[Case Study] เผยแพร่สถิติผลข้างเคียงวัคซีนยังไงให้ดูน่ากลัวกว่าความเป็นจริง #DataVis
วันนี้ผมไปเจอภาพอินโฟกราฟิกเกี่ยวกับ “รายงานอาการข้างเคียงหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ในคนไทย” มาครับ ภาพอินโฟกราฟิกที่ว่า ทำโดยกระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) และนั่นก็คือภาพด้านซ้ายที่ท่านเห็นกันข้างบนนี้นั่นเอง
สิ่งแรกที่รู้สึกหลังจากที่เห็นคือ “ทำไมผลข้างเคียงเยอะจัง?” ซึ่งสาเหตุมาจาก Visual Design ที่ภาพนี้ให้น้ำหนักกับส่วนผลข้างเคียงเยอะมาก แทนที่ภาพนี้จะทำให้คนสบายใจว่าการฉีดวัคซีนปลอดภัย กลายเป็นว่า ตกลงจะภาครัฐอยากให้คนกลัวผลข้างเคียงหรืออยากให้คนสบายใจกันแน่
ในบทความนี้ เราจะมาลองวิเคราะห์กันดู ว่าของเดิมมันมีปัญหายังไง และผมก็จะลองเอาอินโฟกราฟิกชิ้นนี้ มาปรับ layout และ visualization เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ดูครับ ถือซะว่าเป็น exercise ให้ตัวเองไปในตัว
ของเดิมมีปัญหายังไง?
- ถ้าสิ่งที่ภาพนี้ต้องการจะสื่อคือ “ผลข้างเคียงมันไม่เยอะอย่างที่คิด” layout แบบนี้ไม่ตอบโจทย์ เพราะ “ขนาด” ของส่วนผลข้างเคียงมันกินที่ในภาพเยอะมาก
- คนทำอาจจะคิดว่าคำแรกที่เห็นคือ “ไม่พบผลข้างเคียง” แต่จริงๆ สิ่งแรกที่เราเห็นคือ “ปวดกล้ามเนื้อ”
- flow การอ่านเด้งไปเด้งมา ดูแล้วงงๆ ว่าอะไรมาก่อนหลัง visual hierarchy ไม่ชัด เจน ทำให้หลายอย่างแย่งความสนใจกัน
- ตัวเลข % ของอาการย่อยแต่ละอย่าง อ่านแล้วงงว่าคือ % ของอะไร ต้องเดาสองสามตลบถึงจะรู้ว่ามันคือ % ของคนรับวัคซีนทั้งหมด โดยที่คนนึงมีหลายอาการได้
มาลองแก้กัน
- ดัน message หลักขึ้นมาในจุดที่อยู่ตาม flow การอ่านมากที่สุด และปรับพาดหัวให้เป็นคำถาม เพื่อดึงความสนใจ
- ปรับ visual hierarchy เพื่อให้ลำดับการอ่านให้ตรงไปตรงมามากขึ้น
- ปรับชนิดของ visualization จาก pie เป็น แท่ง เพราะสมองคนเราเทียบความยาวได้แม่นยำกว่าเทียบมุม หรือขนาด
- ปรับ visualization เทียบผลข้างเคียงแต่ละชนิด ของเดิม message ที่ได้จากภาพคือ “มีผลข้างเคียงชนิดต่างๆ กันดังนี้” ของที่ปรับใหม่โดยให้แท่ง 100% เป็น reference เพื่อให้ message กลายเป็น “มีผลข้างเคียงแบบต่างๆ กันดังนี้ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะอัตราการเกิดแต่ละแบบก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น”
- เพิ่มหมายเหตุเรื่อง 1 คนมีได้หลายอาการ (ทำให้รวมกันแล้วได้เกิน 10.2) และเพิ่มหมายเหตุว่า % คือ % เทียบกับอะไร
- ปรับ “7 ในล้าน” เป็น “7 ใน 1,000,000” เพื่อให้สเกลความต่างกันของตัวเลข เห็นชัดขึ้น
- ใช้สีน้ำเงินเน้นส่วน “ไม่มีผู้เสียชีวิต” เพื่อให้ดูไม่น่ากลัว ไว้ใจได้ (อ้างอิงจากทฤษฎีจิตวิทยาของสี) ส่วนอื่นๆ ก็พยายามหลีกเลี่ยงสีแดง เพื่อให้ไม่ดูน่ากลัวเกินไป
พัฒนาอย่างไรได้อีก?
จริงๆ ผมเองก็ยังไม่ได้พอใจ 100% กับที่ภาพแก้ออกมา จุดที่คิดว่าดีได้กว่านี้ก็เช่น
- ตอนนี้รู้สึกว่ายังดูแน่นไป ที่หายใจน้อยไปหน่อย
- คำว่า “7 ใน 1,000,000” น่าจะใช้เทคนิค visualization ให้เห็นภาพได้มากกว่านี้ (แต่ที่อาจไม่พอ)
- ถ้าหาทางสื่อสาร “1 คนเป็นได้หลายอาการ” ออกมาเป็นภาพได้ น่าจะเข้าใจง่ายขึ้นโดยไม่ต้องอ่านหมายเหตุ
- ส่วนข้างล่างดูขโมยซีนไปหน่อย แต่จริงๆ มันก็เป็น message สำคัญและเป็นสิ่งหลักที่คนสงสัย (แม้ข้อมูลจะน่ากังขานิดหน่อย)
- เรื่อง graphic อื่นๆ เช่นรูปคนป่วยที่ต้นฉบับเอามาใส่ คิดว่าถ้าลงระดับ visual design จริงๆ ก็น่าจะใส่เข้าไปด้วยเช่นกัน เพราะมันช่วยให้คนจำได้มากขึ้น แต่การแก้รอบนี้นี้เน้นเรื่อง layout เป็นหลัก เลยไม่ได้ใส่เข้าไป
แต่ปัญหาเรื่องนี้ ไม่ได้จบแค่ที่ Visual Design
ใน exercise นี้ เราแก้เฉพาะ layout และ visualization เท่านั้น ในเชิงตัวข้อมูลจริงๆ ของกรมควบคุมโรค ผมก็ยังมีข้อกังขาอยู่อีกมาก เช่น
- อาการแพ้รุนแรงนับยังไงกันแน่ (และทำไมจำนวนคนแพ้รุนแรงมันหยุดนิ่งไปตั้งแต่เมื่อฉีดได้ไม่ถึงล้านคน จนมาถึงตอนนี้ฉีดได้สองล้าน เลขก็แทบไม่ขึ้นเลย แปลก)
- วันก่อนเจอตัวเลขเรื่องอาการชาจากจุฬาฯ พบอัตราที่ 1 ใน 40,000 (sinovac) แต่ตัวเลขที่อยู่ในรูปนี้บอกว่า 1 ใน 2,000,000
- ไม่เห็นด้วยกับการตอบปัดว่า “ไม่มีผู้เสียชีวิต” ทั้งๆ ที่ก็มีหลายกรณีที่มีข่าวออกมา แต่ผลยังไม่ชัดว่าเกี่ยวกับวัคซีนมั้ย (หรือเปล่านะ?) ถ้าต้องการสร้างความเชื่อมั่น น่าจะออกมาเคลียร์ให้ชัดๆ ดีกว่าที่จะตอบปัดๆ ไป (ตัวอย่างที่ดีมากตัวอย่างหนึ่งคือ)
- ข้อมูลที่เลือกออกมานำเสนอยังไม่ได้ตอบสิ่งที่คนกลัวโดยตรง เช่น เรื่อง stroke เรื่องลิ่มเลือด คือมันดีในแง่การเตรียมใจไปฉีด แต่ถ้าต้องการทำ graphic นี้มาตอบคนกลัวผลข้างเคียง คิดว่าข้อมูลที่เลือกมายังไม่เวิร์ค
เรื่องข้อมูลไม่ครบ ไม่ตอบคำถามที่คนสงสัย อันนี้ผมคงไม่โทษ อว. เพราะว่าข้อมูลมันมีแค่นี้ตั้งแต่ “รายงานสำหรับบุคลากรทางการแพทย์” ที่กรมควบคุมโรคทำออกมา ผมเองก็ติดตามดูรายงานตัวนั้นอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่เคยมีการอธิบายรายละเอียดหรือพูดถึงเคสต่างๆ ที่เป็นข่าว
สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากไว้ให้ภาครัฐใส่ใจกับเรื่องการสื่อสารมากกว่านี้ เพราะการสื่อสารที่ดีจะสามารถช่วยแก้ปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ ตั้งแต่เรื่องวัคซีน เรื่องข้อมูลของโรค และเรื่องอื่นๆ นอกจากเรื่อง COVID-19 ได้อีกมากครับ 🙏