“Branding marketing & Event marketing” [YEAH Meetup 2/2018]
YEAH Meetup ครั้งที่ 2 ที่ผ่านมา มีหัวข้อคือ Branding marketing & Event marketing โดยมีผู้ใหญ่ใจดีคุณ Serena Tan และ คุณชวิศา เฉิน มาแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์ในการทำ Marketing เพื่อให้น้องๆใน YEAH จากมหาวิทยาลัยต่างๆได้นำไปใช้ในการจัดEvent สำหรับสร้างCommunityผู้ประกอบการในรั้วมหาวิทยาลัยของตัวเอง
“BRANDING” คือ
Moment ที่เรารู้สึกดีใจ Momentที่อยากจะแบ่งปัน
สำหรับ Branding ของทั้ง Community จะเกิดขึ้นก็คือ ทุกครั้งที่เราจัดEventเขาก็จะมาEvent
4 Element of Community Branding
Vision =ภาพที่อยากให้เกิดขึ้น
Mission =วิธีการที่ทำให้ภาพนั้นเป็นจริง
Archetype =บุคลิกลักษณะของตัวเรา
Benefit =สิ่งที่เราอยากจะส่งมอบให้
.
วิสัยทัศน์และพันธกิจ (Vision & Mission)
เวลาเราจะระบุวิสัยทัศน์ลงไปนั้น ต้องสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และเป็นเรื่องใหม่
หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ
- Vision : อีกฝั่งที่เราอยากไปให้ถึง(Ideal scenario)
- Mission : สะพานที่เป็นเส้นทางให้เราเดินข้ามไป(ฺBridge)
.
.
ลักษณะเฉพาะตัว (Archetype)
ซึ่งจะดูจากตัวเราเป็นคนแบบไหน(จากลักษณะการตัดสินใจ หรือ แรงจูงใจ)
สำหรับ Community Branding นั้นก็คือ Community เรามีลักษณะเป็นแบบไหน
โดยแบ่งเป็น 4 Type
- Stability & Control : กลุ่ม Brand Archetype ที่สร้างบางอย่างให้โลก
- Caregiver = ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น
- Ruler = ต้องการควบคุม
- Creator = ต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
2. Learning & Freedom : กลุ่ม Brand Archetype ที่เกี่ยวข้องกับด้านจิตวิญญาณ
- Innocent = ต้องการความปลอดภัย
- Sage = ต้องการเข้าใจ
- Explorer = ต้องการอิสระ
3. Risk & Achievement : กลุ่ม Brand Archetype ที่ต้องการทิ้ง “บางอย่าง” ไว้ให้โลก
- Hero = ต้องการเป็นผู้พิชิต (ความชั่วร้าย)
- Rebel = ต้องการออกจากฏเกณฑ์
- Magician = ต้องการ “พลัง”
4. Belonging : กลุ่ม Brand Archetype ที่ต้องการ “เชื่อม” กับผู้อื่น
- Lover = ต้องการใกล้ชิดกับอีกฝ่าย
- Jester = ต้องการสนุก
- Everyman = ต้องการอยู่เป็นส่วนหนึ่งกับทุกคน
คุณประโยชน์ที่ส่งมอบให้ (Benefit) 3 ด้าน
- Functional : การใช้งาน — ประโยชน์ที่ได้รับจากการได้เข้าร่วมCommunityของเรา
- Emotional : ความรู้สึก — ความรู้สึกดีๆที่ได้รับหลังจากเข้าEventหรือสิ่งที่ผู้เข้าร่วมนั้นสัมผัสได้ระหว่างอยู่ใน Community
- Symbolic : ภาพลักษณ์ — เมื่อมาอยู่ในCommunityนี้แล้ว คนที่มาอยู่เขาจะถูกมองแบบไหน หรือมองว่าผู้คนกลุ่มนี้เป็นแบบไหน
เมื่อเรามีBrandingเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงช่วง Event marketing ที่ว่าจะทำอย่างไร หรือมีขั้นตอนอะไรบ้างให้ Eventของเรานั้นเป็นที่รู้จัก และผู้เข้าร่วมงานเกิดความประทับใจ
สาเหตุที่เราต้องจัดEvent
- เจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน มีความสนใจเดี่ยวกัน (Reputation)
- สร้างเพื่อนใหม่ สร้างสายสัมพันธ์ (Connection)
- เพื่อให้คนในชมรมเกิดเป็น Community
.
ความสำคัญของการเตรียมการจัดงานEvent
- เพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด
- ทุกคนที่จัดงานนั้นเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตของCommunity
- รู้จักคุณค่าของการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทำงานเป็นทีม
10 ขั้นตอนในการจัด Event
- ตั้งเป้าหมายและจุดประสงค์ (Goal & Objectives)
- ตั้งทีม
- กำหนดวัน
- ระบุว่าอยากให้Eventของเราเป็นยังไง
- วางแผนการจัดงาน (Master Plan) = Costumer Journey Map
- กำหนดกระบวนการต่างๆที่จะเกิดขึ้น (Administrative Process) = Checklist
- ระบุว่าใครสามารถช่วยเหลือสนับสนุนให้Eventเราเกิดขึ้นได้อย่างสบบูรณ์ยิ่งขึ้นได้บ้าง
- วางแผนว่าจะประชาสัมพันธ์Eventของเราให้คนอื่นรับรู้แบบไหน หรือใช้ช่องทางไหน
- ตั้งงบประมาณที่จะใช้
- ประเมินว่าการจัดEventของเราเป็นอย่างไร (Evaluation) = Feedback
โดยพี่เหวินได้ขยายความในส่วนสำคัญๆ
- Goal & Objectives : เพื่อให้เรารู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญของงานและอะไรคือเป้าหมายของการจัดงานนี้
- Costumer Journey Map : คือ แผนที่การเดินทางของผู้เข้าร่วมงาน ตั้งแต่เห็นการประชาสัมพันธ์ ค้นหาช่องทางการติดต่อ และตัดสินใจมาเข้าร่วมงาน เพื่อให้เราเข้าใจผู้เข้าร่วมEventมากยิ่งขึ้น
Identify touch points ซึงจะแบ่งเปน 3 phase คือ
- Pre-Event
- Event
- Post-Event
ออกแบบบริการใน strategic touch points
- ความต้องการในแต่ละ touch points
- เรามีการสนับสนุน Staff ของเราอย่างไร
- การออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจ
- การสร้าง Service Innovation
3. Checklist : รายการต่างๆ เพื่อดูว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ใช้รูปแบบใด เครื่องมือไหน
3.1 Pre Event
3.2 Event
3.3 Post Event
4. Feedback
เพื่อให้เรารู้ว่าผู้เข้าร่วมEventของเราประทับใจมากน้อยแค่ไหน และเราต้องพัฒนาปรับปรุงหรือเพิ่มเติมอะไรให้เกิดขึ้นบ้างเมื่อเราจัดEventในครั้งถัดไป ไม่ใช่แค่ให้ผู้เข้าร่วมEventของเราพอใจ แต่เพื่อให้เขากลับมาพร้อมได้เพื่อนใหม่และได้สร้างความทรงจำดีๆร่วมกัน
ขั้นตอนนี้สำหรับ YEAH Community แล้ว เราจะใช้ Lean Startup Methodology เพือพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปในทิศทางทีให้คุณค่าผู้คนได้มากขึน อีกทังยังทําให้ผลิตภัณฑ์สมบูรณ์ขึน และเหมาะสมกับความต้องการของผู้คน ที่เปลียนแปลงไปตามกาลเวลา หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า “Build — Measure — Learn”
จากหัวข้อในครั้งนี้ “Branding marketing & Event marketing” แม้ว่างานที่จัดขึ้นนั้นจะเป็นภาพของCommunityที่สร้างขึ้นในมหาวิทยาลัย แต่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้นั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ในการสร้างสัมพันธ์ภาพที่ดีและพัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง
Event ที่ส่งมอบความรู้ดีๆ จาก Young Entrepreneur Assembly Hub — YEAH จะกลับมาอีกในMeet up ถัดไป สามารถติดตามได้ที่