[รีวิว] ประสบการณ์ Internship Android Developer ที่ TDG

Ext Jirapat Chu
te<h @TDG
Published in
2 min readAug 26, 2022

บทความนี้จะมารีวิวประสบการณ์ฝึกงานเป็นระยะเวลา 3 เดือนในตำแหน่ง Android Developer ที่ True Digital Group ค่ะ

ก่อนอื่นเลย ต้องขอสวัสดีทุก ๆ คนนะคะ เราชื่อว่าปรายฟ้า มาจากภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ชั้นปีที่ 4

📋 การสัมภาษณ์

ด้วยความที่เรารู้มาว่ามีเพื่อน ๆ จากภาควิชาเดียวกันมาฝึกที่เดียวกัน จึงได้รู้เวลานัดหมายสัมภาษณ์ของแต่ละคน ทีแรกก็อุ่นใจเพราะถ้าได้ฝึกงานที่นี่จะมีเพื่อน แต่วินาทีที่รู้ว่าตัวเองเป็นคิวสัมภาษณ์คนแรกก็ใจสั่น ตื่นเต้นมาก ๆ แต่พอถึงเวลาจริง ก็ได้เจอพี่ ๆ ที่เป็นกันเองมาก คอยยิ้มแย้มอยู่ตลอดระหว่างการสัมภาษณ์ โดยเปิดมาคำถามแรก พี่ ๆ ก็ให้เราได้แนะนำตัวเองว่าชื่ออะไร มาจากไหน ชอบวิชาอะไร ไม่ชอบวิชาอะไร แล้วสนใจด้านไหนเป็นพิเศษ แม้ว่าเราจะแอบพูดลิ้นพันกันบ้าง แต่พี่ ๆ ก็น่ารักและใจดีมาก

🙋‍♀️เริ่มต้นฝึกงาน ไม่เก่งจะอยู่รอดไหม?

สารภาพว่าแรก ๆ เราก็กังวลค่ะ กลัวมาก ว่าจะทำงานได้ไหม เพราะแน่นอนว่าประสบการณ์ที่เราเคยเรียนมานั้นเทียบไม่ได้กับการทำงานจริง ตรงจุดนี้ตัวเราเองจะรู้ดีที่สุด แต่เราได้มาฝึกงานที่ TDG ทั้งทีแล้วนะ การที่เราได้เข้ามา เราก็ต้องพยายามให้ดีที่สุด อะไรที่พี่ ๆ เขาสอนก็พยายามกอบโกย พยายามเรียนรู้ ไม่ต้องไปคิดล่วงหน้าว่าทำไม่ได้แล้วพี่เขาจะว่าอะไรเราไหม ถ้าเราติดปัญหา เราก็ควรจะถามพี่ ๆ ว่าต้องทำยังไง ต้องคอย communicate กันภายในทีมเพื่อให้งานไปได้ไว ไปได้เร็ว และสำเร็จในที่สุด

ถ้ามีเพื่อนมาฝึกที่เดียวกัน จะได้ทำกับเพื่อนไหม?

เราตอบได้แค่ว่าอาจจะ เพราะอย่างเราแม้จะเข้ามากับเพื่อน แต่ตอนเข้ามาพี่ ๆ ก็ถามว่า “ถ้าฝึกงานแล้วต้องฝึกแยกกับเพื่อนจะเป็นอะไรไหม” เราก็ตอบว่าไม่เป็นไรค่ะ (แต่ก็อยากฝึกกับเพื่อนมากกว่านะจริง ๆ) แล้วก็ได้อยู่แยกกับเพื่อนจริง ๆ ทีแรกก็ขำแห้งเพราะกลัว โดยที่เราฝึกงานจะแบ่งออกเป็น 13 ทีม เราได้อยู่ทีมฮีโร่ เห็นชื่อเราก็แอบเครียดแล้ว เพราะฟังดูเป็นทีมที่คงต้องเก่งมากแน่ ๆ เลย เพราะต้องช่วยเหลืองานจากทีมอื่น แต่ปรากฏว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ตรงนี้ต้องขอบคุณพี่ Kijja (พี่จา) ที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลเราอยู่เสมอ ซึ่งตอนเราเข้ามาพี่ ๆ เป็นคนสุ่มทีมให้ แต่ถ้าหากว่ามีรอบไหนที่พี่ ๆ บอกให้เลือกทีมได้ด้วยตัวเอง อย่าลืมคิดถึงทีมฮีโร่กันไว้ในใจด้วยนะ พี่ใจดีม๊ากกกกกกกกกกกก!

สิ่งที่ได้เจอตอนฝึกงาน

  1. Daily Scrum: เป็นสิ่งที่ต้องทำทุก ๆ เช้าเพื่อรายงานว่าเมื่อวานเราทำอะไร และวันนี้จะทำอะไร ติดปัญหาตรงไหนบ้างไหม เพื่อให้ทีมรับทราบว่าใครกำลังทำอะไรอยู่ และภาพรวมของทีมเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าติดปัญหาจะได้นัดหมายกันหลัง Daily เพื่อไปพูดคุยเรื่องการแก้ปัญหานั้น
  2. Sprint Planning: เป็นการประชุมพูดคุยถึงงานที่จะทำใน Sprint นี้ว่าจะเลือกรับงานไหนมาทำบ้าง โดยในบางครั้งพี่ ๆ ในทีมก็จะถามว่าเราสนใจอยากรับงานไหนไปทำเป็นพิเศษไหม หรือบางครั้งพี่ ๆ ก็เลือกงานที่ค่อนข้างง่ายให้เราไปลองทำดู
  3. Sprint Review: เป็นการปะชุมที่จะมาพูดคุยและประเมินกันว่าทำอะไรไปบ้าง เหลืองานอะไรบ้าง ซึ่งจะทำให้เห็นภาพรวมว่า Sprint ถัดไปต้องวางแผนอย่างไร ปรับตรงส่วนไหนเพื่อให้เกิดปัญหาในทีมน้อยที่สุด
  4. Backlog Grooming: การประชุมที่คนในทีมจะมา Planning Poker งานใน Sprint หน้า มีการพูดคุยถึงรายละเอียดของงานและประเมินความยากง่ายเป็น points เพื่อให้เมื่อถึงคราวที่ต้อง Planning เราจะได้ไม่ต้องคุยรายเอียดกันมากแล้ว
  5. Sprint Retrospective: เป็นการพูดคุยกันภายในทีมโดยจะมีกิจกรรมเล็ก ๆ ให้ทุกคนได้ทำร่วมกัน ได้มองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีและสิ่งที่เราสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นจากเดิมได้ใน Sprint นี้ นอกเหนือจากนั้นแล้วยังสามารถระบายกับทีมถึงสิ่งที่พบเจอ และเป็นการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
  6. All-team Sprint Review: เป็นการประชุมที่ทุก ๆ ทีมจะมารวมตัวกันและนำเสนองานที่ตัวเองได้ทำไปเพื่อให้ทีมอื่น ๆ ได้สอบถามหรือให้ feedback และใด ๆ ที่ขาด(ไม่)ได้เลยก็คือพี่ ๆ แต่ละทีมจะเตรียมมุกมาตอนท้ายของการนำเสนอ ทำให้บรรยากาศที่คิดว่าตึงเครียดดูเป็นกันเองมาก
  7. Knowledge sharing: เป็นมีทติ้งที่จะสลับแต่ละทีมกันมาแชร์ความรู้หรือเทคนิคต่าง ๆ ให้ทุกคนได้ร่วมกันเรียนรู้ ซึ่งส่วนตัวเราเองก็ฟังเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่หลาย ๆ เรื่องก็เป็นความรู้ที่น่าสนใจมาก ๆ จนเมื่อเราฟังเสร็จแล้วก็พยายามไปค้นหาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจต่อ

ได้อะไรจากการฝึกงานที่นี่บ้าง?

  • ความรับผิดชอบและความกล้าแสดงออก ด้วยการทำงานที่นี่จะมีระบบการทำงานเป็นทีม การที่เราช้าจะส่งผลกับทีม ดังนั้นจึงต้องมีการ communicate กันภายใน การที่เราไม่รู้ หรือทำไม่ได้ ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่เมื่อเราทำไม่ได้ เราก็ต้องกล้าหาญที่จะยอมรับ และปรึกษากับคนในทีมว่าต้องทำอย่างไร ต้องแก้ปัญหาตรงไหน
  • รู้จักตัวเองมากขึ้น เพราะนอกเหนือจากประสบการณ์ด้าน Android Developer แล้ว ในการได้ร่วมสังเกตุการณ์ประชุมต่าง ๆ ยังได้เห็นการทำงานของพี่ ๆ ตำแหน่งอื่น เช่น Product Owner, Scrum Master, QA ถ้าเราไม่ถนัดด้านนี้ ชอบงานนี้จริง ๆ ไหม และในอนาคตเราอาจจะเหมาะกับงานแบบอื่นหรือเปล่า
  • ประสบการณ์จากพี่ ๆ สกิลและเทคนิคต่าง ๆ จากตอนแรกเรายังเป็นแค่มือใหม่ ไปนั่งเรียน basic kotlin พี่ ๆ ก็คอยสอน และคอยแนะนำจนเราเริ่มที่จะเก่งขึ้น จนตอนที่มีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อน ๆ ทีมอื่น เราจะสามารถไปแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ว่าต้องทำอย่างไร ต้องขอบคุณพี่ทีมฮีโร่ที่สอนมาดีมากขนาดนี้
  • ความประทับใจ ที่ไม่นึกถึงไม่ได้เลยก็คือต้องเตรียมมุกมาเล่นเสมอ ไม่ว่าจะแป้กหรือไม่มีคนคอยชงให้แน่นอน และพี่ ๆ ก็เป็นกันเองมาก แทบจะไม่มีบรรยากาศที่ตึงเครียดเลย ใจดี เป็นกันเองกับทุกคน คอยถามไถ่เสมอเวลาที่เราลา “เป็นอะไรมั้ย ติดปัญหาตรงไหนรึเปล่า” หรือตอนที่เราได้รับมอบหมายงาน “ติดปัญหาตรงไหนถามได้ตลอดนะ” ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจอยู่เสมอ

สรุปสุดท้าย

ใครที่กำลังลังเลหรือกังวลอยู่ เราจะบอกว่ากังวลได้ แต่อย่าลังเล! มาเถอะ ฝึกงานที่ทรูเนี่ยดีจริง ๆ นะ เราอยากบอกว่าทุกคนที่นี่ใจดีมาก และอาจจะด้วยความที่ฝึกงานที่ทรูไม่มีเบี้ยเลี้ยง ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นการเรียนรู้อย่างแท้จริง เรามาเพื่อศึกษาและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แถมที่นี่ไม่มีตามงานนอกเวลาด้วยนะ! เป็นการฝึกงานสามเดือนที่คุ้มค่ามาก ทำให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่หาไม่ได้จากห้องเรียน อยากขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนเสมอ โดยเฉพาะพี่ ๆ จากทีมฮีโร่ที่คอยดูแลเราเสมอมา ขอบคุณนะคะ

ปล. ถ้าจะมาฝึกงานที่นี่แล้ว ที่ขาดไม่ได้ก็คืออย่าลืมเตรียมมุกตลกมาด้วยนะ !

--

--