สอบ PMP ให้ผ่านในครั้งแรก

Mattmy
The Everglow
Published in
2 min readApr 21, 2020

เมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งสอบ PMP ครั้งแรก หลังจากได้เตรียมตัวมาระยะหนึ่ง ซึ่งต้องบอกว่ามันทั้งไม่ง่ายและก็ไม่ยาก เพียงแต่ต้องมีการวางแผนเตรียมตัวให้ดี

ส่วนผลการสอบนั้น แน่นอนว่าผ่าน จึงอยากจะมาแชร์เทคนิคให้ทุกท่านที่สนใจได้อ่านกัน

PMP คืออะไร

PMP ย่อมาจาก Project Management Professional เป็น Certification เกี่ยวกับการบริหารโปรเจคต์ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก รับรองโดย The Project Management Institute (PMI)

เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ในปี 2020 เว็บไซต์ PCMag จัดให้ PMP เป็น Certificate ในวงการ IT ที่ได้รับค่าตอบแทนมากที่สุดอันดับ 2 ($135,798 ต่อปี) และ Forbes จัดให้อยู่ในอันดับ 5 ($143,493 ต่อปี)

ในวงการ Project Management คงกล่าวได้ว่า Certificate ตัวนี้เป็นตัวที่โด่งดังที่สุดแล้ว และเป็นตัวที่ได้รับการรับรองในระดับโลก ซึ่งจะเห็นว่าการรับสมัครงานในตำแหน่ง Project Manager ของบริษัทที่มีโครงการใหญ่ ๆ ล้วนมี Requirement ไว้ว่าต้องการคนที่มี Certificate ด้าน Project Management โลกนี้มันก็มีหลายตัวแหละ แต่ถ้าเป็น PMP นี่ก็จะหล่อขึ้นมาประมาณ 25%

อ่าว แล้วที่ย่อหน้าด้านบนบอกว่าเป็น IT Certificate มันต้อง IT จ๋าเลยหรือเปล่า? จริง ๆ แล้วการบริหารโครงการนี่มันไม่ได้จำกัดแค่วงการ IT เท่านั้น มันทำได้หมดแหละ ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง การทำวิจัย หรือการจัดกิจกรรมก็ตาม ขอแค่เข้าข่ายคำว่า “Project” ตามที่เค้านิยามไว้ก็พอ

แล้วทำไมมันถึงโด่งดังในวงการ IT? เพราะวงการ IT นั้นมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วมาก องค์ความรู้เรื่องพวกนี้จึงมีความก้าวหน้าในวงการ IT

อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ลิงค์นี้เลย https://www.pmi.org/certifications/types/project-management-pmp

PMP สอบอะไร

สอบเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจที่ต้องใช้ในการบริหารโครงการ ข้อสอบ PMP มีทั้งหมด 200 ข้อ ใช้เวลา 4 ชั่วโมง

การสอบผมไปสอบที่ Pearson Professional Centre ที่อาคาร BB อโศก ข้อสอบเป็นแบบทำในคอมพิวเตอร์ ใครเคยสอบ TOEFL สอบ GRE มาก็จะประมาณนั้นแหละ รู้สึกว่ามันกำลังจะมีสอบออนไลน์ให้ทำที่บ้านได้ อันนี้ก็ตามสะดวกว่าใครอยากสอบแบบไหน

อัพเดท!!! ตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2563 มีการพัก 10 นาทีระหว่างสอบ (เวลาพักไม่นำไปคิดรวมกับเวลาสอบ 4 ชั่วโมง) หลังจากจบส่วนแรกจะให้เรารีวิวข้อสอบที่ทำไป จากนั้นให้เรายืนยันว่าจะพักหรือไม่ ซึ่งหลังจากพักไปแล้ว จะไม่สามารถกลับมาทำส่วนแรกได้ หลังจากพักเสร็จก็กลับมาทำที่เหลือต่อ ตรงนี้ต้องบริหารเวลาเอาเอง เพราะเวลารวมคือ 4 ชั่วโมง สมมติส่วนแรกเราเทพมาก ใช้เวลาไป 30 นาที ก็จะเหลืออีก 1 ชั่วโมง 30 นาทีให้ทำส่วนที่สอง แต่อย่าลืมว่าเรากลับไปทำส่วนแรกไม่ได้แล้วนะ ต้องบริหารเวลาให้ดี เพราะการจะบริหารโครงการให้ดีได้ ต้องบริหารเวลาเป็นด้วย (เกี่ยวไหม?)

คุณสมบัติผู้เข้าสอบ

  1. จบการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรีหรือมัธยมปลาย
  2. มีประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารโครงการอย่างน้อย 3 ปี (สำหรับผู้ที่จบระดับปริญญาตรี) หรืออย่างน้อย 5 ปี (สำหรับผู้ที่จบระดับมัธยมปลาย)
  3. จบหลักสูตรอบรมสำหรับ Certification นี้ (หรือ CAPM) จำนวน 35 ชั่วโมง ผมเรียนคอร์สของ NIDA แต่ถ้าใครอยากสะดวกด็ลองดูคอร์สออนไลน์ได้ ใน Udemy ก็มี

วิธีเตรียมตัว

ต้องรู้อะไรบ้าง

  1. Process ต่าง ๆ
    Process หมายถึงสิ่งที่ Project Manager ต้องทำสำหรับการบริหารโครงการ ซึ่งใน PMBOK 6th Edition มีอยู่ทั้งหมด 49 Processes จัดอยู่ใน 10 Knowledge Areas และ 5 Process Groups สิ่งเหล่านี้ต้องจำให้ได้ว่า Process ไหนอยู่ Area ไหนและ Group ไหน และต้องเรียงลำดับได้ว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลัง
  2. สูตรการคำนวณ
    ในข้อสอบจะมีการคำนวณอยู่บ้าง เช่น Expected Monetary Value (EMV) และ Earned Value Analysis (EVA) ซึ่งจำเป็นต้องรู้สูตรในการคำนวณ
  3. ITTO
    ITTO คือ Inputs, Tools and Techniques และ Outputs ของแต่ละ Process
  4. Documents
    หมายถึงเอกสารที่ใช้ในการบริหารโครงการ ทั้ง Project Documents, Plans, Baselines และเอกสารอื่น ๆ

โหหหห… เยอะจัง งี้ใครจะไปท่องได้? จะแนะนำว่าต่อให้ท่องได้ ก็ทำข้อสอบไม่ได้อยู่ดี เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเข้าใจ ต้องรู้ว่าแต่ละอย่างนั้นมันคืออะไร มีหน้าที่อะไร เกี่ยวข้องกับอันอื่นอย่างไร

โดยส่วนตัวผมไม่เคยท่องแบบจริง ๆ จัง ๆ เลย อาศัยว่าค่อย ๆ ทำความเข้าใจเอา จะแนะนำในส่วนถัดไป

หนังสือที่ใช้

  1. PMBOK
    เมื่อสมัครเป็นสมาชิกของ PMI แล้วเราจะสามารถดาวน์โหลดหนังสือชื่อว่า Project Management Body of Knowledge (PMBOK) ถ้าใครเคยเห็นจะรู้ว่าเป็นหนังสือที่หนามาก ส่วนตัวใช้แค่เป็น Reference ไม่เคยอ่านทั้งเล่มเลย
  2. Rita Mulcahy’s PMP Exam Prep Book
    เล่มนี้คือ The Best และเป็น The Must เลย ดีที่สุดในโลกสำหรับการเตรียมตัวสอบ PMP ถ้ามีเวลาแนะนำให้อ่านทั้งเล่มไปเลย (สองรอบจัดไป) และแนวข้อสอบในเล่มนี้รู้สึกว่าจะใกล้เคียงกับข้อสอบจริงที่สุดแล้ว
  3. The PMP Exam: How to Pass on Your First Try
    ใช้ควบคู่กับของป้า Rita แต่จะไม่เน้นเท่าไหร่ เพราะของป้าเค้าค่อนข้างจะครบถ้วนอยู่แล้ว แต่แนวข้อสอบของเล่มนี้บอกเลยว่ายากกว่าข้อสอบจริง มีหลอกซ้ำหลอกซ้อน เอาไว้ทำเพื่อหาสิ่งที่เราขาดตกไปจริง ๆ แต่ขอเตือนอีกครั้งว่าแนวข้อสอบนี้มันยากกว่าข้อสอบจริง ดังนั้นทำแล้วได้คะแนนน้อยก็อย่าไปเสียกำลังใจ

อื่น ๆ

  1. Website
    จริง ๆ มันมีหลายเว็บเลย แนะนำให้หาอ่านเป็นหัวข้อไป แต่ที่แนะนำจริง ๆ คือ Edward-Designer ของตา Edward Chung ซึ่งมีการสรุปทุกบทไว้แบบอ่านง่าย มีการเปรียบเทียบศัพท์ที่คนมักสับสน เว็บนี้จะไม่ได้เขียนรายละเอียดไว้มาก แต่จะเน้นในจุดที่คนส่วนมากละเลย ผมอ่านซ้ำแทบทุกครั้งที่มีโอกาสเลยล่ะ อีกอย่าง ในเว็บนี้มีแนะนำแหล่งข้อสอบฟรีด้วย อย่าลืมไปลองทำล่ะ
  2. YouTube
    สำหรับคลิปจาก Youtube นี้ สำคัญที่สุดที่ต้องดูเลยคือคลิป Process Flow ของ Ricardo Vargas เป็นการอธิบายว่าการดำเนินการของ Process ในภาพรวมนั้นเป็นอย่างไร Process ไหนมาก่อนมาหลัง Process ไหนต้องทำพร้อมกัน
    อีกช่องที่ผมดูประจำคือ Praizion เพราะน้า Phill Akinwale แกอธิบายไว้ดีมาก เข้าใจง่าย มีการเจาะ ITTO และเอกสารต่าง ๆ ไว้เยอะมาก ช่วยให้เข้าใจประเด็นที่อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องได้เยอะ

การทำความเข้าใจจากแหล่งข้อมูลเหล่านี้นี่แหละ ที่ทำให้ผมแทบไม่ต้องท่องจำอะไรเลย เพราะช่วยให้เราเข้าใจและจดจำเนื้อหาได้ง่ายขึ้น แค่เข้าใจคอนเซ็ปต์ เข้าใจหลักการ ก็ค่อนข้างจะเพียงพอแล้ว

ระยะเวลาในการเตรียมตัว

สำหรับท่านที่ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ผมคิดว่าซัก 2–3 เดือนก็เพียงพอแล้วสำหรับการเตรียมตัว แต่ย้ำว่าต้องสม่ำเสมอ วันละ 2–4 ชั่วโมงนี่เหลือเฟือเลย

ส่วนการทำ Mock Exam ผมทำไปแค่ประมาณ 4 ชุด ถ้าเป็นไปได้ลองนั่งยาว ๆ 4 ชั่วโมงติดแบบสอบจริงไปเลยก็ดีครับ จะได้ฝึกสมาธิในการจดจ่อ

แล้วเมื่อไหร่ล่ะถึงจะรู้พร้อม? ผมกำหนดเกณฑ์ตัวเองไว้ว่าต้องทำแนวข้อสอบให้ได้ 70% หรือ 80% ทุกครั้ง ซึ่งถ้าได้ประมาณนี้ ผมว่าสอบจริงก็ไหวแล้วล่ะครับ

แนะนำอีกอย่าง คืออย่ามุ่งเน้นเฉพาะข้อสอบฟรีในอินเตอร์เน็ต ของดีมักมีราคา อันนี้เป็นสัจธรรมของโลกอยู่แล้ว ดังนั้นลงทุนบ้างก็ดี ตามที่กำลังทรัพย์ของตัวเองไหว

สรุป

สำคัญที่สุด การจะสอบผ่าน PMP ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครความจำดีหรือไม่ดี มันแทบไม่เกี่ยวกับการท่องจำเลย การสอบ PMP ใช้ความเข้าใจมากกว่า ดังนั้นการเตรียมความพร้อมต้องเน้นที่การสร้างความเข้าใจ ไม่ใช่ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง จำได้หมดทั้งเล่ม แต่ไม่เข้าใจอะไรเลย ก็น่าจะยากที่จะประสบความสำเร็จในการสอบ

สุดท้ายขออำลาในแบบของ Edward…

Wish you PMP success!

--

--