แชร์ประสบการณ์ฝึกงานที่ The Existing Company 🚀👨🏻‍🚀

Narisa Srisamrith
THE EXISTING COMPANY
4 min readAug 7, 2020

--

เจ้าของบล็อคเป็นนักศึกษาปี 3 กำลังจะขึ้นปี 4 ที่ได้มีโอกาสฝึกงานที่ The Existing Company วันนี้เลยอยากจะมาแชร์การฝึกงานทั้งในช่วง COVID-19 และหลังจากที่สถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้รับในช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยจะเล่าผ่าน 4 คำถามหลัก ที่เจ้าของบล็อกเองก็เคยพยายามหาคำตอบตอนที่กำลังตัดสินใจเลือกที่ฝึกงานเช่นกัน

  • ทำไมถึงเลือกสมัครฝึกงานที่ Existing ?
  • บรรยากาศการทำงานเป็นยังไง ?
  • แล้วบรรยากาศนอกเหนือจากการทำงานหละ?

และคำถามสุดท้าย…

  • สรุปแล้วได้อะไรจากการฝึกงานที่นี่บ้าง?

ไปเริ่มกันเลย !

ทำไมถึงเลือกสมัครฝึกงานที่ Existing ?

ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก Existing แบบ 3 บรรทัดจบ :
The Existing Company เป็นบริษัทที่พัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยี แบ่งเป็น 2 ทีม คือ Spacecrafter team (Software house) และ Pilot team (Startup) โดยมีสโลแกนสุดเท่คือ “Make it existing by exiting the limitations” ตั้งอยู่ที่ Asoke Tower ชั้น 7

test

ต้องขอเกริ่นก่อนว่าเจ้าของบล็อครู้จัก The Existing Company ครั้งแรกจากงาน Job fair ที่จัดขึ้นภายในมหาลัย โดยจะมีบูทจากบริษัทต่าง ๆ มาเปิดเพื่อรับนักศึกษาเข้าทำงานหรือฝึกงานเต็มไปหมด แน่นอนว่าหนึ่งในปัญหาหลัก ๆ ของนักศึกษาที่กำลังหาที่ฝึกงานก็คือ ช่วงเวลาในการฝึกงาน ที่บ้างก็รับเฉพาะ 6 เดือนขึ้นไป บ้างก็รับแบบเจาะจงเดือน ทำให้ค่อนข้างมีข้อจำกัดในการหา

แต่ที่ Existing เปิดรับนักศึกษาฝึกงานตลอด ไม่มีข้อกำหนดเรื่องช่วงเวลา ไม่ซีเรียสเรื่องเอกสารจากมหาวิทยาลัย

เลยทำให้ตัดสินใจส่ง Resume ไปที่ contact@existing.co รอไม่นานก็มีเมลตอบกลับมาเป็น แบบทดสอบ ที่มีทั้ง Logic test และแบบทดสอบที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่เราสมัครไป พร้อมทั้งรายละเอียดและระยะเวลาในการทำ เรียกได้ว่าเจ้มจ้นมาก ๆ เลยทีเดียว

หลังจากส่งแบบทดสอบแล้วก็จะมีพี่นัดเข้ามาสัมภาษณ์ที่บริษัท การสัมภาษณ์ก็เข้มข้นไม่แพ้ตอนทำแบบทดสอบ มีการถามตั้งแต่เรื่องทั่วไป ไหวพริบการแก้ปัญหา ตรรกะ และ review แบบทดสอบที่ได้ทำไป รวมถึงงาน หรือโปรเจคต่าง ๆ ที่เคยทำ อ่านดูอาจรู้สึกกดดัน แต่พี่ ๆ ที่มาสัมภาษณ์ใจดีและเป็นกันเองมาก ๆ ให้คำแนะนำ และติชมเพื่อให้ไปพัฒนาต่อ

นอกจากธีมของบริษัท และสโลแกนสุดเท่แล้ว ก็มีความน่ารักของพี่ ๆ นี่แหละที่ยิ่งทำให้รู้สึกอยากฝึกงานที่นี่ :)

บรรยากาศการทำงานเป็นยังไง?

เจ้าของบล็อคได้สมัครเข้ามาฝึกงานในตำแหน่ง SA หรือ System Analyst ซึ่งอยู่ฝั่ง Software house ได้รับผิดชอบ 2 โปรเจคหลัก ๆ เป็นโปรเจคที่นักศึกษาฝึกงานได้ทำร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้รับ Requirement จากลูกค้าจริง ๆ รวมถึงยังได้ช่วยโปรเจคอื่น ๆ ในบริษัทอีกด้วย ทำให้ค่อนข้างได้เปิดมุมมองใหม่ทั้งเรื่อง Tech และ Business ค่อนข้างมาก

บรรยากาศโต๊ะทำงานฝั่ง Software house

ที่ Existing ทำงานแบบ Agile process

  • Sprint planning
    เป็นการกำหนด และวางแผนการทำงานว่าใน sprint นี้จะทำอะไรบ้าง ได้ outcome ออกมาเป็นอะไรบ้าง โดยที่นี่จะแบ่ง 1 sprint = 2 weeks
  • Stand-up meeting & Daily tasks
    ในตอนเช้าของแต่ละวันจะต้องเขียน Daily tasks ซึ่งก็คือสิ่งที่เราทำไปเมื่อวาน และสิ่งที่เราจะทำในวันนี้ และจะมี Stand-up meeting เพื่ออัพเดทงานให้กับคนในทีม โดยวันจันทร์ พุธ และศุกร์ จะเป็น English day ก็คือเราจะ Stand-up meeting เป็นภาษาอังกฤษกัน!
  • Sprint review
    เป็นการสรุปงานที่ทำใน sprint ว่าเสร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ ถ้าไม่ เป็นเพราะอะไร หรือติดปัญหาตรงไหน ก็จะมีพี่ ๆ เข้ามาช่วยให้คำปรึกษา

นอกจากนี้ยังมี

  • Performance review
    เป็นการประเมินตนเอง และเพื่อนร่วมทีม ตาม 7Meta skills ของ Existing (ใครอยากรู้ว่าคืออะไร และมีอะไรบ้างไป จิ้ม) ส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบ session นี้มาก เพราะนอกจากจะทำให้เราได้ทบทวนตัวเองแล้ว แน่นอนว่าเราก็จะได้ Feedback จากเพื่อนร่วมทีม เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาตนเองเช่นกัน
  • Company meeting
    แปลตรงตัวเลยก็คือการประชุมบริษัท จะเป็นวันที่ทุกคนมานั่งรวมกันโดยมีพี่น้ำแข็ง หรือ CEO ของบริษัท จะมาอัพเดทรายละเอียดต่าง ๆ ในภาพรวม ซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ 6 เดือน (เจ้าของบล็อกฝึกงานคล่อมช่วงกลางปีพอดีเลยได้เข้าด้วย อิอิ) แต่วันนั้นเกิดเหตุการณ์หม้อแปลงระเบิด ทำให้ไฟดับทั้งตึก แต่การประชุมก็ยังคงมีต่อไป 55555
Company meeting (ตอนยังพอมีไฟสำรอง)

ที่ Existing ใช้ Tools ค่อนข้างหลากหลาย มีการลองใช้ Tools ใหม่เรื่อย ๆ เพื่อหา Tools ที่เหมาะสมกับงาน และทีมมากที่สุด โดยจะยกตัวอย่าง Tools ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันเป็นหลัก เช่น

  • Slack : เป็นช่องทางการคุยงานหลัก เพราะสามารถแบ่งห้องตามโปรเจคได้อย่างชัดเจน รวมถึงเขียน Daily tasks ผ่านช่องทางนี้ด้วย!
  • Jira : ไว้ Tracking งานเป็นหลัก เพราะสามารถแบ่ง tasks และแยกเป็น sprint ได้
  • Gitscrum : เป็นเครื่องมือ Tracking คล้าย ๆ กับ Jira สามารถแบ่งงานในแต่ละ sprint ได้ รวมถึงมี Time tracking ด้วย ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ
  • Notion : ทุกโปรเจคจะถูกรวบรวมไว้ในนี้ เพื่อสะดวกต่อการค้นหา และดูภาพรวม
  • Discord : ใช้คุยงาน และ Stand-up meeting ในช่วง COVID-19
  • Overflow : ไว้ทำ UX/UI flow เพื่อให้ลูกค้า และคนในทีม
  • Lucidchart : ไว้ทำ Diagram ให้ลูกค้า และคนในทีมเข้าใจตรงกัน
บรรยากาศคุยงานกันแบบ(เกือบ)จริงจัง

ถึงแม้ช่วงแรกของการทำงานจะเป็นช่วงสถานการณ์ COVID-19 แต่ก็มีการประชุม และอัพเดทงานผ่านทาง Discord ตลอด ส่วน อาจมีปัญหาติดขัดบ้างในช่วงแรก แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

แล้วบรรยากาศนอกเหนือจากการทำงานหละ?

ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศในบริษัทค่อนข้างน่ารักมาก ๆ เหมือนเป็นอีกหนึ่งครอบครัวเล็ก ๆ เลยก็ว่าได้ นอกจากเรื่องงานที่พี่ ๆ คอยช่วย ให้คำปรึกษา หรือข้อแนะนำแล้ว เรื่องอื่น ๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องชีวิตทั่วไป ปัญหาทั่วไป หรือปัญหาไร้สาระ เช่น เดือนหน้าจะใส่ยางจัดฟันสีอะไรดี ก็สามารถคุยกับพี่ ๆ ได้

Work hard, Play hard

คงเป็นคำจำกัดความของที่นี่ได้ดีเลยทีเดียว หลายครั้งที่ทำงานเพลิน ๆ หรือเล่นสนุกมาก ๆ จนทำให้ลืมยกโทรศัพท์ขึ้นเก็บภาพบรรยากาศดี ๆ ไว้ แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน แต่จะแบ่งปันเท่าที่หารูปได้55555

บรรยากาศทำงานในห้องนั่งเล่น
Work hard, play hard จริง ๆ ปล. CEO เราจะไปจับโปเกม่อนแน่ๆ 🤣
บรรยากาศเล่นสามก๊ก
นอกจาก Board game ก็ยังมี PS
บรรยากาศกินเลี้ยงวันเกิดพี่ในบริษัท
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง

สรุปแล้วได้อะไรจากการฝึกงานที่นี่บ้าง?

ประสบการณ์ทำงานจริง
เพราะที่นี่ให้โอกาสนักศึกษาฝึกงานได้แตะโปรเจคจริง ๆ ได้มีโอกาสคุย ประชุมกับลูกค้า ได้ลองฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทำให้รู้ว่ามีอีกหลายอย่างมากที่เราไม่เคยเจอในห้องเรียน

Hard skill
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าได้ลองทำค่อนข้างหลายโปรเจค ซึ่งบางอย่างก็เป็นความรู้ที่ใหม่มาก ๆ ทำให้ต้อง research ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้ learning curve ค่อนข้างสูง

Soft skill
การได้คุย พรีเซ้นต์งานให้ลูกค้า หรือการคุยแลกเปลี่ยนเรื่องต่าง ๆ กับพี่ ๆ ในทีม ก็ทำให้ได้พัฒนา soft skill ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้เล่นอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น board game ที่มีให้เล่นเยอะมาก โต๊ะพูล หรือเครื่องดนตรี

Mindset
การที่เราได้เห็นอะไรใหม่ ๆ รวมถึงเรื่องเดิม ๆ แต่เปลี่ยนมุมมอง ก็ทำให้เราได้กลับมาทบทวนตัวเองในหลาย ๆ ครั้ง และด้วยสภาพแวดล้อมที่พี่ ๆ หา และแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่เสมอ ทำให้บางครั้งก็ซึมซับมาโดยไม่รู้ตัว เช่น การอ่านบล็อค หรือการเขียนบล็อคในตอนนี้55555

สุดท้ายก็คงเป็น Connection ดี ๆ จากที่ Existing ที่ขนาดจบฝึกงานแล้วก็ยังพูดคุย ติดต่อกับพี่ ๆ ในทีมอยู่บ้าง ยังสามารถขอคำปรึกษา และคำแนะนำอยู่ได้เสมอ

ฝึกงานที่ Existing วันสุดท้าย

สุดท้ายแล้วจริง ๆ
ก็ต้องขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนทั้งทีม Software house และ ทีม Start-up ถึงจะอยู่คนละทีมแต่ก็คอยช่วย แนะนำอยู่ตลอดเลย ขอบคุณพี่แม้ว พี่โอ้ต จาก Nextzy ที่คอยช่วยเหลืออยู่ตลอด ที่สำคัญดอกจันสิบดวงขอบคุณที่นี่ที่ทำให้เจอเพื่อนร่วมฝึกงานที่ดีมาก ๆ คอยช่วยเข็นกันไปจนจบฝึกงาน ขอบคุณค้าบบบ

จบแล้วจริง ๆ เขินจัง555555555

--

--