแปลกๆและก็ดูรักสะอาดมากจนเกินไป ในความคิดผมคือมันไม่ cool เลย แต่ตอนนี้หรอ ฮ่าๆๆ ทุกคนใส่กัน เพราะฉะนั้นผมจะใส่ก็ไม่แปลก นี่ผมมีรูปแนบตอนผมใส่หน้ากากแบบที่อยากลองใส่ให้ดูหล่ะ ลองดูกันครับ ผมชอบนะ

5. ตอนใส่หน้ากาก ผมแอบฮัมเพลงแบบไม่มีเสียงโดยไม่โดนมองว่าเป็นคนแปลกๆได้ ผมชอบข้อนี้มาก เพราะนอกจากจะ Lip-sync แล้วยังสามารถแอบบ่นหรือแอบเบ้ปากตอนเจออะไรไม่ถูกใจได้อีก แต่ผมไม่ได้ทำบ่อยหรอกนะ นอกจากเจอคนที่ไม่ไหวจะเครียจริงๆถึงทำหน่ะ

6. การพกเจลล้างมือของผมไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป ปกติที่พกอยู่แล้วก็เลยไม่ค่อยรู้สึกแปลกเท่าไหร่ แต่พอทุกคนพกกันหมดก็แอบเซ็งเหมือนกัน เพราะหาซื้อยากขึ้น และแปลว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่ทำอะไรแปลกๆ cool cool แบบนั้นเพียงคนเดียวอีกแล้ว ฮ่าๆๆ แต่ถือเป็นเรื่องดีนะครับ อยากให้เมื่อหมดโรคระบาดแล้วทุกคนก็ยังคงใช้มันอยู่ เพราะมันจำเป็นจริงๆนะ เราไม่ได้พกห้องน้ำไปกับเราทุกที่ เพราะฉะนั้นเจลล้างมือสำคัญมาก

7. การเกิดโรคระบาดครั้งนี้ทำให้เราได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นครับ หรืออีกนัยนึงก็คือไม่มีอะไรให้ต้องออกไปสะสางหรือต้องออกไปทำ ผมสามารถทำอะไรได้หลายอย่างมากที่อยากทำ โดยที่ไม่รู้สึกผิดที่ไม่ได้ออกไปเจอโลกภายนอกเลย เช่น เขียน blog แคสเกมส์ ตัดต่อวิดีโอ ฟังเพลง ดูซีรี่ ดูหนัง ดูการ์ตูน อ่านหนังสือ หางานเสริมทำ ฯลฯ

8. ประหยัด ปกติแล้วผมเป็นคนเดินห้างเก่งมาก เดินทุกอาทิตย์ เดินทำไมนักไม่รู้ พอเดินแล้วก้อยากได้นั่นอยากได้นี่ ต้องซื้อตลอด พอเกิดโรคระบาดก็เป็นเหตุให้ไม่ได้ออกไปไหน เลยไม่ต้องเสียเงินกับค่าใช้จ่ายตรงนี้ครับ ประหยัดดี ฮ่าๆๆ

9. ได้ทำอาหารกินเอง ซึ่งจุดนี้ดีมากๆ ผมอยากทำมานานแล้ว แต่ด้วยข้ออ้างเรื่องเวลาและหลายๆอย่างทำให้ไม่ได้ทำเลย ก็เลยถือโอกาสนี้ในการทำเลยแล้วกัน

10. การเกิดโรคระบาดครั้งนี้ทำให้ผมประมาทน้อยลง เรียนรู้แล้วว่าชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนเลย อยู่ดีๆก็มีเรื่องมาเปลี่ยนแปลงตัวเราและสังคมแบบไม่ทันตั้งตัว และทุกคนต้องเอาตัวรอด ทั้งด้านการเงิน ชีวิตความเป็นอยู่ และอื่นๆ ต่อไปนี้จะประหยัดแบบสุดๆเท่าที่จะทำได้แล้วครับ ไม่ใช้เงินแบบไม่ยั้งคิดอีก เพราะเมื่อถึงคราวจำเป็น เงินสดและทรัพย์สินของเราก็จำเป็นที่สุดครับ

--

--

Thanapong Bunchamoy
tanthanapong

โปรแกรมเมอร์, เกมส์เมอร์, Youtuber, Skin Care Lover, มีหลานน่ารัก, เลี้ยงกระต่าย, ฟิตเนส, ชอบถ่ายภาพ