3 สิ่งที่นิสิตต้องมีติดตัว ก่อนออกจากรั้วมหาลัย ไม่ใช่เกียรตินิยม

บทความนี้เป็นการแชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตในมหาลัย ทั้งเรื่องที่ “ควรทำ” และ “ไม่ควรทำ” ที่น้อยคนจะหยิบยกมาแชร์กัน

เนื่องจากเราย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้วเลยอยากเขียน blog แชร์ประสบการณ์เป็นการชดเชยเผื่อจะเป็นประโยชน์กับน้องๆที่กำลังเข้ามหาลัย หรือกำลังเรียนอยู่ ให้เป็นแนวทางวางแผนชีวิตในมหาลัย หรือต้องการจะเริ่ม

สิ่งดีๆให้กับตัวเอง

เรื่องที่หยิบมาพูดต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่คิดว่าสำคัญที่สุดในแต่ละปีว่าเราควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไรบ้าง เป็นเรื่องที่ถ้าเริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนนี้มันมีค่ามหาศาลในวันหน้ามาก และเป็นเรื่องที่ถ้าย้อนกลับไปได้คงทำแน่ๆ เพื่อให้เราได้ 3 สิ่งที่นิสิตต้องมีติดตัว ก่อนออกจากรั้วมหาลัย

สิ่งแรกคือ ความรู้

สิ่งที่สองคือ connection

สุดท้ายคือ เงิน

เราจะดีใจมากถ้าใครอ่าน blog นี้จบ แล้วเปลี่ยน mindset การใช้ชีวิตในมหาลัยได้

เพราะ 4 ปี เรามีเวลาทำสิ่งต่างๆได้เยอะมากนะ จะเห็นว่าระยะเวลาที่อยู่ในรั้วมหาลัย 4 ปี นั้นค่อนข้างยาวนะ จาก timeline มันแทบจะเป็น 1/5 ของเวลาชีวิตคุณเลยก็ว่าได้ มันสามารถเปลี่ยนเราให้เป็นอีกคนได้เลย จะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นกับสี่ปีนี้เช่นกัน

ซึ่ง timeline slot นี้คือ timeline slot สุดท้ายของคุณนะถ้าหมดไป เวลาคุณจะหายฮวบลงไปเยอะกว่าเดิมอีกเราขอ confirm อย่ามีความคิดที่ว่าจบแล้วค่อยคิดวางแผนหา 3 สิ่งนี้ก็ยังทัน ใช่ครับมันทันแต่คุณก็ต้องยอมรับว่าเอาเวลา 4 ปีไปทิ้งน้ำ ทั้งที่คุณเริ่มทำได้ตั้งแต่เป็นนิสิตได้ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ชีวิตติดลูปเดิมๆกัน ไปเรียนกลับบ้าน นอน เล่น เที่ยว ไปเรียนกลับบ้าน นอน เล่น เที่ยว ซ้ำไปเรื่อยๆ เราขอเรียกวงจรนี้ว่า “วงจรอุบาทว์” ที่เราหวังว่ามันจะหมดไปหลังจากอ่าน blog นี้จบ

เราเคยเอาเวลา 2 ปีกว่าๆไปทิ้งน้ำเล่นๆมาแล้วถึงเริ่มดึงสติตัวเองกลับมาได้รู้ตัวอีกที ก็ปี 3 เทอมปลายๆละ ซึ่งถือว่าช้ามากถ้าเทียบกับเวลา 4 ปีที่อยู่ในรั้วมหาลัย เราจึงรีบเร่งหา 3 สิ่งที่นิสิตต้องมีติดตัว ก่อนออกจากรั้วมหาลัย แต่ก็ยังหาได้ไม่ทัน และนี้คือคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่ไม่อยากให้น้องๆติดลูปพวกนี้

มาเริ่มที่ปีแรกกันเลยดีกว่า

ปีที่ 1 เป็นปีแห่งการเริ่มต้น

เราเหมือนเด็กทั่วไป เที่ยวเล่น กิน ฉลองกับเพื่อนใหม่ จงชื่นชมกับความสำเร็จใหม่ที่เราเข้ามหาลัยตามที่หวังให้เต็มที่ แล้วอย่าลืมหันกลับมาโฟกัสสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนปีแรก คือการสำรวจดูว่าที่เรียนอยู่มันใช่ตัวเองหรือไม่ เรารักที่จะเรียนสิ่งนี้หรือไม่ มันคือการค้นหาตัวเองจริงจังๆนั่นเอง

เรามีเพื่อนหลายคนที่เรียนไป 1-2 ปีถึงพึ่งรู้ว่าที่เรียนอยู่มันไม่ใช่ หรือบางคนไปหาที่ใหม่แต่นั้นหมายความว่าคุณต้องได้คำตอบแล้วว่าคุณรักในสิ่งใดไม่งั้นคุณจะเสียฟรีเช่นกัน หรือบางคนเลือกที่ดันทุรังต่อไปซึ้งเป็นวิธีที่เราไม่แนะนำอย่างมาก เราเห็นมาหลายคนเช่นกันผลคือเละกว่าเดิม ผมไม่สามารถหาอะไรเด่นจากพวกเขาได้เลย ใครกำลังเดินทางนี้อยู่แนะนำให้ฉุกคิดซะใหม่ เวลา 1-2 ปีที่คุณเสียไปถือเป็นเวลาที่เยอะมากนะครับ แต่น้อยคนที่จะตระหนักถึงความสำคัญของมัน จงจำไว้อย่างทุกคนมีนาฬิกาชีวิตติดตัวมาตั้งแต่เกิดทุกคนนะครับ เป็นนาฬิกาที่ไม่มีปุ่ม pause เป็นนาฬิกาที่ไม่มีทางหยุดเดิน เพราะฉะนั้นจงดิ้นรนหาคำตอบมาให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งว่าคุณรักในสิ่งใด

ซึ่งปีแรก เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการค้นหา เนื่องจากเราถูกบีบให้เราได้ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะฉะนั้นโฟกัสจุดนี้กันให้มากๆ เพราะไม่งั้นคุณจะลอยๆอยู่ในมหาลัยไปเรื่อยๆ ใครเริ่มต้นปีนี้ไม่ดีมันจะเป็นเหมือนโดมิโนที่ล่มตามคุณในปีถัดไปเรื่อยๆ

เลือกคบเพื่อนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ตามหามิตรที่เกื้อกูลกัน ไม่ใช่มิตรเทียม

คุณต้องกล้าที่จะทิ้งเพื่อนหรือคนรู้จักห่วยๆออกไป เพราะกลุ่มคนพวกนี้จะรบกวนคุณทางความคิด และดึงให้คุณตกต่ำโดยไม่รู้ตัว เราเชื่อว่าลึกๆแล้วทุกคนยังรู้สึกและยึดติดคำว่า “มิตรภาพอันยาวนาน” หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้คุณทิ้งเขาไม่ได้ คุณต้องให้ค่ากับ “ตัวบุคคล” ไม่ใช่ “ช่วงเวลาที่คบกัน” คนห่วยก็คือ คนห่วย อย่าไปเอาเข้ามาในวงจรชีวิตของคุณเลยจะดีกว่า ถ้าเจอเยอะมากให้คุณรีบตัดสินใจเดินออกมาหา enviroment ใหม่ๆ และไม่จำเป็นต้องภาคหรือคณะเดียวกันนะ แล้วคุณจะเห็นมุมมองใหม่ๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

อย่าไปถึงจุดที่เวลาเราต้องการความช่วยเหลือจากใครซักคน แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วไม่รู้จะโทรหาใคร นั่นแสดงว่าคุณยังไม่มีมิตรแท้นะครับ

เพราะฉะนั้นปีแรกไม่ต้องทำอะไรมาก เลือกคบเพื่อนให้ดี กับตอบคำถามนี้ให้ได้

คุณหาตัวเองเจอรึยัง?

ถ้ายังไม่เจอคุณจง “ดิ้นรน” หามันให้ได้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง

ถ้าคุณยังยืนยันว่าหายังไงก็ไม่เจอ แสดงว่าคุณยังพยายามไม่มากพอ อย่างที่เราบอกปีแรกถ้าเริ่มต้นไม่ดีมันจะล่มเป็นโดมิโน่ตามคุณในปีถัดๆไปเรื่อยๆ

ปีที่ 2 ปีแห่งการเก็บสะสมความรู้

พอคุณเริ่มจับทางของตัวเองได้แล้ว ปีนี้เป็นปีที่เก็บสะสมความรู้ให้ได้มากที่สุด อย่าหลงไปติดกับดักบ้าเรียนหรือบ้ากิจกรรมจนเกินไปสำหรับบางคน ให้คุณเลือกบ้าในสิ่งที่คุณถนัดที่สุด เลือกเรียนให้เป็นไม่ใช่ทุกอย่าง เลือกทำกิจกรรมที่คิดว่าเราได้ประโยชน์กลับมาจริงๆไม่ใช่เอาแต่ความสนุก

มิเช่นนั้นคุณจะไม่เหลือเวลาไปทำเรื่องอื่นที่สำคัญเช่นกัน จงใช้เวลาให้คุ้มที่สุด

หัด skill แบ่งเวลาอันนี้สำคัญมากและต้องทำให้ได้ก่อนจบปี 2 เราขอแบ่งช่วงเวลาออกเป็น

1.เวลาเล่น 2.เวลาเที่ยว 3.เวลาหาความรู้ใส่ตัว ต้อง balance กัน

ยกตัวอย่าง

  • เวลาเล่น เช่น เล่นเกมส์ เล่นบาส เล่นบอล
  • เวลาเที่ยว เช่นท่องเที่ยว เดินช็อปปิ้ง
  • เวลาหาความรู้ใส่ตัว เช่นอ่านหนังสือเพิ่มเติม อ่าน e-book

หรือใครจะมีมากกว่านี้ก็ได้แต่ keyword คือ ต้อง balance กัน เพราะถ้าหนักทางใดทางหนึ่งมันมีผลเสียตามมาในอนาคตแน่นอน เพราะเราลองมาแล้วคือหนักไปกับการหาความรู้ใส่ตัวมากเกินไปมันไม่ดีในแง่การเข้ากับคนอื่นๆเราจะมีโลกส่วนตัวสูงเกินกว่าใครจะเข้าถึงและผลเสียหลายๆอย่างที่ต้องเจอไม่ว่าจะเป็นโรคเครียดแล้วอีกต่างๆนาๆ หนักไปทางเล่นหรือเที่ยวก็เช่นกันแต่ผลเสียจะแตกต่างกันออกไป อย่าหลงไปทางใดทางหนึ่งอย่างสุดโต่ง ปี 2 เป็นปีที่อันตราย เพราะฉะนั้นฝึกฝนทำให้มัน balance กันให้ได้

เรื่องเล่นหรือเที่ยวเราคงไม่แนะนำฮาๆๆ แต่สิ่งที่จะแนะนำคือการหาความรู้ใส่ตัว โดยเฉพาะพื้นฐานอย่าข้ามเด็ดขาดเน้นเฉพาะทางของเราก็พอ (ถ้ารู้สึกเบื่อกับการฝึกฝนพื้นฐานให้คุณกลับไปถามคำถามตอนปีหนึ่งใหม่นะครับ)

Fundamental of Business

Fundamental of Engineering

Fundamental of …

พื้นฐานเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะคุณต้องนำไปใช้ต่อยอดในอนาคต

Fundamental มันเหมือนแกนต้นไม้ ถ้าคุณจะต้องปีนไปเก็บลูกแอปเปิล มันจะมีเส้นทางหลักอยู่หนึ่งเส้น ที่คุณปีนแค่ครั้งเดียวสามารถเอื้อมไปหยิบลูกอื่นได้ง่ายมาก

เพราะฉะนั้นปี 2 ฝึกฝนสิ่งที่เราถนัดให้ช่ำชองที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ดิ้นรนฝึกฝนมันเข้าไป แต่อย่าลืมฝึก skill แบ่งเวลาทำให้มัน balance กันด้วยนะ

ปีที่ 3 ปีแห่งการลงสนามจริง

เป็นปีที่ความรู้เราน่าจะพร้อมที่สุด ดังนั้นใช้ความรู้ที่เราได้ฝึกฝนมาทำให้เกิดประโยชน์ เช่นงานแข่งขันต่างๆ ถ้าเป็นสาย bussiness ก็ลงแข่ง case ต่างๆ หรือ สาย design ก็ประกวดงานต่างๆ เพื่อทดลองความรู้ว่าใช้งานจริงๆมัน work มากแค่ไหน ควรปรับปรุงให้มันดีขึ้นยังไงบ้าง มีอยู่หลายทางที่จะหาสนามแข่งเช่น ติดตามข่าวหรือถามพนักงงานที่ภาคตัวเอง เข้าหาอาจารย์ หัดติดตาม page facebook ที่เกี่ยวกับงานแข่งต่างๆ หรือ search ใน google ว่า “งานแข่งขันสำหรับนิสิต”และอีกมากมาย

อีกหนทางคือ การหาเงินจากความรู้ที่เรามีอันนี้ถ้ามีโอกาสทำได้จะดีมาก เช่นถ้าเป็นสาย programming ก็ให้หัดรับ job เล็กๆมาทำเก็บประสบการณ์ ได้ทั้งความรู้ และการต่อรองงานกับลูกค้าต่างๆ สายอื่นๆก็ทำได้เช่นกันนะๆ ที่เน้นคือต้องเป็นความรู้ที่เราช่ำชองอยู่แล้วจะดีมาก เพราะถ้าทำได้มันจะดียิ่งๆขึ้นไปอีก อาจจะขึ้นไปอยู่บนยอดพีระมิดตั้งแต่อายุน้อยๆก็เป็นได้

ที่จริงปีไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องปีที่3 ถ้าเราคิดว่าพร้อม แต่ที่หยิบมาพูดปีนี้เพราะคิดว่าเหมาะสมกับเรื่องเวลา และความรู้ที่เรามีที่สุด

ต่อไปคือการเริ่มหา connection เพิ่มเพื่อประโยชน์ในภายภาคหน้า เพราะโอกาสดีๆในชีวิตก็มาจาก connect ดีๆนี่แหละ อนาคตเราอาจจะได้มา share ความรู้หรือ รวมตัวกันทำอะไรดีๆเจ๋งๆต่อไป

บางคนอาจสงสัยว่า connection กับ คนรู้จัก มันแตกต่างกันยังไง connection มันคือ การรู้จัก image ของคนคนนั้นจริงๆ รู้จักความรู้ความสามารถของกันและกัน เผื่ออนาคตเราอาจได้ร่วมมาทำอะไรดีๆกัน มันไม่ใช่แค่ถามชื่อและผ่านไป อย่างนั้นเราไม่เรียกว่า connection เป็นแค่คนรู้จัก มันต้องการผ่านการพูดคุยกันมาแล้วระดับหนึ่ง เพราะโอกาสในชีวิตต่างๆก็มาจากการมี connection ที่มีคุณภาพเยอะๆนี่แหละ

วิธีหา connection คืออย่าอยู่ที่เดิมๆตลอดออกไปสถานที่ใหม่ๆ เช่น งานสัมมนาต่างๆ หรือ event ในมหาลัยเราเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรอคนอื่นเราสามารถออกไปแสวงหาด้วยตัวเราเองได้นะครับ แต่งาน event ต้องเลือกที่เราคิดว่าไปแล้วได้ความรู้กลับคืนมาอย่างเหมาะสมด้วย ไม่ใช่สักแต่ไปมันทุกงาน ไม่งั้นก็เหมือนเอาเวลาไปทิ้งน้ำเช่นกัน

และสุดท้ายเราต้องหัดสร้าง image ของคุณให้ชัดเจนในสายคนอื่น

ถ้าคนจะนึกถึงคุณอันดับแรกเขาจะนึกถึงอะไร? นั่นแหละ image ของตัวคุณ

เหมือนในรูปถึงคุณจะใส่สูทผูกไทด์คุณก็ยังเป็น หน่วยรบพิเศษอยู่ดี

สำคัญมากนะ เพราะมันเป็นส่ิงแรกๆที่คนอื่นจะนึกถึงคุณ และเป็นเหมือนการสร้างโอกาสทางอ้อมให้กับตัวคุณด้วย จงแสดงผลงานให้คนอื่นเห็นว่าเราทำอะไรเป็นบ้าง เช่น ลงงานแข่งต่างๆ, ทำ Project จริงๆ, หัดเขียน blog แชร์ความรู้ต่างๆและมันจะเกลาความรู้เราให้เข้าที่ด้วย เป็นต้น แล้วโอกาสไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน หรือส่ิงดีๆจะเข้ามาเองโดยที่เราไม่ต้องไปหาเลย

เพราะฉะนั้นปี 3 ต้องออกไปลองความรู้ให้มากที่สุดแล้วกลับมาปรับปรุง ลองใหม่แล้วกลับมาปรับปรุงเรื่อยๆ หรือเริ่มหาเงินให้ได้จากความรู้ของตัวเอง และสร้าง image ตัวเองให้ชัดเจน

พร้อมกับเริ่มหา connection เพิ่มไปเรื่อยๆ***

ปีที่ 4 เป็นปีที่หาเส้นทางต่อไปของตัวเอง

ปีนี้ใครจะเลือกทำต่อเหมือนปีที่ 3 ก็ได้ แต่ต้องหาทางเดินของตัวเองต่อไปด้วยนะ เราจึงขอยกให้เป็นปีที่ freestyle เพราะคนที่มาถึงจุดๆนี้ ต้องมีทางของตัวเองที่จัดเจนพอสมควรแล้ว รู้แล้วว่าเราควรจะทำอะไรต่อ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่จะฝากคือ เมื่อคุณมาถึงจุดนี้ จุดที่คุณมีความรู้ คุณมีประสบการณ์ มากพอ

จงแชร์ประสบการณ์และความรู้ของคุณ กลับไปให้คนอื่นๆด้วย

If you have knowledge, let others light their candles at it. (Margaret Fuller)

ถ้าคุณมีความรู้ก็เหมือนคุณมีเปลวไฟส่องสว่าง จงให้คนอื่นนำเทียนของเขามาจุดไฟ(ความรู้)จากคุณ

เพราะฉะนั้นปี 4 จงทำสิ่งที่คุณวางแผนไว้ต่อไป

ทั้ง 4 ปีที่เราหยิบมาพูดมีอยู่ไม่มากแต่เป็นเรื่องที่ใหญ่และต้องใช้เวลา ซึ่งบางคนโดนเวลาส่วนอื่นดึงไป เราถือเป็นการเตือนสติไปในตัวให้คุณดึงมันกลับมาโฟกัสให้ถูกจุดก่อนมันจะหลุดออกไปไกล 🙂

จริงๆนะ

สรุป

สิ่งที่คุณต้องหาให้ได้มากที่สุดก่อนจบออกมาจากรั้วมหาลัย

สิ่งแรกคือ ความรู้

สิ่งที่สองคือ connection

สุดท้ายคือ เงิน

มันเป็น 3 สิ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนอนาคตคุณ เป็น 3 สิ่งที่นิสิตต้องมีติดตัว ก่อนออกจากรั้วมหาลัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่ง 3 สิ่งนี้สำคัญกันคนละแบบ

ความรู้เป็นสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่น

connection เป็นเรื่องของโอกาสที่จะเข้ามา

เงิน เป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกเราหลายๆด้าน

ถ้าคุณไม่มีความรู้และเงิน คุณก็อาจไม่สามารถคว้าโอกาสจาก connection มาได้เช่นกัน หรือถ้าคุณมีแต่เงินแต่ไม่มี connection หรือ ความรู้คุณก็ใช้มันให้เกิดประโยชน์ไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้น 3 สิ่งนี้มันมีความสัมพันธ์กัน ขาดอันใดอันหนึ่งไปไม่ได้

มันดีกว่าไหมถ้าเราเริ่มสร้าง 3 สิ่งตั้งแต่วันนี้ ใครยังไม่มี 3 อย่างนี้เลย หรือมีแต่ยังไม่ครบตามล่าหามันมาให้ได้แล้วจงใช้มันให้ถูกวิธี ขอทิ้งไว้แค่นี้ครับเรา หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์นะครับ

เข้าไปติดตามกันได้ https://www.facebook.com/thekhaeng.io/

มีใครสงสัยหรืออยากแชร์อะไรเพิ่มเติ่มคุยกันใน comment ได้นะครับ

อย่าลืม 👏 ข้างล่าง และ share ให้เพื่อนๆ freshyคนอื่นด้วยหละ 😎

--

--

Nonthawit 👨🏻‍🚀 (น้ำแข็ง)
THE EXISTING COMPANY

Tech CEO & Co-founder of The Existing Company┃Software Engineer┃Designer ┃Product Coach ┃Public Speaker ┃ Blogger┃Notion Expert