รีวิวการทำงานแบบ Startup

Startup คืออะไร ?

Startup (สตาร์ทอัพ) คือ บริษัทหรือกิจการที่ก่อตั้งโดยผู้ประกอบการหนึ่งรายหรือหลายราย โดยเริ่มต้นมาจากการมองเห็นโอกาสในการแก้ไขปัญหา (pain point) ของผู้บริโภค จากนั้นก็ริเริ่มคิดค้นผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ ออกมาจำหน่ายสู่ตลาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

โดยธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนกระทั่งขนาดใหญ่ ซึ่งการทำงานแบบสตาร์ทอัพนั้นแตกต่างจากการทำงานในบริษัทใหญ่ ๆ ในหลายด้าน เนื่องจากมีพนักงานน้อยจึงทำให้คุณสามารถลองทำหน้าที่ต่าง ๆ ในบริษัทได้ เช่น การสร้างสรรค์ไอเดีย การออกแบบโปรเจค เป็นต้น

นอกจากนี้เวลาและรูปแบบการทำงานยังมีความยืดหยุ่นสูง เพราะส่วนใหญ่ธุรกิจสตาร์ทอัพจะมีการทำงานแบบ Hybrid (การเข้าออฟฟิศสลับ WFH) ดังนั้นใครที่อยากทำงานแบบคล่องตัว มีอิสระทางความคิด การทำงานในบริษัท Startup จึงเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ เลย

Startup แตกต่างจากบริษัทใหญ่อย่างไร ?

Startup และบริษัทใหญ่นั้นมีความแตกต่างอยู่หลากหลายปัจจัยด้วยกัน เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงคิดอยู่ว่าตัวเองเหมาะกับบริษัทแบบใดกันแน่ ? วันนี้เรามีคำตอบ! บริษัทใหญ่จะมีระบบการทำงานที่ชัดเจน มีการแบ่งแยกตำแหน่งจากสูงไปน้อยอย่างเคร่งครัด มีแบบแผนให้คุณดำเนินตามในทุก ๆ วัน มีหน้าที่ทำแค่งานของตัวเอง ให้อิสระทางความคิดน้อย ทำให้ไม่ได้พัฒนาสกิลอื่น ๆ แต่แลกมากับความมั่นคงของการงานและรายได้ มีสวัสดิการสำหรับพนักงานมากมาย เช่น ประกันกลุ่ม ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าน้ำมัน ค่าอาหารฟรี ฯลฯ เหมาะกับผู้ที่อยากมีการงานและรายได้ที่มั่นคง ชอบการทำงานแบบรูทีน ไม่ได้หวังเก็บประสบการณ์นอกเหนือจากตำแหน่งที่ทำอยู่

ส่วนการทำงานแบบ Startup จะเป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด อาจจะเติบโตจนขึ้นเป็นบริษัทระดับกลางได้ตั้งแต่ช่วงปีแรก ๆ ขึ้นอยู่ผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หรือไม่ ผลิตภัณฑ์หรือบริการนี้สามารถสร้างกำไรให้กับบริษัทได้มากหรือน้อย แต่อย่างไรก็ตามการทำงานแบบ Startup จะแตกต่างจากการทำงานในบริษัทใหญ่โดยสิ้นเชิง สตาร์ทอัพจะทำงานโดยมีเป้าหมายชัดเจน แต่มีรูปแบบแผนการทำงานที่ยืดหยุ่นมาก เปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ มีความคล่องตัวสูง ไม่จำเป็นต้องทำงานแบบเคร่งครัดเพื่อให้ถึงเป้าหมาย คุณจะได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือทีมอื่น ๆ ภายในบริษัท เป็นการพัฒนาสกิลและศักยาภาพด้านอื่น ๆ ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด สามารถออกความคิดเห็นและไอเดียได้เต็มที่ มีอิสระทางความคิดสูง รวมถึงมีรูปแบบการทำงานที่เน้น Work From Home เป็นหลัก หรือทำงานจากที่ไหนก็ได้ Work From Anywhere ไม่ว่าคุณจะไปทำงานที่ทะเล ภูเขา ต่างจังหวัด ต่างประเทศ ฯลฯ เพียงแค่คุณต้องมีวินัยในตัวเอง งานต้องมีความคืบหน้า ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ไม่ละเลยต่อหน้าที่และเป้าหมาย

แต่การทำงานแบบ Startup ที่มีความยืดหยุ่นสูง ก็ต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนและโบนัสที่ไม่ได้สูงเท่ากับการทำงานในบริษัทใหญ่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทเป็นหลักนั้นเอง ซึ่งการทำงานแบบ Startup เหมาะกับผู้ที่มีไฟแรงอยากลองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้มีอิสระทางความคิดและการเสนอไอเดียอย่างเปิดกว้าง ผู้ที่อยากพัฒนาสกิลและศักยาภาพด้านอื่น ๆ ของตัวเองเพื่อนำไปต่อยอดในอนาคต รวมถึงผู้ที่ชอบการทำงานแบบยืดหยุ่นและต้องการความคล่องตัวสูง ใครอยากลองทำบริษัท Startup ก็ลองยื่นใบสมัครหาเราได้นะ ดูตำแหน่งงานที่ว่างได้ที่ https://www.careers-page.com/existing-avenger

การทำงานแบบ Startup มีข้อดี-ข้อเสีย อะไรบ้าง?

ข้อดี

- ได้ประสบการณ์และความรู้ใหม่ ๆ มากมาย เนื่องจากภายในบริษัทจะมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนสกิลเพื่อให้คุณได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด

- สามารถแสดงศักยาภาพของตัวเองได้ย่างเต็มที่ เสนอไอเดียได้อย่างไม่จำกัด

- มีกิจกรรมที่ทำให้คุณผ่อนคลายจากการทำงาน เช่น การงีบ การเล่นเกม เป็นต้น

- การทำงานมีความหยืดหยุ่นสูง ไม่เคร่งครัดกับการเลิกงานตรงเวลา เน้นที่ผลลัพธ์ของงานมากกว่าระยะเวลาการทำงาน

- รูปแบบการทำงานมีความคล่องตัวสูง ไม่จำเป็นต้องอยู่ในออฟฟิศตลอดเวลา มีอิสระในการทำงาน สามารถหาสถานที่นั่งทำงานให้สมองแล่น คิดงานออกได้ชิว ๆ

ข้อเสีย

- โบนัสประจำปีไม่สูง

- ความมั่นคงมีน้อยกว่าบริษัทใหญ่

- ภาระงานค่อนข้างหนัก

สิ่งที่ได้จากการทำงานแบบ Startup

ได้เรียนรู้และลองทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ คนในทีมจะคอยแลกเปลี่ยนความรู้และสกิลต่าง ๆ ไม่หวงความรู้ความสามารถแม้แต่น้อย พร้อมซัพพอร์ตกันในทีม เนื่องจากการทำงานแบบ Startup จะมีพนักงานจำนวนที่น้อยมาก ไม่ถึง 20 คน ทำให้พนักงานทุกคนรู้จักกันอย่างทั่วถึง มีความสนิทกัน จะประสานงานของแต่ละฝ่ายก็ทำได้ง่ายมาก ไม่ต้องมีพิธีรีตองให้ยุ่งยากเลย

ชอบการทำงานแบบไหนมากกว่ากัน

แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างเราก็ต้องชอบการทำงานแบบ Startup มากกว่าอยู่แล้ว เพราะเรายังอยากพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะขึ้นเขา ลงทะเล ลงห้วย อ่อไม่ใช่! สาเหตุจากการทำงานแบบ Work From Home หรือ Work From Anywhere เป็นหลัก วัน ๆ จึงใช้เวลานั่งคิดหาแต่สถานที่นั่งทำงานให้สมองแล่น คิดงานออกให้ปัง ๆ แต่นี่แหละทำให้การทำงานแบบนี้เข้ากับไลฟ์สไตล์เราสุด ๆ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมก็จะมีคนเหมือนเรา ๆ ทั้งนั้นเลย ทำให้การไปทำงานเป็นเรื่องสนุก ไม่เครียด ไม่กดดันตัวเองด้วย

บรรยากาศการทำงานของที่นี้

Existing Company เป็นบริษัท Software Tech ที่ผสมผสานไปทั้งการทำธุรกิจและพัฒนาเทคโนโลยี บริษัทนี้จึงแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ Software house และ Business ฉะนั้นเราจะได้ทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น Developer, UX-UI, Project Manager, Business Operator, Digital Marketing เป็นต้น การทำงานของที่นี้ก็จะมีความเป็นเทคโนโลยีสูงมาก ๆ เนื่องจาก Tools ที่ใช้ในการทำงานร่วมกันจะเอื้อให้คนในทีมทำงานกันได้อย่างสะดวกสบาย

ส่วนบรรยากาศการทำงานของที่นี้ จะมีรูปแบบการทำงานที่ค่อนข้างยืดหยุ่นสูง เน้นที่ผลลัพธ์เป็นหลัก ดังนั้นเราจะต้องมีความรับผิดชอบที่สูงตามไปด้วย โดยที่ Existing จะมีการประเมินตนเองใน Performance Review Session ตาม 7 Meta skills ของ Existing ทุกคนจะได้ประเมินการทำงานของเพื่อนร่วมทีม รวมถึงเราก็จะได้รับ Feedback จากเพื่อนร่วมทีม จากนั้นเราก็จะนำผลจากการประเมินเหล่านั้นมาทบทวนตัวเอง เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้เพื่อนร่วมงานยังน่ารัก คุยกันได้อย่างสบายใจ สามารถปรึกษาเรื่องทั่วไปหรือเรื่องงานก็ได้ อีกทั้งบริษัทยังมีกิจกรรมให้สังสรรค์กับเพื่อน ๆ ในทีม อย่างการทานข้าวนอกสถานที่ เล่นบอร์ดเกม ดูหนัง ฯลฯ เพื่อทำให้ทีมผ่อนคลายจากการทำงาน ลดความเหนื่อยล้า ชาร์จพลัง ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสู้กับงานอีกครั้ง ทำให้เห็นว่าบริษัทใส่ใจและดูแลคนในทีมอยู่เสมอ แล้วคุณล่ะ…พร้อมหรือยังที่จะเข้ามาร่วมทีมกับเรา ?

ดูตำแหน่งงานที่ว่างได้ที่ https://www.careers-page.com/existing-avenger