ประสบการณ์การฝึกงานตำแหน่ง Full-Stack Engineer ที่ Tencent Thailand

About me

สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องแนะนำตัวผมก่อนนะครับ ผมเรียนอยู่ที่คณะ ISE ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสาขา ICE หรือว่าวิศวกรรมการสื่อสารและข้อมูลครับ สิ่งที่เรียนหลักๆก็เป็นเรื่องคอมพิวเตอร์ ไฟฟ้า แล้วการสื่อสาร

ที่ผมเรียนมาแล้วผมสนใจที่สุดก็เป็นเรื่องคอมพิวเตอร์ครับ เวลาว่างๆ (ถ้าไม่ได้ทำอย่างอื่น) ก็จะฝึกเขียนเว็ปหรือแอปพลิเคชั่นต่างๆเพื่อฝึกฝนตัวเองแล้วก็เอามาเก็บไว้ครับ อย่างโปรเจคที่เพิ่งเสร็จไปก็เป็นเว็ปไซต์เล็กๆสำหรับจดสิ่งอ่านมาในหนังสือครับ (กันลืม) ก่อนหน้านี้ประมาณช่วงปี 1 ขึ้นปี 2 ผมก็ได้เป็นอาสาสมัครเขียนเว็ปไซต์จองสนามกีฬา ให้ทาง CU Sport Complex ในตำแหน่ง back-end ไป ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันทำให้ผมรู้เรื่องเทคนิคคอลเพิ่มมากขึ้นเยอะเลย

Prologue

ผมเห็นว่า Tencent เปิดรับสมัครอินเทอร์นอยู่ใน LinkedIn ผมก็เลยลองสมัครไปดู เนื่องจากว่าตำแหน่งมันตรงกับที่ผมอยากทำพอดี บวกกับว่าผมก็รู้จักตัวบริษัทในระดับนึง ผมก็เลยคิดว่ามันคงดีถ้าได้มาทำงานให้กับบริษัทใหญ่ๆ ตอนนั้นผมแค่หวังว่าจะได้ประสบการณ์ ความรู้ เพื่อนใหม่ๆจากการฝึกงานครั้งนี้ครับ (แล้วผมก็ได้มันครบเลย)

Tencent Thailand ทำหลายอย่างเลยครับไม่ว่าจะเป็น sanook.com, Joox, WeTV, WeComics, PUBG Mobile, หรือ Clouds ซึ่งเป็นอะไรที่หลายๆคนในประเทศไทยเคยใช้หรือรู้จักกัน

ทีมที่ผมทำงานชื่อว่าทีม IT-Backoffice ครับ งานหลักๆคือการสร้างแอปพลิเคชั่นมาเพื่อซัพพอร์ทบุคคลากรณ์ในองกรณ์โดยจะมีลูกค้าหลักจะเป็นฝั่ง HR ตำแหน่งที่ผมทำงานคือเป็น Full-stack Engineer

ตำแหน่ง Full-stack คือการสร้างแอปพลิเคชั่นทั้งหน้าบ้าน (Front-end — ตัวหน้าตาของแอป)และหลังบ้าน (Back-end — ตัวมันสมองของแอปที่ใช้สำหรับการคำนวนหรือทำอะไรอีกหลายๆอย่าง) ตำแหน่งนี้รวมการเทสแอป ฯลฯ (ก็คือทำแอปตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ)

“ทำไมถึงอยากมาร่วมงานกัน Tencent Thailand?”

ผมอยากหมั่นฝึกฝนตัวเองเรื่อยๆเพราะว่าผมเชื่อว่าในเมื่อเทคโนโลยีมันพัฒนาไปข้างหน้าทุกๆวัน ตัวเราก็ควรที่จะพัฒนาตามมันไปด้วย แล้วผมก็อยากนำประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับจากการฝึกงานครั้งนี้มาขัดเกลาตัวเองเพื่อเอามาใช้ในวันข้างหน้าครับ

A day in a life

หลายๆคนคงคิดว่าบริษัทใหญ่ๆอย่าง Tencent คงมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ค่อนข้างเครียดใช่มั้ยครับ? เอาจริงๆนะ ผมไม่เคยเครียดหนักๆจากการทำงานที่นี่เลยครับ ถึงแม้ว่างานที่ผมได้รับมอบหมายมาจะเป็นอะไรที่ผมไม่เคยทำ ยาก และใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ไม่มีใครเข้ามากดดันเลยครับ กลับกันเมื่อมีปัญหาอะไรก็สามารถไปถามพี่ๆได้หมดเลยครับ พวกเค้าพร้อมที่จะตอบเราและให้คำแนะนำเราทุกเมื่อ

เนื่องจากว่าช่วงที่ผมฝึกงานยังมี COVID-19 อยู่ การทำงานของทีมผมก็เลยเป็นแบบผสมการทำงานที่ออฟฟิสกับ WFH (work from home) ครับ ซึ่งเวลา WFH ผมจะไม่ค่อยมีสมาธิแล้วก็อาจทำงานช้าถ้าติดปัญหาอะไรบางอย่าง

อ้อ ทีมผมทำงานเป็นแบบ hybrid นะครับ ก็คือจะมีวันที่เข้าออฟฟิสกับวันที่ไม่ได้เข้า ครับ แต่ส่วนตัวคือชอบเข้าออฟฟิสมากกว่าเพราะว่าชอบบรรยากาศ บวกกับว่าผมจะ productive กว่า (แล้วก็ได้ทานอาหารฟรีด้วยยยยยย)

Working @ Tencent

การทำงานที่นี่สนุกครับ ได้ทำงานอะไรใหม่ๆที่ค่อนข้างท้าทายแต่ก็ยังมีอะไรสนุกๆรออยู่เรื่อยๆ การทำงานนี้ทำให้ผมได้รับชุดความคิดใหม่ๆที่เกี่ยวกับตัวสายงานผม ได้ความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน แล้วก็ได้ประสบการณ์การทำงานจริง

โปรเจคที่ผมทำก็มีอยู่ 2 อันครับ อันแรกเป็นการทำระบบซิงค์ Outlook Calendar กับวันหยุดทั้งหมดขององค์กรณ์ อารมณ์คือเป็นเครื่องมือของทาง HR ที่จะมาซิงค์ระบบปฏิทินของทุกคนในองค์กรณ์ อีกโปรเจคนึงมีชื่อว่า Tencent Coin โดยจะเป็นไอเดียของทางทีมผมที่จะให้รางวัลพนักงานที่มีความประพฤติดีเป็นเหรียญ แล้วเหรียญก็จะนำไปแลกเป็นของต่างๆได้

ในสายงานผมแล้วก็ทั้ง 2 โปรเจคที่ผมมีส่วนร่วมในการเขียน การออกแบบ database จะต้องใช้ประสบการณ์สูง ถึงแม้ว่าจะเคยเรียนมาแล้วแต่ก็ยังผิดพลาดได้อยู่บ่อยๆ การที่ผมได้มาออกแบบ database เองเพื่อจะเอาไว้ใช้ในแอปที่ผมเขียนให้กับบริษัทใหญ่ขนาดนี้จึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่ากลัว แต่ก็ยังมีพี่เมนเทอร์ที่คอยให้คำปรึกษาซึ่งก็ทำให้อุ่นใจมากๆครับ

ทำงานที่นี่ก็จะมีโมเมนต์น่าจดจำอยู่ไม่น้อยครับ ไม่ว่าจะเป็นวันแรกที่ทุกคนมาเจอกัน (Orientation day), วันที่งานๆนึงเสร็จแบบคอมพลีทสุดๆ, วันที่พรีเซ้นท์งาน, วันที่ได้มาพูดคุยกับพวกพี่ๆในบริษัทซึ่งอบอุ่นมากกกกกก, ฯลฯ มันพูดได้ไม่หมดหรอกครับ เอาเป็นว่าลองมาทำงานที่ Tencent Thailand ดูเดี๋ยวก็รู้เอง

Recommendations to the others

สำหรับใครที่กำลังหาที่ฝึกงานอยู่แล้วอยากลองทำงานที่ Tencent ดู ก็อยากให้ลองหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำดูก่อนครับ ไม่ว่าจะเป็นอะไรตรงสายหรือไม่ตรงสายก็ลองมาได้ครับ สุดท้ายแล้วจริงๆประสบการณ์ทำงานมันไม่สำคัญมากหรอกครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความใฝ่รู้ต่างหาก ถ้าคนเรามีความใฝ่รู้ ไม่ว่างานที่ได้รับมอบหมายมาจะเป็นอะไรคนๆนั้นก็จะทำมันสำเร็จลุล่วงไปได้