Pakaphorn Vitayavijit
te<h @TDG
Published in
5 min readJul 26, 2022

--

(รีวิว) ฝึกงาน 60 วัน กับการทดลองเป็น Android Developer ที่ True Digital Group [TDG]

สวัสดีค่า ขอแนะนำตัวก่อนเลย เราชื่อซอฟต์ นะคะ เป็นนักศึกษาที่กำลังจะขึ้นปี 4 จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาคอมพิวเตอร์
เราเชื่อว่า การฝึกงานเป็นการเตรียมพร้อม และ เป็นโอกาสที่ดีที่ได้เรียนรู้ในการทำงานจริงในองค์กร (ก็เพราะความรู้ไม่ได้มีอยู่แค่ในห้องเรียนนี่หน่า😏)

และตอนนี้หลายๆคนที่กำลังอ่านบล็อคนี้อยู่ น่าจะกำลังดูๆที่ฝึกงานกันอยู่ใช่มั้ยคะ
ซึ่งวันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ในการฝึกงานระยะเวลาเพียง 2 เดือน ใน ตำแหน่ง Android Developer พร้อมคลี่คลายคำถามคาใจของใครหลายๆคนที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงฝึกงานกัน

ฝึกงานที่ไหนดี ?

ฝึกงาน 2 เดือนจะน้อยไปมั้ย ? แต่ถ้าฝึก 3 เดือน ก็จะทับเวลาเปิดเทอมนี่หน่า!?

พี่ๆเขาจะดุมั้ย ?

ที่นี่ Android Dev เขาใช้ภาษาอะไรกัน ?

จะทำงานที่พี่ๆเขา assign ได้มั้ยนะ ?

📅 วันสัมภาษณ์ :

// ขอเกริ่นก่อนว่า เรายื่นฝึกงานไปเพียงแค่ 2 เดือน (30 พฤษภาคม — 1 สิงหาคม)เท่านั้น เนื่องจากตารางสอบปลายภาคที่ยาวเหยียดไปถึง 29 พฤษภาคม แล้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดันเปิดเทอม วันที่ 8 สิงหาคมซะนี่ 🙁)

เนื่องในช่วง COVID-19 เราจึงต้องสัมภาษณ์ Online ถึงจะลดความตื่นเต้นไปได้บ้างแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังตื่นเต้นสุดๆอยู่ดี
คิดในใจ “ถ้าคำถามโหด แล้วตอบไม่ได้ทำไงดีๆๆ”
ยังไม่เริ่มสัมภาษณ์ก็คิด worst case ไปก่อนซะแล้ว

ในการสัมภาษณ์ มีพี่ๆ 3 คนจากทีม Dev มาเป็นผู้สัมภาษณ์เรา
ก่อนเริ่มมีพี่คนนึงบอกว่า “สัมภาษณ์ที่นี่สบายๆชิวๆ เป็นกันเองนะครับ”
ถึงพี่เขาจะว่าแบบนั้น แต่เราก็คิดว่าพี่เขาปลอบใจแน่ๆ

พอเริ่มสัมภาษณ์ เราเริ่มแนะนำตัว ชื่ออะไร จบจากไหน, ข้อดีข้อเสีย, ผลงานการแข่งขันที่ผ่านมา และ สาเหตุที่อยากสมัครตำแหน่งนี้
คำถามแรกจากพี่ๆ “พูดถึงเรื่องที่สนใจบ้างสิ สนใจเรื่องอะไร งานอดิเรกทำอะไร” อ่ะ..อ้าว… ชิวอย่างที่พี่เขาว่าจริงๆ หลังเจอคำถามนี้ไปก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เราชอบ อย่าง Blockchain, Cryptocurrency, NFT และ Defi Whitepaper
หลังจากนั้นก็มีการพูดถึงการทำงานแบบ Agile และ Scrum กันบ้างเล็กน้อย

จบการสัมภาษณ์อย่างแฮปปี้ พี่ๆทั้ง 3 เขาใจดีมากๆ จากที่ตอนแรกที่กดดันตัวเอง, เครียด วิตกกังวล →กลายเป็นความรู้สึก Cheerful ซึ่งทำให้อยากเข้าทำงานที่นี่มากขึ้น

📚 เริ่มต้นเตรียมตัวฝึกงาน :

ที่ TDG ใช้ภาษา Kotlin ในการเขียน ซึ่งพี่ๆทราบกันดีว่า หลักสูตรมหาวิทยาลัยหลายๆแห่งนั้น ยังไม่มีการสอนภาษา Kotlin.. พี่ๆจึงให้ระยะเวลาเราในการเรียน Kotlin เบื้องต้นก่อนที่จะเริ่มงานจริง แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเสียเงินไปเรียนจากไหน เพราะพี่ๆเขามี คอร์ส Online ให้เราได้เรียนรู้กันฟรีๆ

List เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มทำงานจริง
- เรียนรู้ภาษา Kotlin เบื้องต้น มีแบบทดสอบหลังเรียนเสร็จ
- Android Fundamentals for Basic App Development
- Debugging and Publishing Your Android Apps
- Android UI Design with XML
- Introduction to Agile and Scrum 101 โดยพี่ๆ TDG (มีรางวัลด้วยนะ)
- รู้จักการใช้ Git เบื้องต้น

เล่มเกมหลังอบรม Agile ลุ้น TrueID+ 1 Year Membership

👩🏻‍💻 ระหว่างฝึกงาน :

ฝึกงานที่นี่ไม่ต้องกลัวเป็นเด็กซื้อกาแฟ หรือ ถ่ายเอกสาร เพราะเป็น WFH 100% (ฮ่าๆ) ที่นี่มีการอัปเดตงานและการสื่อสาร ผ่าน Bitbucket, Jira และ Discord
(ส่วน Line Group ก็มีนะ แต่จะเป็นการกระจายข่าว และ Meeting ที่เร่งด่วน)

เริ่มที่คัดเลือกเข้าทีม
ที่นี่ มีตั้ง 13 ทีม จากตอนแรกพี่ๆเขาจะคัดเลือกทีมจากที่เราสนใจให้ แต่น่าจะกลัวว่าเด็กๆจะไปกระจุกกัน เลยสุ่มให้ซะเลยย (!!)
โดยเราได้อยู่ ทีม Today คือทีมที่พัฒนาหน้าแรกของแอปพลิเคชัน ที่ต้องจัดการแสดงโชว์ Shelf ต่างๆ โดยมีพี่เลี้ยงสุดแสนใจดี อย่างพี่ Kittiphon Saikaewtes และ พี่ Wachirawit Chaipuvaphat มาคอยช่วยเหลือเราเวลาติดปัญหาอะไร

  • ประชุมสั้นๆ ทุกเช้า
    ทุกๆเช้า ทีม Today มี Daily Meeting ช่วงเวลา 9: 45น. — 10:00น. กัน
    ซึ่งก็เป็น Daily Scrum นั่นแหล่ะ นั่นก็คือการพูดคุยกันว่า เมื่อวานทำบ้าง, วันนี้เราจะทำอะไรต่อ และ ติดปัญหาตรงไหนหรือเปล่า เพื่อให้ทีมรู้ว่าตอนนี้ใครกำลังทำอะไรบ้าง ตอนนี้ภาพรวมของทีมอยู่ตรงไหน ติดปัญหาอะไร ใกล้ถึงเป้าหมายหรือยัง
  • เวิ๊ค~เวิ่ค~เหวิ่ก~เหวิก~work //ฮัมเพลงแม่ริฮันน่า
    มาถึงต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายจากพี่เลี้ยงแล้วสินะ เรื่องนี้ต้องสุ่มเลยว่าพี่เลี้ยงทีมไหนคาดหวังในตัวน้องๆมากแค่ไหน เพราะเขาจะให้งานยาก-ง่าย ตามความคาดหวัง ฮุฮุ 🤭 (แต่พี่ๆใจดีทุกคน)… ซึ่งเราได้งานไม่ยากมาก (เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนๆฝึกงานทีมอื่น) อาจเป็นเพราะเราไม่ได้ลงวิชา ฝึกงาน/สหกิจ ที่ต้องทำ Project ใหญ่ ถึงเราจะบอกว่า ‘ไม่ยาก’ แต่ก็ติดปัญหาตลอด (อ้าว..) และยังได้ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งยอมรับว่าได้ความรู้ เทคนิคมาเยอะมาก
  • Sprint Planning
    เป็นมีตติ้งเพื่อวางแผนว่า Sprint นี้จะทำอะไรบ้าง.. จะงานเสร็จในรอบนี้ได้อย่างไร.. เพราะเราทำงานกันเป็นทีม จึงจำเป็นพูดคุยเพื่อให้งานไปในทิศทางเดียวกัน
  • Grooming
    หรือที่บางคนเรียกว่า Product Backlog Refinement นั่นก็คือการพูดคุยในทีมให้เข้าใจงานใน Product Backlog อย่างตรงกัน.. เช่น ตอนนี้มี Requirement ไหนที่ต้องตัดไปไหม, Sprint หน้ามีงานประมาณไหน, ประเมินขนาดของงาน และ ความซับซ้อน ด้วย Story Point, และ จัด Priority ต่างๆใหม่
  • All-team Sprint Review
    น่าจะเป็นมีตติ้งที่คนเยอะที่สุดแล้ว ถึง session นี้ทีไร คอมกระตุกทุกที 😂 โดย เป็นการ Update, Review และ รับ Feedback งานของแต่ละทีม ที่ทำมาใน Sprint นี้ เสมือนเป็นการนำชิ้นเค้กให้ทุมทีมได้ชิม ก่อนจะนำขึ้นไป Production จริง
  • Sprint Retrospective
    เป็นการพูดคุย รับฟัง Feedback กับเพื่อนๆในทีมว่า Sprint ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง มีข้อผิดพลาดอะไรที่ต้องปรับปรุงบ้าง, ระบายกับทีมได้เลยว่า เหนื่อย หรือ ไม่ชอบอะไรตรงไหน.. หลังจากนั้น พวกเราจะมาให้กำลังใจและช่วยกันหาทางออก เพื่อให้การทำงานใน Sprint หน้าราบรื่นขึ้น
Set Stage: เล่นเกมสานสัมพันธ์
Gather Data: เขียนโพสอิทระบายความในใจ
  • One-on-One
    เป็นมีตติ้ง 1:1 ใครที่ไม่เคยรู้จักก็อาจจะฟังดูน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วเป็นมีตติ้งที่ชิลที่สุดใน Schedule ทั้งหมด เพราะจะมีแค่เรากับพี่ที่ดูแลทีม Today 1 คน มาคุยกันว่า เราติดปัญหาตรงไหม, พี่เลี้ยงของเราดุมั้ย, อยากระบายอะไร, อยากเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม หรือ อยากได้งานเพิ่มมั้ย เพื่อให้พวกเราได้ในสิ่งที่คาดหวังมากที่สุด😁.. ซึ่งเราได้บอกจุดประสงค์ของเราไปว่า เราต้องการเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมไปทำในวิชา Project ตอนปี 4 .. พี่เขาก็ใจดีจะจัดเวลาให้เราได้คุยกับพี่ทีมอื่นที่มีความรู้เฉพาะทาง
  • Check Point
    ในเมื่อเรามาฝึกงานที่นี่ เราก็ต้องอัปเดตใช่ม้า.. ว่าเดือนนี้ได้ทำอะไรไปบ้าง ได้เรียนรู้อะไรไปบ้าง แล้วพี่ๆเขาก็จะถามคำถามกับงานที่เราทำ ซึ่งจะ Check Point เดือนละครั้ง จนกว่าจะฝึกงานจบ
  • Knowledge Sharing
    ส่วนตัว ชอบ Session นี้ที่สุด เพราะพี่ๆทรูจะแชร์เทคนิคเจ๋งๆ และ ความรู้ต่างๆจากทีมอื่นๆ โดยจะสลับทีมกันไป สนุกมากก
  • อุปสรรคและปัญหา
    สารพัดปัญหาจุกจิกพวก Environment อย่าง build โปรเจคแต่ดันเจอ Build Failed บ้างเพราะข้อจำกัดของแรมคอมพิวเตอร์, Error ต่างๆ ของ Android Studio อย่าง ‘A failure Occurred while Executing’ Error, Java version, Git Error บ้างล่ะ เพราะคอมเรา set JAVA_HOME เป็น JDK17 ต้องหาวิธีเปลี่ยนเป็นเวอร์ชันตามองค์กร ซึ่งปัญหาพวกนี้เวลาแก้ตรงนั้น..ก็ติดตรงนี้ แก้ตรงนี้..ก็ติดตรงนั้น ต้องแก้ไปเรื่อยๆเหมือนโดมินโน่จนกว่าจะสำเร็จ ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้พี่เลี้ยงสุดแสนจะใจดีช่วยเราหัวยุ่งเลย

🎉ประสบการณ์สุดปัง :

  • ได้เรียนรู้อะไรบ้างนะ?

- เรียนรู้กระบวนการทำงานแบบ Agile
ในมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับ กระบวนการทำงาน Agile จากหนังสือ และ เคยได้ทำ Workshop ระยะเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว ซึ่งไม่ได้ทำให้เราเข้าใจมันมากขนาดนั้น การได้มาฝึกงานกับที่นี่ทำให้เราได้อยู่ในกระบวนการทำงาน Agile แบบแท้จริง จนอยากย้อนเวลากลับไปเขียนคำตอบข้อสอบอาจารย์ตอนปี 1 เลย

- เปลี่ยน Mindset
ปกติเราเป็นคนกลัวที่จะมีปัญหา กลัวว่าปัญหาของเราจะไปเป็นปัญหาของคนอื่น เลยไม่ค่อยกล้าบอกคนอื่นว่าติดขัดตรงไหน มีปัญหาตรงไหนมั้ย.. ซึ่งการทำงานแบบ Agile ทำให้รู้ว่า ‘ปัญหามีไว้พุ่งชน’ เพราะเวลาใครมีปัญหา ติดตรงไหน หรือ ทำงานยังไม่เสร็จ พี่ๆไม่เคยเบลมกันเลย แถมยังพร้อมที่จะเข้าใจ เพื่อให้การบอกเล่าปัญหาไม่ใช่เรื่องที่ผิด และยิ่งทีมรับรู้ปัญหาเร็วมากเท่าไหร่ งานจะถูกแก้ไขให้สมบูรณ์มากเท่านั้น

- รู้จักตัวเองมากขึ้น
ใครก็ตามที่ได้ลองฝึกงาน น่าจะรู้จักตัวเองมากขึ้นจริงๆ ว่าตัวเองถนัดด้านไหน, ชอบ Coding จริงๆหรือเปล่า, อยากทำ Role ไหน และ อยากทำฝ่ายไหน ส่วนตัวเราได้ค้นพบและพอใจที่ได้รู้จักตัวเองขนาดนี้

- กล้าแสดงออก
นี่เป็นอีกหนึ่งในแพคเกจที่ได้จากการฝึกงาน เพราะถ้าเราไม่แสดงออก ไม่พูด ไม่กล้าบอก.. เราก็จะทำงานไม่สำเร็จเอาน่ะซิ

- Time Management
ยอมรับว่าการฝึกงานต้องใช้การบริหารเวลาเยอะขึ้นจากการเรียนมหาลัย เพราะการฝึกงานใช้เวลาตั้ง 8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะเหตุนี้เราจึงต้องบริหารเวลาที่เหลืออย่างคุ้มค่า ต้องนั่งทำ To-do List แล้วกำหนดระยะเวลา รวมไปกำหนดเวลานอนให้เหมาะสม (ปกติเราเป็นคนนอนเช้า) เพื่อให้เราได้ใช้เวลามีประสิทธิภาพ เช่น นอนเพียงพอ, ตื่นมาทำงานได้อย่างเต็มที่ และ มีเวลาให้ตัวเองได้พักสายตาและสมอง

- Hard Skill และ เทคนิคต่างๆ
แน่นอนล่ะ ว่าต้องได้ Hard Skill มาเต็มๆ ตอนเรียนในมหาวิทยาลัยไม่ได้ Coding บ่อยขนาดนี้ จากคนที่ใช้ Android Studio ไม่เป็น กลายเป็นเซียน Android Studio และ ข้อดีของการที่พี่มอบหมายงานให้ ทำให้เราคุ้นเคยกับภาษาใหม่(สำหรับเรา) อย่าง Kotlin ตอนนี้ไม่ได้เซียนมาก แต่ปลื้มตัวเองเหมือนกันนะที่เขียนได้ขนาดนี้..

  • ความประทับใจ

บรรยากาศการทำงานที่นี่ ไม่เครียดเลย อาจเพราะด้วยความที่ app True เป็นแนว Entertainment ด้วย พี่ๆเลยค่อนข้างสนุกสนาน ไม่เครียด, ไม่ Strict, ไม่ตามงานนอกเวลา และ หากมีเหตุผลในการส่งงานดีเลย์ พี่ๆก็พร้อมจะเข้าใจ

🧡 ต่อพี่ๆ : ตอนแรกกังวลในใจว่า ‘เป็นคนคุยไม่เก่ง จะเข้าสังคมกับพี่ๆเขาได้ไหมเนี่ย’
‘เราไม่ได้เก่งขนาดนั้น จะทำงานได้มั้ยนะ’
ซึ่งบอกเลยว่า ไม่มีปัญหาเหล่านี้แน่นอน เพราะพี่ทุกคนใจดีกับเรามาก เป็นกันเองสุดๆ เล่นมุกเองชงกันเองให้ดูตลอด จำชื่อเด็กฝึกงานได้ทุกคน..ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นคนนอกเลย และยังทรีตเราเหมือนเป็นรุ่นน้องในบริษัททรูเลยแหละ มีการชวนเราไป Outing ด้วย คะยั้นคะยอให้ไปกัน
นอกจากนี้.. พี่ๆยังถามเราเสมอว่า “ติดอะไรตรงไหนมั้ย บอกได้เลยนะ” โห น่ารักกันขนาดนี้ จะให้ไม่ประทับใจได้ไง

💛 ต่อเพื่อนๆ : อย่างที่เล่าไปข้างต้นว่าเราไม่ได้ลงวิชาฝึกงาน/สหกิจ เรามาฝึกเพราะอยากฝึกจริงๆ ทำให้เราค่อนวุ่นวายใจเหมือนกันนะ ว่า ‘จะเข้าไปทักเพื่อนใหม่ยังไงดี’ ‘เพื่อนใหม่จะเปิดใจให้เรามั้ยนะ เขาอาจจะมากับเพื่อนที่มหาลัยอยู่แล้ว’

แต่เพื่อนๆที่นี่ใจดีกับเรามาก เรายังไม่ทันได้เข้าไปคุยกับใครเลยก็ทักมาจับกลุ่มกันแล้ว

ความน่ารักของเพื่อนฝึกงาน
วันแรก เพื่อนช่วยกันสอน Set up
เพื่อนฝึกงาน เจอร้านแผ่นเสียงแล้วนึกถึงเรา

✍🏻คำแนะนำ :

  • หากใครที่ได้ฝึกงานแบบ On Site เราอยากให้เพื่อนๆได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ ตีซี้เพื่อนฝึกงานใหม่ๆ คุยกับพี่ๆในทรูเยอะๆ เพราะที่ TDG มีอะไรน่าสนใจเยอะมากๆ ทั้งโต๊ะปิงปอง มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีกิจกรรมให้ทำที่เราเองไม่ได้มีโอกาสไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้น เพราะ Covid-19
  • สำหรับคนที่ WFH เหมือนเรา เราอยากแนะนำเก้าอี้เพื่อสุขภาพสักตัว ไม่ต้องแพงมาก ขอแค่นั่งสบาย และ ซัพพอร์ตหลัง เพราะวันนึงเรานั่งทำงาน, นั่งกินข้าวหน้าคอม รวมๆแล้ว 8 ชั่วโมง นอกจากจะทำให้ทรมานปวดหลังแล้ว ยังส่งผลเสียระยะยาวอีกด้วย
  • ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ไม่ใช่ของแถมของการทำงาน
    แต่ในเมื่อเราเป็นแค่นักศึกษา เรามีงบจำกัด.. ไม่สามารถซื้อโต๊ะไฟฟ้าปรับระดับ, ไม่อยากควักตังค์ซื้อ Vertical Mouse, ไม่อยากรบกวนพ่อแม่ซื้อเก้าอี้เพื่อสุขภาพราคาแพง เราแนะนำ
    - จัดโต๊ะนั่งทำงานให้มีแสงสว่างมากพอที่จะไม่ปวดตา
    - นอนให้เพียงพอ หลังทำงานเสร็จเราจะใช้เวลาที่เหลือไปกับอะไรก็ได้ แต่ต้องนอนให้พอนะ
    - จิบน้ำบ่อยๆ เพราะน้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายนี่หน่า นอกจากจะสดชื่นแล้วยังทำให้เราลุกเดินไปฉี่บ่อยๆด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่ดีนะที่ได้เดินบ้าง
    - นั่งเก้าอี้ให้ถูกท่า เพื่อป้องกันอาการปวดหลังที่เกิดจากท่านั่งไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน
    - ไม่ควรนั่งอยู่ในท่าเดิมนานๆ ขยับตัวโดยการออกกำลังกายเล็กๆ หรือ ลุกยืดเส้นยืดสาย ทุกๆ 1 ชั่วโมง
    - ให้เวลาพักสายตาทุกๆ 30 นาที
  • อย่าพึ่งคิด worst case
    ฝึกงานไม่ได้ยากอย่างที่หลายๆเข้าใจ อยากให้เพื่อนๆอย่าพึ่งคิดว่าเราทำไม่ได้หรอก อย่าพึ่งปิดกั้นโอกาสที่จะพัฒนาตัวเอง.. ลองก่อนนะ หากติดขัดตรงไหน ถามพี่ๆเขาได้เลย
  • วิถี Developer ต้องตั้งคำถามเยอะๆ และ สามารถอธิบายสิ่งที่เราทำได้ด้วย
    ทำไม User ถึงอยากได้สิ่งนี้? ทำไมเราถึงใช้คำสั่งนี้ แทนที่จะใช้อีกตัว?
    เราจำเป็นต้องเข้าใจเหตุผลสิ่งนั้นก่อนที่เราจะทำอะไร.. นอกจากนี้เราไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเร็วก็ได้ ขอให้เขียนด้วยความเข้าใจ และ คลุมทุกเคสพอ
  • Keep Learning เข้าไว้นะ
    เรื่องไหนที่เรารู้สึกว่า ‘เรารู้เยอะแล้ว’ แปลว่าเรายังโง่มาก
  • ฝึกกี่เดือนดี?
    โดยส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่า 2 เดือนนั้นสั้นไป (ติดใจ) อยากใช้เวลามากกว่านี้ ถ้าเป็นไปได้..หากเวลาเพียงพอ เราอยากแนะนำ 3 เดือน แต่ถ้า ปี 4 มีตาราเรียนที่แน่นเอี๊ยด เราแนะนำว่าให้ 2 เดือนดีกว่านะ เพราะฝึกงานไม่ว่าจะกี่เดือนก็ ‘ได้ฝึกงานเหมือนกัน’ แต่ถ้าเราเอาเวลาเรียนไปใช้กับการฝึกงาน อาจจะไม่ได้เกรดตามที่หวังไว้ เพราะทำหลายอย่างเกิน ซึ่งเกรดมันจะติดตัวเราไปตลอด

สุดท้าย คำถามที่ไม่ได้ตอบแทนทุกคนว่า “ฝึกงานที่ทรูมันดีไม๊?”
เราตอบแทนทุกคนไม่ได้ เพราะต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของเราด้วย
เช่น ถ้าอยากได้เบี้ยเลี้ยง หรือ เบิกค่าเดินทาง ที่ทรูก็อาจจะไม่ใช่ช้อยส์ที่ดีนัก
(เพราะที่นี่ไม่มีส่วนนี้ให้)
แต่ถ้าซีเรียสเรื่อง เวลางาน อย่างการไม่โดนตามงานนอกเวลา, ไม่โดนใช้งานในวันหยุด, และ เลิกตรงเวลา ที่ทรูก็เป็นช้อยส์ที่น่าสนใจเลยทีเดียว

มาถึงตรงนี้แล้ว.. ถ้ายังสนใจฝึกงานที่ True Digital Group อยู่ เราก็อยากให้ลองสมัครดู..ก็ไม่เสียหายนะ แต่หากถามเราว่าดีมั๊ย ถ้าอ่านหัวข้อข้างบนก็คงจะรู้ว่าเราจะตอบเรา ฮิฮิ 🤭

BTW ถ้าสัมภาษณ์ผ่านแล้ว ก็อย่าลืมเตรียมคำคมเสี่ยวๆนะ 😈

--

--