แชร์ประสบการณ์ติด Covid-19. (ผู้ป่วยสีเขียว) Ep. (2/2)

Vissanu
te<h @TDG
Published in
3 min readOct 19, 2021

สวัสดีครับผู้เข้ามาอ่านทุกท่าน บทความนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ติด Covid-19 ด้วยตัวผมเอง และบทความนี้เป็นบทความต่อเนื่องจาก EP ที่แล้วตั้งแต่ตรวจด้วยตัวเอง ตรวจ PCR swab จนนางพยาบาลนัด Admit นะครับ

บทความนี้เราจะเล่าเกี่ยวกับอะไรบ้าง?

ใน Ep นี้ผมจะมาเล่าตั้งแต่เดินทางไปที่กักตัว แล้วกิจกรรมที่ต้องทำในระหว่าง Admit เราต้องทำอะไร จนถึงเราได้รับอณุญาติออกจากสถานที่กักตัว ท้ายที่สุดเราต้องปฏิบัติตัวอย่างไรต่อ ถ้าพร้อมแล้วมารับชมประสบการณ์ของผมกันครับโดยแบ่งเป็นหัวข้อดังนี้
1. เดินทางไปที่กักตัวอย่างไร?
2. ที่พักที่กักตัวรักษามีบรรยากาศยังไงบ้าง?
3. เรื่องงานกับบริษัท True ควรทำอย่างไร?
4. ขอควรปฏิบัติโดยเคร่งครัดในแต่ละวัน!
5. การบำบัดและการฟื้นฟูร่างกาย
6. อาหารการกินเป็นอย่างไรพร้อมรีวิว
7. อาการในแต่วันของผมเป็นอย่างไรบ้างมีอะไรหน้ากลัวหรือไม่?
8. ออกจากสถานที่พักและกักตัว

1. เดินทางไปที่กักตัวอย่างไร?

แม้ว่าเราไม่ใช่ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง แต่รถที่เราได้เดินทางไปนั่นเป็นรถพยาบาลฉุกเฉินมีการเปิดเสียงไซเรนตลอดทั้งทางและมีคนขับรถเพียงคนเดียวเท่านั่นที่สวมชุด PPE ไม่มีบทสนทนาใดๆกับผู้ป่วย แน่นอนว่ารถนี้มีเชื้อไวรัส Covid-19 อย่างแน่นอน

ผมได้เดินทางไปพร้อมกับผู้ป่วยอีก 3 ท่าน รวมผมเป็น 4 คนบรรยากาศในรถนั่นปกติธรรมดามากๆ ไม่ได้กดดันหรือมาคุใดๆ มีบทสนทนาเกี่ยวกับอาการป่วยกันไปมาตามปกติ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะแต่ละคนเป็นผู้ป่วยสีเขียวอาการจึงไม่รุนแรง หลักๆของแต่ละคนจะบอกว่า “ไม่ได้กลิ่นเลย” “มีอาการไอหน่อยๆ พูดปุบไอทันที” “ปวดกล้ามเนื้อ” นี้คือที่ได้ยินหลักๆ นอกนั่นก็สนทนาทั่วไปครับ รถเดินทางได้ประมาณ 20 นาทีก็ถึงที่พักแรกเป็นที่ผู้ป่วยไม่มีประกันรายละเอียดตรงนี้ผมไม่ได้ทราบมากนะครับ เพราะตอนแรกผมก็เดินมึนๆลงไปกับเขาแต่คนขับเขาไม่พูดอะไรและโบกมือไม่ให้ผมลง ผมก็กลับไปนั่ง ที่พักตรงนี้เป็นโรงแรมที่ดูดีอยู่นะครับไม่ได้โทรมหรือแย่ใดๆเลย แต่ผมไม่ทราบชื่อและไม่มีโอกาศได้เห็นห้องเลยบอกไม่ได้ว่าดีขนาดไหน ไม่นานมากนักคนขับรถก็พาผมเดินทางไปต่อทันทีครับ โดยพักนึงไม่ถึง 15 นาที ผมก็ถึงที่พักที่ผมจะได้กักตัวแล้วครับตอนนี้ตื่นเต้นอยู่เหมือนกันนะครับ

2. ที่พักที่กักตัวรักษามีบรรยากาศยังไงบ้าง?

พอไปถึงที่พักหมอและพยาบาลที่สวมชุด PPE ได้มอบอุปกรณ์สามอย่างให้คือ
1. ที่วัดความดัน
2. ที่วัดออคซิเจนในเลือด
3. ที่วัดอุณหภูมิร่างกาย
4. แผ่นแนะนำการใช้อุปกรณ์ ข้อควรปฏิบัติในที่พักกักตัว

จากนั่นเขาไม่ได้เดินไปส่งนะครับแค่บอกให้ใช้ลิฟ 6–7 ที่เป็นลิฟสำหรับผู้ติดเชื้อผมได้พักชั้นที่ 20! “ผมขออณุญาติไม่เอยนามของโรงแรมที่กักตัวนะครับ” ลิฟไม่ใช่ลิฟของแขกหรือลูกค้าที่เข้ามาพักปกติ เท่าที่ผมดูคาดว่าเป็นลิฟขนของด้านหลังของโรงแรมมีการแยกที่ชัดเจน พื้นโรงแรมในชั้น 20 มีการปูเสื้อน้ำมันทอดยาวจนสุดทาง

ผมก็เข้าใจทันทีเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยนั่นเอง ผมเดินไปจนสุดทางและได้พบเบอร์ห้องที่ผมต้องอยู่ที่นี้ 10–15 วัน ในใจก็คิดว่าสภาพห้องนั่นจะเป็นเช่นไรเราจะอยู่ลำบากไหม ก็คิดไม่นานใช้กาดที่ได้มาแสกนและเปิดห้องทันที

ตามภาพเลยครับห้องสวยอุปกรณ์ครบยกเว้นตู้เย็น อันนี้ก็พอเข้าใจเพราะผลวิจัยที่พบส่วนมากเชื้อ Covid-19 สามารถอยู่ในที่เย็นได้เป็นระยะเวลานานกว่าปกติมากๆ หากอยู่ในช่องแช่แข็งอาจอยู่ได้เป็นเดือนเลย ห้องน้ำและที่พักโดยรวมสะอาดมีแก้น้ำกระดาษกับก๊อกที่เป็นน้ำกรองไว้สำหรับดื่มที่เคาน์เตอร์มินิบาร์ หมดห่วงเรื่องน้ำดื่ม

แต่ไม่ว่าจะดูดีอย่างไรเราก็เป็นผู้ป่วยที่มีเชื้อร้ายแรงในช่วงเวลานี้นะครับ และอีกเรื่องผมยังไม่ได้รับวัคซีนใดๆ ทำให้ในใจของผมเองก็กังวลและมีความกลัวเข้ามาเป็นช่วงๆ เหมือนจิตตกเล็กน้อยมาเป็นระยะๆ

3. แล้วเรื่องงานกับบริษัท True ควรทำอย่างไร?

สิ่งสำคัญวันนี้ผมได้แจ้งกับทาง Manager Android Developer และได้รับการช่วยเหลืออย่างดีประสานงานต่างๆเป็นไปได้อย่างราบรื่นครับ ไม่นานทางทีม HR ของ True ก็ได้ติดต่อมาทางผมเพื่อชี้แจงในการทำเรื่องต่างๆ ให้รายงานกับทาง HR ตลอดเนื่องทุกวัน เนื่องจากทางบริษัท True จะช่วยพนักงานจนปลอดภัยครับ อันนี้คือทาง HR ได้โทรมาชี้แจงกับผม ท้ายที่สุดผมก็ได้แจ้งเหตุจำเป็นที่ต้องลางานกับทางทีม Communicator ที่ผมทำงานอยู่ครับ เพื่อนๆพี่ๆ ทุกคนก็ให้กำลังใจและช่วยเหลือ ต้องขอขอบคุณอีกครั้งในบทความนี้นะครับ

บทความยังไม่จบนะครับพื้งจะเริ่มฮ่าๆ

4. ขอควรปฏิบัติโดยเคร่งครัดในแต่ละวัน!

ในช่วงนี้จะเป็นครั้งแรกที่เรามาถึงห้องยังคงปรับตัวไม่ได้และยังไม่เคยชินกับการอยู่ที่นี้ แต่มีสิ่งที่ควรทำอย่างเคร่งครัดก็คือการ ตรวจสุขภาพร่างการทุก เช้าและเย็น โดยจะมี 3 อย่างที่เราต้องตรวจคือ
1. วัดอุณภูมิร่างกาย
2. วัดความดัน
3. วัดออคซิเจนในเลือด
โดยจะต้องส่งผลตรวจให้พยาบาลทุกก่อน 9:00 เช้า และ ก่อน 20:00 นาฬิกา ทุกวัน จากนั่นช่วงประมาณ 11:00 คุณหมอจะโทรมาพูดคุยอัพเดทอาการของเราว่าเรามีอาการอะไรบ้าง หากมีอาการใดๆ คุณหมอจะส่งยามาให้เรารักษาทันทีช่วงเย็นวันนั่น เช่น มีอาการน้ำมูก อาการไอ ไม่มีแรง หรือท้องเสียเป็นต้น ตอนที่ผมอยู่ก็ได้รับยาพารา เกลือแร่ และยาแก้ไอ ครับ คุณหมอจะเน้นย่ำเกี่ยวกับอาการหายใจถ้าค่า ออคซิเจนในเลือด ต่ำกว่า 96.00 จะต้องถูกส่งตัวกลับโรงพยาบาลเผื่อรักษาเลยนะครับ และเราจะมีเบอร์สายด่วนโทรหาเจ้าหน้าที่โรงแรม คุณหมอหรือพยาบาลได้ทันทีหากมีอาการร้ายแรง

5. การบำบัดและการฟื้นฟูร่างกาย

ที่สำคัญไม่แพ้กันคือการออกกำลังกายการยืดเส้น หรือเดินในห้องไปมาก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญ แต่อย่าได้หักโหมหรือออกกำลังกายหนักๆนะครับเพราะอาจจะเป็นผลเสียได้แทนเลย ส่วนตัวผมมีอาการไม่ได้กลิ่น ต้องบำบัดด้วยการสูดดมต่างๆ เพื่อให้ประสาทได้ฟื้นอีกครั้งไวขึ้นส่วนตัวผมคิดว่าได้ผลนะครับ อันนี้ก็หาอ่านผลวิจัยและบทความมานะครับ อีกหนึ่งเรื่องการพักผ่อนให้เพียงพอร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วและภูมิร่างกายของเราก็จะแข็งแรงด้วยครับ ท้ายที่สุดคือสภาพจิตใจคุยกับเพื่อนๆ คุยกับครอบครัวและแฟน แหะหาอะไรทำผ่อนคราย อย่าไปวิตกกังวนหรือหาเรื่องเครียด สุขภาพจิตก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆนะครับ

6. อาหารการกินเป็นอย่างไรพร้อมรีวิว?

อีกเรื่องที่สำคัญคือการกิน ที่นี้มีอาหารให้กับผู้ป่วย 3 มื้อ สามเวลามาตรงทุกวัน มีหลากหลายมีนูโดยหลักๆจะมี อาหารมื้อหลัก น้ำผลไม้หรือสมุนไพร และผลไม้ จะมีแบบนี้ทุกมื้อเลยเรียกได้ว่าครบ 5 หมู่แน่นอนครับ ลองมาชมตัวอย่างอาหารกัน

หมูผัดกระเทียวมใข่ดาวและบล็อคโคลี่ลวก 7/10 ผมถือว่าชอบเมนูนี้เลยนะครับ ออกเค็มๆหนาวนิดหมูไม่แข็งเกินไปสู้ฟันนิดถือว่าใช้ได้เลย

ขอเน้นย่ำว่าทุกเมนูจะมีน้ำผักผลไม้หรือน้ำสมุนไพรทุกมื้อคู่กับผลไม้ตัดแต่งนะครับ โดยจริงๆจะมีมากกว่านี้อย่าง ราซันย่า ไก่ผัดขิง ผัดขี้เมาหมู ประมาณนี้ครับ

LINK : ติดตามเมนูเพิ่มเติมได้ที่ ผมรีวิวกว่า 12 เมนูเลยนะครับ

นอกจากนี้เรายังสามารถสั่งของจาก 7–11 Delivery ได้ก่อน 11:00 เช้าเท่านั่น ก็หากอยากกินขนม นม หรือของจำเป็นอย่าง เสื้อ กางเกงใน เนื่องจากผมจัดกระเป๋ามาไม่พอใช้ ที่พักไม่สามารถซักผ้าได้นะครับ

7. อาการในแต่วันของผมเป็นอย่างไรบ้างมีอะไรหน้ากลัวหรือไม่?

โดยรวมแล้วอาการในวันแรกที่ผมเข้าไปก็ไม่ได้มีอาการไข้ น้ำมูก แต่ยังมีอาการไอและเวลาที่หายใจลึกๆจะไอออกมาทันที ผมได้ปรึกษากับหมอตอนบ่ายโมง หมอได้อธิบายว่าเชื้ออาจเริ่มไปที่ทางเดินหายใจ! ผมได้ยินแบบนี้เริ่มใจไม่ดีแบบว่ามีแอบกลัวเลยละครับเพราะหากลงปอดนี้เป็นอะไรที่ฝันร้ายสำหรับคนที่ติดเชื้อ Covid-19 ที่สุด หมอยังได้บอกผมด้วยว่าจะส่งยาต้านไวรัสโควิทไปให้ในวันนี้และเริ่มกินยาตัวนี้ได้เลย ผู้ป่วยที่ได้รับยานี้ส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้น ผมได้ยินก็เริ่มมีความหวังครับ อาการผมดูแล้วมีอาการนี้อย่างเดียวที่ดูหน้าเป็นห่วง เวลานอนต้องตั้งท่านอนดีๆไม่งั้นจะไอหรือหายใจไม่สะดวก

และแล้วในเวลา 20:00 นาฬิกา พยาบาลก็ได้โรงแจ้งว่าตัวยาต้านไวรัสมาถึงแล้วให้รับประทานครั้งแรก 9 เม็ด! เยอะมาก เฉพาะสองครั้งแรก และในวันต่อๆไปกินเพียง 4 เม็ดตลอดทั้งหมด 5 วันครับ

หมดแผงไปเลย ผลคืออาการไอของผมที่ติดขัดดีขึ้นเป็นระยะๆ จนหายดีในประมาณ 3 วัน ตอนนี้ก็ดีใจมากครับคือพยายามดูแลร่างกายเป็นอย่างดีตามที่เล่ามาข้างต้นทั้งหมดเลยครับ หลังจากกินยาหมด 5 วันหมอก็จะนัด X-ray ปอดอีกครั้งเพื่อเช็คว่ามีเชื้อได้ลงปอดหรือไม่ ผลก็ยังอาการปกติดีนะครับเป็นเรื่องที่ดีมาก ตอนนี้ผมก็หายกลัวหายกังวล สำหรับเพื่อนๆที่ติดผมขอเป็นส่วนหนึ่งที่ให้กำลังใจสู้ๆนะครับดูแลสุขภาพ ทั้งตอนอยู่ใน รพ. และนอก รพ. ครับ

8. ออกจากสถานที่พักและกักตัว

ในวันที่ 13 มีหมอได้โทรมาชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดว่าพรุ้งนี้จะเป็นวันสุดท้าย มีอาการเป็นอย่างไรบ้าง และตอนออกจากที่กักตัวควรปฏิบัติตัวเช่นไร หมอจะมีนัดตรวจสุขภาพอีกในภายหลัง ผมก็ได้อธิบายเกี่ยวกับอาการตอนนี้ผมปกติเลยครับ และรับฟังรายละเอียดต่างๆจากหมอเป็นอย่างดี

และแล้ววันที่ 14 วันที่ผมจะได้ออกจากที่พักได้แพ็คของมากมายเตรียมออกจากห้องพักในวันนั่นทางโรงพยาบาลต้องติดต่อกับประกันของเราให้อณุมัติเงินกับทางโรงพยาบาล ผมขอยกเครดิทให้กับทาง “ประกัน allianz” ที่ได้ดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดของผมเป็นจำนวนเงินมาก!!

เรียกได้ว่าเบี้ยที่ส่งต่อเดือนคุ่มสุดๆ ดำเนินการไว อณุมัติคุ่มครองจริง ขั้นตอนไหลลื่นจริงๆนะครับ ยอดทั้งหมดในการรักษาครั้งนี้ 189,000 บาท! โดยผมเบิกประกันได้ 100% ไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายใดๆเลยครับ หลังจากประกันได้อณุมัติเงินเรียบร้อยทางพยาบาลก็ได้ให้ผมออกจากที่พักได้ทันทีครับ ลงมามีเพียงเจ้าหน้าที่คนเดียวให้เซ็นเอกสารรถต้องเรียก Taxi กลับบ้านเองนะครับเนื่องจากรถส่งคนไข้มีเชื้อ เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถให้โดยสารได้

วิวสวยๆยามเย็นในห้องพักกักตัว

ก็จบแล้วนะครับกับ ประสบการณ์โควิทของผม ขอขอบคุณที่อ่านจนถึงจบนี้นะครับ ขอให้ผู้อ่านและคนที่รัก สุขภาพแข็งแรง ห่างไกลโรคร้ายนะครับ

--

--