“Branding marketing & Event marketing” [YEAH Meetup 2/2018]

Panthipa Suksirisorn
TeamYEAH
Published in
3 min readSep 26, 2018

YEAH Meetup ครั้งที่ 2 ที่ผ่านมา มีหัวข้อคือ Branding marketing & Event marketing โดยมีผู้ใหญ่ใจดีคุณ Serena Tan และ คุณชวิศา เฉิน มาแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์ในการทำ Marketing เพื่อให้น้องๆใน YEAH จากมหาวิทยาลัยต่างๆได้นำไปใช้ในการจัดEvent สำหรับสร้างCommunityผู้ประกอบการในรั้วมหาวิทยาลัยของตัวเอง

“BRANDING” คือ

Moment ที่เรารู้สึกดีใจ Momentที่อยากจะแบ่งปัน
สำหรับ Branding ของทั้ง Community จะเกิดขึ้นก็คือ ทุกครั้งที่เราจัดEventเขาก็จะมาEvent

4 Element of Community Branding

ภาพที่ 2 จาก http://www.vectorpicker.com

Vision =ภาพที่อยากให้เกิดขึ้น

Mission =วิธีการที่ทำให้ภาพนั้นเป็นจริง

Archetype =บุคลิกลักษณะของตัวเรา

Benefit =สิ่งที่เราอยากจะส่งมอบให้

.

วิสัยทัศน์และพันธกิจ (Vision & Mission)

เวลาเราจะระบุวิสัยทัศน์ลงไปนั้น ต้องสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และเป็นเรื่องใหม่

ภาพที่ 3 จาก https://www.pinterest.ie/pin/565694403177633718/

หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ

  • Vision : อีกฝั่งที่เราอยากไปให้ถึง(Ideal scenario)
  • Mission : สะพานที่เป็นเส้นทางให้เราเดินข้ามไป(ฺBridge)

.

.

ลักษณะเฉพาะตัว (Archetype)

ซึ่งจะดูจากตัวเราเป็นคนแบบไหน(จากลักษณะการตัดสินใจ หรือ แรงจูงใจ)

สำหรับ Community Branding นั้นก็คือ Community เรามีลักษณะเป็นแบบไหน

โดยแบ่งเป็น 4 Type

  1. Stability & Control : กลุ่ม Brand Archetype ที่สร้างบางอย่างให้โลก
  • Caregiver = ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น
  • Ruler = ต้องการควบคุม
  • Creator = ต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่

2. Learning & Freedom : กลุ่ม Brand Archetype ที่เกี่ยวข้องกับด้านจิตวิญญาณ

  • Innocent = ต้องการความปลอดภัย
  • Sage = ต้องการเข้าใจ
  • Explorer = ต้องการอิสระ

3. Risk & Achievement : กลุ่ม Brand Archetype ที่ต้องการทิ้ง “บางอย่าง” ไว้ให้โลก

  • Hero = ต้องการเป็นผู้พิชิต (ความชั่วร้าย)
  • Rebel = ต้องการออกจากฏเกณฑ์
  • Magician = ต้องการ “พลัง”

4. Belonging : กลุ่ม Brand Archetype ที่ต้องการ “เชื่อม” กับผู้อื่น

  • Lover = ต้องการใกล้ชิดกับอีกฝ่าย
  • Jester = ต้องการสนุก
  • Everyman = ต้องการอยู่เป็นส่วนหนึ่งกับทุกคน

คุณประโยชน์ที่ส่งมอบให้ (Benefit) 3 ด้าน

  1. Functional : การใช้งาน — ประโยชน์ที่ได้รับจากการได้เข้าร่วมCommunityของเรา
  2. Emotional : ความรู้สึก — ความรู้สึกดีๆที่ได้รับหลังจากเข้าEventหรือสิ่งที่ผู้เข้าร่วมนั้นสัมผัสได้ระหว่างอยู่ใน Community
  3. Symbolic : ภาพลักษณ์ — เมื่อมาอยู่ในCommunityนี้แล้ว คนที่มาอยู่เขาจะถูกมองแบบไหน หรือมองว่าผู้คนกลุ่มนี้เป็นแบบไหน

เมื่อเรามีBrandingเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงช่วง Event marketing ที่ว่าจะทำอย่างไร หรือมีขั้นตอนอะไรบ้างให้ Eventของเรานั้นเป็นที่รู้จัก และผู้เข้าร่วมงานเกิดความประทับใจ

สาเหตุที่เราต้องจัดEvent

  • เจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน มีความสนใจเดี่ยวกัน (Reputation)
  • สร้างเพื่อนใหม่ สร้างสายสัมพันธ์ (Connection)
  • เพื่อให้คนในชมรมเกิดเป็น Community

.

ความสำคัญของการเตรียมการจัดงานEvent

  • เพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด
  • ทุกคนที่จัดงานนั้นเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตของCommunity
  • รู้จักคุณค่าของการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทำงานเป็นทีม

10 ขั้นตอนในการจัด Event

  1. ตั้งเป้าหมายและจุดประสงค์ (Goal & Objectives)
  2. ตั้งทีม
  3. กำหนดวัน
  4. ระบุว่าอยากให้Eventของเราเป็นยังไง
  5. วางแผนการจัดงาน (Master Plan) = Costumer Journey Map
  6. กำหนดกระบวนการต่างๆที่จะเกิดขึ้น (Administrative Process) = Checklist
  7. ระบุว่าใครสามารถช่วยเหลือสนับสนุนให้Eventเราเกิดขึ้นได้อย่างสบบูรณ์ยิ่งขึ้นได้บ้าง
  8. วางแผนว่าจะประชาสัมพันธ์Eventของเราให้คนอื่นรับรู้แบบไหน หรือใช้ช่องทางไหน
  9. ตั้งงบประมาณที่จะใช้
  10. ประเมินว่าการจัดEventของเราเป็นอย่างไร (Evaluation) = Feedback

โดยพี่เหวินได้ขยายความในส่วนสำคัญๆ

  1. Goal & Objectives : เพื่อให้เรารู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญของงานและอะไรคือเป้าหมายของการจัดงานนี้
  2. Costumer Journey Map : คือ แผนที่การเดินทางของผู้เข้าร่วมงาน ตั้งแต่เห็นการประชาสัมพันธ์ ค้นหาช่องทางการติดต่อ และตัดสินใจมาเข้าร่วมงาน เพื่อให้เราเข้าใจผู้เข้าร่วมEventมากยิ่งขึ้น

Identify touch points ซึงจะแบ่งเปน 3 phase คือ

  • Pre-Event
  • Event
  • Post-Event

ออกแบบบริการใน strategic touch points

  • ความต้องการในแต่ละ touch points
  • เรามีการสนับสนุน Staff ของเราอย่างไร
  • การออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจ
  • การสร้าง Service Innovation

3. Checklist : รายการต่างๆ เพื่อดูว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ใช้รูปแบบใด เครื่องมือไหน

3.1 Pre Event

3.2 Event

3.3 Post Event

4. Feedback

เพื่อให้เรารู้ว่าผู้เข้าร่วมEventของเราประทับใจมากน้อยแค่ไหน และเราต้องพัฒนาปรับปรุงหรือเพิ่มเติมอะไรให้เกิดขึ้นบ้างเมื่อเราจัดEventในครั้งถัดไป ไม่ใช่แค่ให้ผู้เข้าร่วมEventของเราพอใจ แต่เพื่อให้เขากลับมาพร้อมได้เพื่อนใหม่และได้สร้างความทรงจำดีๆร่วมกัน

ขั้นตอนนี้สำหรับ YEAH Community แล้ว เราจะใช้ Lean Startup Methodology เพือพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปในทิศทางทีให้คุณค่าผู้คนได้มากขึน อีกทังยังทําให้ผลิตภัณฑ์สมบูรณ์ขึน และเหมาะสมกับความต้องการของผู้คน ที่เปลียนแปลงไปตามกาลเวลา หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า “Build — Measure — Learn”

The Build-Measure-Learn Feedback Loop ภาพจากhttps://www.mindtools.com/pages/article/build-measure-learn.htm

จากหัวข้อในครั้งนี้ “Branding marketing & Event marketing” แม้ว่างานที่จัดขึ้นนั้นจะเป็นภาพของCommunityที่สร้างขึ้นในมหาวิทยาลัย แต่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้นั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ในการสร้างสัมพันธ์ภาพที่ดีและพัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง

Event ที่ส่งมอบความรู้ดีๆ จาก Young Entrepreneur Assembly Hub — YEAH จะกลับมาอีกในMeet up ถัดไป สามารถติดตามได้ที่

https://www.facebook.com/yeahentrepreneurhub/

--

--

Panthipa Suksirisorn
TeamYEAH

Life Lecture in Psychology & Mental Health Ecosystem