Work From Home ดียังไง?
เนื่องจากช่วง วิกฤต Covid-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต ครั้งใหญ่ จากที่เคยเข้าออฟฟิศ ทุกๆ จันทร์-ศุกร์ ทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน เปลี่ยนเป็น ทำงานอยู่ที่บ้านของตัวเอง มีงานวิจัยจากการเข้าไปศึกษาพนักงาน มากกว่า 47,264 คน ของสถาบันต่างๆ เห็นตรงกันว่า ทำให้ทำงานได้ดีขึ้นและมีความสุขในการทำงานมากขึ้น
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
จากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ตีพิมพ์ Harvard Business Review และ Gallup ซึ่งมีผลงานการวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงาน โดยแบ่งพนักงานออกเป็น 2 กลุ่ม คือ พนักที่ทำงานจากที่บ้าน และพนักงานที่เข้าออฟฟิศ โดย มีผลการสำรวจของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับ Call Center พบว่า พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านสามารถทำงานได้สำเร็จ มากว่าถึง 13.5% และมีผลการวิจัยอื่นๆอีกเช่นกัน พบว่าพนักงานที่ทำงานจากที่บ้าน รู้สึกมีส่วนร่วมกับงานที่ทำถึง 33% มากกว่าพนักงานที่เข้าออฟฟิศซึ่งมีความรู้สึกมีส่วนร่วมกับงานเพียง 15% เท่านั้น
มีความสุขในการทำงาน
จากงานวิจัย ของบริษัท Call Center ยังได้พบอีกว่า มีอัตราการลาออกลดลงถึง 50% เพราะการทำงานที่บ้านมีความสุขมากขึ้นนั้นเอง นอกจากลดอัตราการลาออกแล้ว ยังพบว่า คนรุ่นใหม่ที่ต้องการเข้ามากร่วมงานกว่า 40% ชอบการทำงานจากที่บ้าน และสื่อสารผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่าเจอกันตัวต่อตัว
มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น
งานวิจัยมหาวิทยาลัยซิดนีย์ การทำงานที่บ้านทำให้พนักงานมีสมาธิเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากไม่มีสิ่งอื่นเข้ามารบกวนเวลาทำงาน เหมือนเวลาทำงานที่ออฟฟิศ
สุขภาพดีไม่เจ็บป่วยง่าย
เนื่องจากการทำงานจากที่บ้าน สามารถลดความเครียดได้สูงมาก เช่น ค่าใช้จ่ายหรือ ความเครียดจากการเดินทาง และมีผลการวิจัยจากสำนักวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐ บอกว่า ระดับมลพิษที่พนักงานได้รับระหว่างการเดินทางสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยตรง ดั้งนั้นเมื่อพนักงานส่วนมากทำงานที่บ้านงดการเดินทาง จึงช่วยลดมลพิษในอากาศได้ซึ่งส่งผลให้สุขภาพดีไม่เจ็บป่วยง่ายนั้นเอง
สรุป
การ Work From Home มีข้อดีสำหรับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่มีความสุขในการทำงานมากขึ้น มีสุขภาพที่ดีมากขึ้น และบริษัทสามารถลดรายจ่ายในส่วนต่างๆ ได้อย่างมากมาย
