Scrum Master วันๆมันทำอะไรมั้งเนี่ย!

จากหลายๆปีที่ได้รับการสถาปนาเป็น Scrum Master มีหลายๆคำถาม จากผู้คนรอบข้าง

“อะไรคือ Scrum Master ว่ะ ไม่เห็นรู้จัก ”

“อ๋อๆ เหมือนๆ PM อะไรงี้ใช่ปะๆ ”

“ถามจริงเหอะ ทีมต้องการ Scrum Master จริงเหรอ ไม่มีก็ได้ปะ ”

“เฮ้ย Scrum Master นัดมีตติ้งให้หน่อย เนี่ยหน้าที่หลักคุณเลย ”

“ทำไม Scrum Master ไม่ทำ Project Plan เนี่ย Grantt chart อยู่ไหน ”

“QA ไม่มี เทสดาต้า เตรียมให้หน่อยดิ ”

มันทำให้เราฉุกคิดขึ้นมา เอ๊ะ หรือจริงๆแล้วไม่ต้องมี Scrum Master ก็ได้นะ เปลี่ยนเป็น Project Manager ให้รู้แล้วรู้รอด

ทันใดนั้นก็มีนางฟ้าตัวขาว วิ่งมาผลักตัวปีศาจร้ายสีดำๆออกไป “ไม่ๆ เรามีดีเยอะกว่านั้น”

จริงด้วยเรามีหลายๆอย่างที่เราสามารถช่วยทีมได้มากกว่าการมานั่งถาม status แต่ละวันนะ

Remover of blocks, impediments

ใช่เลย ปัญหาหลายๆอย่างเกิดมาจากการที่เราไม่คุยกัน ต่างคนต่างคิด ต่างมีมุมมองคนละแบบ พอมีปัญหาก็จะคอยบ่น หรือโทษว่าระบบมันไม่ดี ทีมนั้นทำงานห่วย วันๆไม่เห็นทำอะไรเลย แล้วสักพักก็ปล่อยมันไป ทำตัวให้เคยชินกับปัญหา แล้วอยู่กับมันให้ได้…

มันใช่เหรอ! เราต้องแก้ไขมันสิ มาๆ Scrum Master จะมาช่วยหาคนที่ใช่มาช่วยแก้ไขปัญหาให้เอง

“อะ Network ช้า Scrum Master ไปดูดิ Router มีปัญหาไหม Code ไม่ได้เนี่ย เห็นไหม”

เดียวๆ ไม่ใช่ๆ เดียวผมเดินไปหาคนดูแลให้ดีกว่านะ

หน้าที่ของเราคือการทำให้ทีมสามารถทำงานต่อไปได้โดยที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น แต่ไม่ได้แปลว่าเราต้องลงไปทำด้วยตัวเราเองซะทุกอย่างนะ คนที่เก่งกว่าเรา ที่สามารถช่วยเราได้มีอยู่รอบตัว จงใช้มันซะ

Buffer for the team

นั่นไง PO มาขอแทรกงานอีกแล้ว ต้องทำเลยๆ นี่ ผู้ใหญ่ขอมานะ ไม่ทำไม่ได้

เอิ่ม สองวันที่แล้วก็พูดแบบนี้นะ เอาแบบนี้ละกัน…

“โห จริงด้วย อันนี้สำคัญนะเนี่ย ผู้ใหญ่ขอมา ช่างฉลาดหลักแหลม แต่ช่วยหาข้อมูลอันนี้ให้ก่อนได้ม่ะ เนี่ย เดียวจะได้รีบทำให้เลย อ๋อๆ มี design หน้าจอยังๆ ขอหน่อยๆ เดียวทำให้เลยเนี่ย เดียวๆๆ ไปช่วยคุยกับทีมให้นะ แต่ยังไงตาม Spec API ให้หน่อยได้ม่ะ เนี่ยๆจะได้พร้อมทำงานเลย”

หน้าที่ของเราอีกข้อคือกันชนให้ทีม ชะลอความต้องการที่มาอย่างรวดเร็ว (PO เพิ่งโดนถามจาก Board meeting ไม่รู้จะตอบยังไง ดันไปรับปาก ครับๆไว้แล้ว) จริงๆ แล้วของที่จำเป็นก่อนจะเริ่มงานชิ้นนั้นได้ ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ งั้นไปเตรียมมาก่อนดีกว่านะ กว่าจะครบก็จบ sprint พอดี

Champion Agile Practices

“พูดถึง Stand up meeting ใช่ม่ะ, Planning ใช่ม่ะ, Retro ใช่ม่ะ ไม่ต้องสอนๆ ทำอยู่เนี่ย” มันเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ

หน้าที่ๆสำคัญของเราอีกข้อคือการเปลี่ยน Mindset ของทีม (รวมไปถึง PO) ให้เป็น Agile มากกว่า

Stand up meeting ไม่ใด้เอาไว้ใช้ track status ของงาน แต่เป็นโอกาสให้ทีมได้พูดคุยกันทุกเช้าถึงเรื่องที่ตัวเองทำอยู่ กำลังจะทำ และปัญหาที่เจอ

Planning ไม่ได้เอาไว้หาวันที่ๆจะส่งงาน เพื่อเอาไปบอกเจ้านาย แต่เป็น session ที่ทีมจะได้พูดคุยกันถึง scope ของตัวงานอย่างแท้จริง และทีมได้ประเมินตัวเองว่าเราจะส่งอะไรให้ลูกค้าในอีก 10 วันข้างหน้า

Retrospective ไม่ใช่ session นายกพบประชาชน ที่เอาไว้ให้ Team Lead อธิบายปัญหาที่เจอให้ PO ฟัง แต่เป็นโอกาสให้ทีมได้คุยกันในเรื่องที่ทำได้ดีแล้ว เรื่องที่ยังต้องปรับปรุง

Chief Connecter

“Connecting the right people together”

แค่นั้นแหละ ประโยคเดียวจบ เอาคนที่เขารู้เรื่องมาคุยกันซะ แค่นี้ปัญหาทุกอย่างก็คลี่คลาย

King of feedback

ความเชื่อใจเป็นอีกสิ่งที่สำคัญในการทำงานร่วมกัน การให้ feedback เพื่อปรับปรุง เปลี่ยนแปลงเป็นยาชั้นยอดให้กับทีม ทีมที่พร้อมยอมรับในสิ่งที่ตัวเองได้ทำผิดพลาดไปแล้ว เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ทีมได้พัฒนาต่อไป การที่ไม่เห็นข้อผิดพลาดของตัวเองเลย เป็นกับดักที่น่ากลัวที่สุด หลายๆคนจะคิดว่าในเมื่อทำดีอยู่แล้วๆจะเปลี่ยนแปลงทำไมละ…

ที่สำคัญเราจะทำยังไงให้ทีมพร้อมที่จะเปิดใจคุยกันได้ละ ทีมพร้อมที่จะปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้นด้วย นี่เป็นการบ้านที่สำคัญแต่ไม่ยากเกินไปของ Scrum Master เลยละ

สุดท้ายนี้

Scrum Master Not a Team Leader

ทีมต่างหากละคือคนชี้นำตัวเอง เพียงแค่เราให้อำนาจเขา คอยสนับสนุนเขาก็พอ…