วิธีคว้าทุน Chevening Scholarship

Mattmy
The Everglow
Published in
2 min readApr 21, 2019

เรื่องนี้เคยเขียนไว้ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2561 แล้วครับ แต่เผยแพร่ไว้ช่องทางอื่น จึงอยากเอามาแปะไว้ใน Medium บ้าง เผื่อว่าจะมีใครสนใจ

จริง ๆ ตั้งใจอยากเขียนเล่าเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เนื่องจากผมเพิ่งฝ่าฟันมรสุมรายงานลูกที่ 1 เสร็จ จึงพอมีเวลาบ้าง อาจจะเขียนช้าไปซักหน่อย เพราะของปี 2019/2020 นั้นเปิดรับสมัครตั้งแต่ 6 สิงหาคม 2561 และจะปิดวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งตอนนี้ก็ยังพอเหลือเวลา สำหรับผู้ที่สมัครปีนี้ลองไปปรับใช้ได้ครับ ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้สมัคร ก็นำไปใช้เป็นแนวทางในปีต่อ ๆ ไปได้

หัวข้อนี้ค้นห้าใน Google ก็เจอครับ สาเหตุที่เขียนเพราะว่ามีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ หลายคนถามเกี่ยวกับทุนนี้ ว่าทำอย่างไร เทคนิคมีอะไรบ้าง ผมเลยอยากแบ่งปันวิธีการที่ผมใช้แล้วมันได้ผล หวังว่าจะได้ประโยชน์กันโดยเฉพาะผู้ที่อยากคว้าทุนนี้

อีกอย่าง ข้อมูลต่าง ๆ ผมจะอ้างทุนของปี 2018/2019 นะครับ ซึ่งเป็นทุนที่ผมกำลังใช้ศึกษาอยู่

ทุน Chevening คืออะไร

จะขออธิบายคร่าว ๆ ครับ มันคือทุนการศึกษาโดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรเพื่อให้มาเรียนต่อในระดับปริญญาโทในสหราชอาณาจักร ถือว่าเป็นหนึ่งในทุนที่มีชื่อเสียงลำดับต้น ๆ ของโลก

ข้อดีหลักเลยคือ เรียนฟรี มีค่าขนม ค่าที่พัก ค่าเดินทาง สามารถไปแต่ตัวทัวร์ยกแก๊งได้เลย (ถ้าประหยัดนะครับ) และอีกอย่างไม่มีสัญญาผูกมัด

ขั้นตอนการคัดเลือกมีไม่มากครับ ขั้นแรกคือเขียนตอบคำถาม 4 ข้อ เป็น essay สั้น ๆ ประมาณ 500 คำ จากนั้นเมื่อผ่านการคัดเลือกก็เข้ารับการสัมภาษณ์ที่สถานทูต และรอประกาศผลรอบสุดท้าย

ส่วนพวกประวัติ ความเป็นมา ข้อกำหนด รายละเอียดอื่น ๆ ไปหาเองครับ มีคนเขียนเยอะแล้ว

http://www.chevening.org/thailand/ อะ แปะลิงก์ซักหน่อย ลองเข้าไปดู

ขอข้ามไปส่วนสำคัญเลยละกันครับ

เทคนิคที่ใช้

ขั้นตอนการเขียนตอบคำถาม

คำถาม 4 ข้อที่ถามมาแบ่งหัวข้อได้ดังนี้

  1. คำถามเกี่ยวกับความสามารถในการเป็นผู้นำ (Leadership skills)
    ข้อนี้อยากให้ไปลองคิดดูครับ ว่าผู้นำที่ดีควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ผมจะไม่บอกนะครับว่ามีอะไร เพราะแนวคิดแต่ละคนไม่เหมือนกัน ลองดูครับว่าเรามีคุณสมบัตินั้นในตัวหรือเปล่า มีอย่างไร อธิบายไปครับ
  2. คำถามเกี่ยวกับความสามารถในการสร้างเครือข่าย (Networking skills)
    การสร้างเครือข่ายสำคัญอย่างไร ทำอย่างไรให้เครือข่ายนั้นมั่นคง เราสามารถทำได้ไหม อย่างไร ลองไปดูครับ
  3. คำถามเกี่ยวกับการศึกษาต่อใน UK
    จะไปเรียน UK ก็ต้องมีเหตุผลที่ดีที่จะไปเรียนครับ สาเหตุที่เลือกไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้เพราะอะไร สาขานี้เพราะอะไร อยากไปแค่เพราะผู้หญิงสวยกรรมการคงไม่ปลื้มเท่าไหร่ (เก็บไว้เป็นวาระซ่อนเร้นในใจพอครับ ไม่ต้องไปบอกเขา)
  4. คำถามเกี่ยวกับแผนในอนาคต
    ทุนเหมือนจะให้เปล่า แต่จริง ๆ แล้วมันไม่เปล่าหรอกครับ เขาต้องการให้เรานำความรู้ที่ได้มาสร้างประโยชน์ด้วย ดังนั้นต้องอธิบายไปครับ ว่าจะนำมันมาทำอะไร มีแผนอย่างไร ยิ่งชัดเจนยิ่งดีครับ

การจะตอบคำถามให้ดีนั้นเราต้องรู้จักจุดประสงค์ของทุนครับ ว่าทุนต้องการคนแบบไหน สำหรับทุนนี้ เป้าหมายหลักคือคนที่มีความเป็นผู้นำและมีความสามารถในการสร้างเครือข่าย ดังนั้นแสดงออกมาให้มากที่สุด และแต่ละข้อนั้นควรยกตัวอย่างของเราให้ชัดเจนครับ เพื่อให้กรรมการเห็นว่าเราทำจริง ๆ ไม่ใช่สร้างเรื่องขึ้นมา ดังนั้นประสบการณ์สำคัญมาก ทุกคนมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัวอยู่แล้วครับ อยู่ที่ว่าจะแสดงออกมาได้ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าคิดว่าเราไม่มีจริง ๆ แต่ก็อยากได้ทุนนี้ ต้องใช้เวลาในการสั่งสมประสบการณ์ครับ พยายามนำตัวเองไปอยู่ในจุดที่เราสามารถพัฒนาได้ ถ้าปีนี้ยังไม่สำเร็จ ปีหน้าลองใหม่ ผู้นำที่ดีไม่ควรย้อท้อต่อความยากลำบากครับ

อย่าคิดว่าตัวเองทำอย่างไรก็คงไม่ได้ สมัครไปเถอะครับ มันไม่ได้เสียหายอะไร ถ้าเราไม่สมัครผลของมันคือไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าสมัคร มันมีทั้งได้และไม่ได้ ดังนั้น สมัครไปเถอะ

ขั้นตอนการตอบสัมภาษณ์

สำหรับตัวผมเอง ผมซ้อมสัมภาษณ์ตั้งแต่วันที่ส่งใบสมัครเสร็จครับ เพราะการรับสมัครสิ้นสุดประมาณเดือนพฤศจิกายน ส่วนการสัมภาษณ์ปีผมจะมีช่วงเดือนมีนาคม (น่าจะประกาศผลรอบแรกเดือนกุมภาพันธ์นะครับ) ดังนั้นตั้งแต่ปิดรับสมัครจนถึงสัมภาษณ์ จะมีเวลาประมาณ 3 เดือน อย่าปล่อยเวลานี้ไปเปล่า ๆ ครับ สร้างทัศนคติที่ดีก่อนว่าเราต้องผ่านรอบแรก ลองวางคำถามที่คณะกรรมการอาจถามเรา จากนั้นคิดคำตอบขึ้นมา ซึ่งคำถามในการสัมภาษณ์ก็เกี่ยวกับสิ่งที่เราเขียนไปตอบคำถามในใบสมัครแหละครับ พยายามอธิบายสิ่งที่เราไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนเพิ่มลงไปด้วย ในใบสมัครมันแค่ 500 คำ แต่ช่วงสัมภาษณ์เรามีเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ดังนั้นพยายามทำให้จุดเด่นของเราที่บรรยายไปเด่นชัดยิ่งขึ้น

ท่าทางการเดิน การนั่ง วิธีการพูด การแต่งตัว ทุกอย่างมีผลหมดครับ อาจจะเล็กน้อยหากเทียบกับสิ่งที่อธิบายไปในย่อหน้าก่อน แต่การใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถทำให้คณะกรรมการจดจำและประทับใจเราให้ได้ครับ

อีกนิดนึงครับ ออกเสียงชื่อทุนให้ถูกนะครับ (ชีฟ’ นิง) ไปสัมภาษณ์ออกเสียงผิดคงไม่ดีเท่าไหร่

เทคนิคอื่น ๆ

  1. รีบสอบเอาคะแนนภาษาอังกฤษเลยครับ เพราะเงื่อนไขของการได้ทุนนี้คือต้องได้ Unconditional offer จากทางมหาวิทยาลัยเท่านั้น ซึ่งการจะได้ Unconditional offer เราก็ต้องไปคะแนนภาษาอังกฤษที่ผ่านเกณฑ์ ใครตั้งใจว่าคะแนนไม่ต้องสูงมาก ไปเรียน Pre-sessional course เอานี่หมดสิทธิ์ครับ

    พยายามสอบให้ได้คะแนนผ่านเกณฑ์ให้เร็วที่สุดครับ ถ้าได้ก่อนสิ้นปีจะดีมากครับ จะได้ไม่ต้องไปกังวลทีหลัง เดี๋ยวจะอธิบายเรื่องนี้ในข้อ 2 ครับ

    ถามว่าสอบอะไรดี? IELTS หรือ TOEFL? ไป UK ก็ต้อง IETLS สิ.... ไม่เสมอไปครับ ส่วนตัวผมสอบ TOEFL iBT ครับ เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ทางมหาวิทยาลัยทั้งใน UK และ US เปิดรับหมดทั้ง IELTS และ TOEFL ลองเปรียบเทียบความแตกต่างว่าเราถนัดแบบไหน ก็สอบไปครับ (ผมสอบ TOEFL เพราะมันถูกกว่าครับ ไม่มีอะไร เป็นคนขี้งก)
  2. ตอนกรอกใบสมัคร จะมีช่องให้เราเลือกมหาวิทยาลัย 3 อันดับครับ คือจะเป็น 3 สาขาในมหาวิทยาลัยเดียวกัน หรือจะเป็นสาขาเดียวกันแต่ 3 มหาวิทยาลัยก็ได้ ซึ่งเราจะได้ไปเรียนก็คือใน 3 รายการนี้แหละครับ เปลี่ยนไปเอามหาวิทยาลัยหรือสาขาอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ในใบสมัครไม่ได้แล้ว การเรียงลำดับแนะนำให้เอาอันที่เราอยากได้มากที่สุดไว้อันแรก ลองเรียงลำดับและหาเหตุผลให้ดีครับ เพราะกรรมการอาจถามในการสัมภาษณ์ว่าทำไมถึงเรียงแบบนี้

    อย่างไรก็ตาม ลำดับนี้ยังเปลี่ยนได้ครับ เพราะกรรมการจะถามเหมือนกันว่าอยากเปลี่ยนไหม ถ้าอยากแสดงความหนักแน่นก็ตอบไปเลยว่าไม่เปลี่ยน “I’ve made a decision” แบบมั่น ๆ ไปเลย (ผมเลยแนะนำให้เรียงไปเลยครับ ตอบแบบนี้เฟี้ยวกว่าเยอะ)

    จากในข้อ 1 สาเหตุที่ผมแนะนำให้ได้คะแนนผ่านเกณฑ์ก่อนสิ้นปี เพราะเราต้องนำไปสมัครมหาวิทยาลัยนี่แหละครับ แต่ละมหาวิทยาลัยตอบกลับมาช้าหรือเราไม่เท่ากัน อาจเป็นเดือน สองเดือน หรือสามเดือนแล้วแต่ที่ ดังนั้น ถ้าเราสามารถได้คะแนนเร็ว สมัครมหาวิทยาลัยเร็ว ก็จะได้ผลเร็วครับ

    แต่หากผลออกมายังไม่ได้ Unconditional offer ก็ไม่เป็นไรครับ ทางทุนจะยังให้โอกาสเรา ทำให้มันเป็น Unconditional ให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด (ปีผมรู้สึก 12 กรกฎา) ผมแนะนำให้ได้ Unconditional offer ไปเลยครับ จะได้ไม่ต้องกังวล ยอมเหนื่อยหน่อย แต่ถ้ามีความมุ่งมั่นจริง ๆ ความเหนื่อยแค่นี้มันสบายมากครับ

    ทำอย่างไรถ้าได้ Unconditional offer ไม่ทันเวลา? สั้น ๆ ก็คืออดครับ ไปสมัครใหม่ปีถัดไป

สำหรับเทคนิคของผมก็มีเพียงเท่านี้ครับ ใครมีปัญหาอะไรลองสอบถามมาได้ ตอบได้จะตอบ ตอบไม่ได้ก็จะตอบ

หวังว่าทุกท่านจะได้รับประโยชน์นะครับ ขอบคุณครับ

--

--