จุดแข็ง vs จุดอ่อน vs จุดบอด — ด้านใดบ้างที่อยู่กับคุณไปจนตาย?
บทความนี้จะมาช่วยทำให้เราความเข้าใจเกี่ยวกับ
จุดแข็ง/จุดอ่อน/จุดบอด มากขึ้น
สำหรับคนมีเวลาอ่านน้อย
- 🚀 จุดแข็ง = พรสวรรค์ x ความรู้ x ทักษะ
- 😰 จุดอ่อน = สิ่งที่คุณไม่ถนัด คุณทำได้ไม่ดี
- ❌ จุดบอด = ข้อเสียที่มาจากพรสวรรค์คุณ
กด 🔖 (Bookmark) ไว้อ่านทีหลังกันได้ถ้าไม่มีเวลา
ใครอยากเข้าใจมากขึ้นเริ่มอ่านบทความนี้ได้เลย 👇🏻
“คุณคิดว่า…จุดแข็งของคุณคืออะไรครับ?”
“ไหนคุณ…ลองบอกจุดแข็ง จุดอ่อนของคุณให้ทีมเราฟังหน่อยสิครับ”
“คุณ…คิดว่าคุณมีทักษะอะไรที่โดดเด่นที่ทีมเราต้องรับคุณเข้าทำงานบ้างครับ?”
คำถามยอดฮิตที่โดนถามตลอดเวลาคุณสัมภาษณ์งานที่ใดก็ตาม ถ้าคุณตอบคำถามด้านบนได้อย่างฉะฉาน มั่นใจ ยินดีด้วย…คุณค้นพบจุดแข็งของตัวเองแล้ว แต่ถ้าคุณยังต้องหยุดนึกคิด ควานหาสิ่งที่ทำในอดีต ผมว่าคุณกำลังสับสนในจุดแข็งตัวเอง หรือยังไม่เข้าใจมันดีพอ บทความนี้จะมาช่วยทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับ จุดแข็ง/จุดอ่อน/จุดบอด มากขึ้นครับ
🚀 จุดแข็ง 😰 จุดอ่อน ❌ จุดบอด
มีนักจิตวิทยาหลายท่านพยายามนิยามคำว่า “จุดแข็ง” ให้เราเข้าใจหลายรู้แปป แต่ส่วนตัวเจ้าของบล็อกชอบคนนี้มากที่สุดครับ
เขาคือ Don Clifton (ดอน คลิฟตัน) บิดาแห่งจิตวิทยาด้านจุดแข็ง ผู้คิดค้น Clifton StrengthsFinder (ไปหาทำได้ครับบอกเลยว่าคุ้มมาก) ได้นิยามจุดแข็งไว้ว่า
🚀 จุดแข็ง = การปฏิบัติกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งได้แทบจะสมบูรณ์แบบอย่างสม่ำเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณรู้สึกทำหน้าที่นี้แล้วเหนื่อย ไม่มีความสุข ฝืนใจ แต่คุณทำได้ดีมาก ความสามารถนี้ไม่ใช่จุดแข็ง เพราะกฎของจุดแข็งคือคุณต้องทำอย่าง ¹มีความสุข ²ทำได้อย่างสม่ำเสมอ และ ³ประสบผลสำเร็จ
กลับกันถ้าคุณเดินมาจัดโต๊ะเพื่อนทุกวัน แล้วจัดออกมาได้สวย ทำให้หยิบจับอะไรง่าย พอจัดเสร็จคุณรู้สึกสนุก ฟิน มีความสุข และคุณอยากทำแบบนี้อีกกับโต๊ะเพื่อนๆทุกคน ดอนอธิบายไว้ว่านี่แหละคือจุดแข็งครับ
ดังนั้นคำว่าอย่าง “สม่ำเสมอ” มันอธิบายถึงพรสวรรค์คุณได้เช่นกัน
อีกสมการนึงที่ดอนได้ให้กับเราไว้คือ
🚀 จุดแข็ง = พรสวรรค์ x ความรู้ x ทักษะ (ทวีคูณ)
ความน่าสนใจของสมการนี้คือ พรสวรรค์เป็น“วัตถุดิบสำคัญสุด” ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จุดแข็งจะไม่มีพรสวรรค์ครับ เพราะคุณมีมันตั้งแต่อายุ 3 ขวบ (🤔 จริงป๊ะเนี่ยยย)
ส่วนความรู้ และทักษะเป็น“วัตถุดิบที่แพงที่สุด” เพราะคุณต้องเอาเวลามาแลกเปลี่ยน
ถ้าเราย้อนกลับไปตอนสมัยเรียน ทำไมเรามักจะเจอเพื่อนที่ไม่รู้ว่าตอนเข้ามหาลัยจะเรียนอะไร? โตแล้วจะเป็นอะไร? หรือแม้แต่ตัวคุณเองก็ยังตอบคำถามนี้ไม่ได้เลย ไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะโปรแกรมการเรียนรู้เกือบทั้งหมด ไม่ได้เน้นให้คุณค้นหาพรสวรรค์ตามธรรมชาติ
แล้วเขาเน้นอะไร? 🧐
เขาเน้น “ความรู้ x ทักษะ” แหงหละ…เขาจะไปรู้พรสวรรค์ของคุณได้ยังไงหละ เพราะคนที่ต้องรู้เป็นตัวคุณเองไม่ใช่โรงเรียน ไม่ใช่มหาลัย และไม่ใช่ที่ทำงาน
โรงเรียน/มหาลัย/ที่ทำงาน เขาสอนให้คุณมี ความรู้ x ทักษะ แต่ไม่ได้สร้างให้คุณมีพรสวรรค์
รวมถึงวัฒนธรรม หนังสือ ภาพยนตร์ คำคมต่างๆ ถูกชี้นำให้เราชื่นชมการเอาชนะข้อจำกัด ความมุ่งมั่นต่างๆนานา แต่ไม่เคยพูดถึงพรสวรรค์ ส่งผลให้หลายล้านคนมีความเชื่อที่ผิดๆ เพราะถ้าคุณไม่มีพรสวรรค์แบบ role model ที่คุณไฝ่ฝัน มันจะนำคุณไปอยู่ในจุดที่มี “แรงต้านสูงสุด” ซึ่งจะทำให้คุณหมดไฟ และท้อแท้ในการทำงาน (แต่ถ้าเหมาะกับคุณก็โชคดีไปนะ)
และเรายังเคยถูกสอนว่า “คุณสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่คุณจะเป็น เพียงแค่คุณมีความพยายามให้มากพอ” ใครเป็นคนสอนนะ 🧐? ความพยายามดีครับ แต่ต้องใช้งานควบคู่กับพรสวรรค์
วันนี้เจ้าของบล็อกอยากเปลี่ยนประโยคนี้ใหม่ว่า
“คุณไม่สามารถเป็นทุกอย่างที่คุณจะเป็นได้ แต่คุณสามารถเป็นตัวคุณที่ดีขึ้นได้จากการใช้จุดแข็งที่มีได้”
และคุณจะสามารถเติมสมการจุดแข็งข้างบนให้เต็มได้ครับ
😰 จุดอ่อน = สิ่งที่คุณไม่ถนัด คุณทำได้ไม่ดี แต่ไม่ใช่ข้อเสีย
วิธีจัดการกับจุดอ่อนคือ
• หาคนที่จุดแข็งมาช่วยคุณแทน เช่น ทีม หรือเพื่อนร่วมงาน
• คุณอาจต้อง”สร้างระบบ”ขึ้นมาแทนเพื่อจัดการกับจุดอ่อน ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้มันจริงๆ
❌ จุดบอด = ข้อเสียที่มาจากพรสวรรค์คุณ
เช่น ความเป็น perfectionist ของคุณจะทำให้งานออกมาดีเสมอ แต่บางครั้งอาจทำให้งานไม่เสร็จสักที นี่คือจุดบอดครับ
แล้วอะไรบ้างที่จะช่วยไม่ให้เกิดจุดบอด?
คำตอบคือ การทำงานเป็นทีม และทีมทุกคนควรรู้จุดแข็ง/จุดอ่อน/จุดบอด ของแต่ละคน เพราะในบางสถาณการณ์ คนที่อุดจุดบอดตอนทำงานอาจเป็นเพื่อนร่วมงานของคุณก็ได้
💡 เข้าใจจุดแข็ง
จำไว้ว่าไม่มีใครเก่งตั้งแต่เกิด และไม่มีใครที่เก่งรอบด้าน “ประโยคนี้เป็นสัจนิรันดร์”
มีแต่คนที่หาพรสวรรค์เจอก่อน และขัดเกลาด้วย ความรู้ x ทักษะ ถึงจะประสบความสำเร็จ
Warren Buffett ใช้ “ความใจเย็น” เป็นจุดแข็งในการลงทุนระยะยาวอย่างสม่ำเสมอทำให้เขามีทรัพย์สินรวมทั้งหมดเป็นอันดับต้นๆของโลก
NOTE: อยากให้สังเกตว่าทุกคนที่ประสบความสำเร็จมักมีความพยายามเหมือนกันหมดครับ แต่ส่ิงที่สำคัญกว่าคือต้องใช้คู่กับพรสวรรค์ด้วย
🚀 จุดแข็ง = พรสวรรค์ x ความรู้ x ทักษะ
📖 ความรู้
สามารถจำแนกได้ 2 ประเภท
- ความรู้ด้านข้อมูล = ภาคทฤษฎี เช่น Fundamental of Business/Financial/Engineer/Programming
ความรู้ไม่ได้ประกันความเป็นเลิศ แต่ถ้าไม่มีคุณจะเป็นเลิศไม่ได้
คุณไม่มีทางวาดรูปเป็นเลิศได้ ถ้าคุณไม่รู้ว่า สีแดงผสมกับสีเขียวจะเป็นสีน้ำตาล - ความรู้จากประสบการณ์ = ภาคปฏิบัติ ได้จากการลงมือทำ
คุณต้องฝึกวินัย วินัย และก็วินัย
รอบข้างเรามีโอกาสมากมายให้เรียนรู้ คุณต้องทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้วเพื่อรับโอกาสต่างๆที่เข้ามาเพราะ “ความรู้ เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่สร้างจุดแข็ง” (มีคนให้ความรู้ = ลดเวลา)
⚒️ ทักษะ
ทักษะกำหนดโครงสร้างให้กับความรู้
คนฉลาดมักสละเวลามาหยุดคิดเพื่อให้ตกผลึกเป็น pattern ต่างๆ เช่น การฝึกเขียน flowchart ทำให้เราเกิดทักษะแบบแผนและ pattern ต่างๆในการแก้ปัญหา เพราะเมื่อคุณเจอปัญหานี้คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลา คิดใหม่
- ทักษะช่วยให้คุณไม่ต้องลองผิดลองถูก
- ทักษะออกแบบมาเพื่อให้ถ่ายทอดเคล็ดลับของคนเก่งได้ง่าย
- ทักษะจะมีคุณค่ามากก็ต่อเมื่อผสมกับพรสวรรค์ไม่ต่างอะไรจากความรู้
แต่ระวัง:
ทักษะนั้นมีประโยชน์และล่อใจจนทำให้มีข้อบกพร่อง
- ทักษะช่วยให้คุณลงมือทำได้ แต่ไม่ได้ทำให้คุณเป็นเลิศ
บางครั้งเป็นแค่เทคนิคเอาตัวรอด ไม่ใช่หนทางแห่งความสำเร็จ - กิจกรรมบางอย่างไม่สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนได้ อย่าสับสนมุ่งมั่นแต่หาขั้นตอน
เช่น ความเห็นอกเห็นใจเป็นพรสวรรค์ในการรับรู้ความรู้สึกคนอื่น ไม่ว่าคุณจะฉลาดแค่ไหน คุณไม่สามารถแตกออกมาเป็นขั้นตอนได้ - ทักษะสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดชีวิต แต่พรสวรรค์ไม่สามารถเปลี่ยนได้คุณต้องยอมรับ (เดี๋ยวจะอธิบายว่าทำไม)
🚀 พรสวรรค์
“ด้านใดบ้างที่อยู่กับคุณไปจนตาย”
พรสวรรค์ = mindset/ความรู้สึก/พฤติกรรมของคุณ ที่เกิดซ้ำๆอย่างเป็นธรรมชาติ และต้องทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ได้
เช่น
- ถ้าคุณเป็นคนช่างตื้อ ก็สามารถเป็นพรสวรรค์ได้ “ถ้า”สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์
- ถ้าคุณเป็น Dyslexia (ภาวะเสียการอ่านรู้ความ) ยอมรับและเปลี่ยนให้มันเป็นจุดแข็ง คุณต้องเลี่ยงการจำคำศัพท์ยาว แต่ใช้คำศัพท์ที่เข้าใจง่าย ส่งผลให้คุณเป็นคนที่อธิบายคน สอนคนรู้เรื่อง และแตกฉานทุกเรื่องจากการที่คุณใช้คำง่ายๆ
- สำนึกที่เราเข้าใจโลก หรือสำนึกที่ทำความเข้าใจตัวเอง
บางคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่สามัญที่ทุกคนทำได้ แต่ไม่ได้เป็นแบบนั้น
“สำนึก” ของเราเป็น mindset/ความรู้สึก/พฤติกรรมของคุณที่เกิดซ้ำๆ คุ้นๆไหม…? ใช่ครับมันเป็นเป็นพรสวรรค์
🧬 จุดแข็งยังสามารถอธิบายตามหลักชีวะศาสตร์ได้ว่า:
สมองเป็นอวัยวะประหลาดครับ เพราะมันโตย้อนทิศกับอวัยวะอื่น มันจะโตเร็ว และค่อยๆหดตัวลง แต่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ ยิ่งเล็กคุณยิ่งฉลาดขึ้น (🤪 จริงอะ?)
เคล็ดลับการทำความเข้าใจสมองคือ “จุดประสานประสาทที่เราเรียกว่า Synapse” เป็นจุดที่ทำให้เซลล์สมองสองเซลล์มาต่อกันครับ
ถ้าย้อนไปตอนคุณ 3 ขวบ คุณจะมีเซลล์ประสาท 1 แสนล้านเซลล์ และจะสร้าง Synapse 15,000 จุด
ข้อสังเกตผลวิจัยต่อไปคือเด็ก 3 ขวบ ที่โตมาถึงอายุ 26 ปี มีพฤติกรรมเหมือนกัน ซึ่งนั่นเป็นพฤติกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด = พรสวรรค์
ในตอนแรกธรรมชาติมอบ Synapse ให้คุณมาเกินความจำเป็น เพราะคุณจะมีอะไรให้ต้องดูดซับมากมาย ทำให้คุณไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย(ดูดซับได้อย่างเดียว) ทำให้คุณมี Synapse มากมายจนล้นหัว และด้วย ธรรมชาติ สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู การดูแลรักษา ความคิด จะเสริม Synapse ที่ใช้จะคงอยู่และปล่อยให้อีกนับพันหายไป ทำให้คุณตื่นขึ้นมาตอนอายุ 16 เซลล์ประสาทคุณก็ลดไปครึ่งหนึ่งละ
ข่าวร้ายคือมันไม่สร้างขึ้นมาอีกครับ แต่ๆๆ…ในช่วงชีวิตคุณจะค่อยๆเหลือ Synapse ที่แข็งแรงที่สุดซึ่งเราเรียกมันว่า พรสวรรค์ (ตามหลักชีวะศาสตร์)
✱✱✱ เพราะหัวใจของความฉลาดไม่ใช่เซลล์สมองเยอะ แต่เป็นการที่คุณใช้ Synapse ที่แข็งแรงที่สุดให้มีประโยชน์มากที่สุด
เพราะฉะนั้นการเสียเซลล์สมองไปไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ถ้าธรรมชาติไม่ทำแบบนี้ ไม่ตัดทอนให้ Synapse เหลือน้อยลงเรื่อยๆ เราจะไม่ได้ Synapse ที่แข็งแรงที่สุดครับ คุณจะยังคงเป็นเด็กที่แข็งทื่อ อยู่โหมดรับข้อมูลอย่างเดียว คิดอะไรไม่เป็น ตัดสินใจอะไรไม่ได้ เพราะข้อมูลมันเยอะเกินไป
⚒️ เครื่องมือปฏิวัติตัวเองสามชิ้น
1. แยกแยะพรสวรรค์ที่มีตามธรรมชาติของคุณออกจากสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้ได้
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณสามารถพัฒนาความสามารถได้หรือไม่? เพราะคุณทำได้แน่นอน มนุษย์เป็นสัตว์ที่ปรับตัว และสามารถทำได้ทุกเรื่องได้ดีกว่าเดิม“เล็กน้อย” หากเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเรา
การฝึกฝน ไม่พอจะทำให้คุณเป็นเลิศ
คุณจำเป็นต้องใช้พรสวรรค์ตามธรรมชาติที่เด่นชัดมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ
❤️ หัวใจสำคัญของการสร้างจุดแข็ง คือการจำแนกพรสวรรค์ที่สำคัญที่สุด แล้วนำมาขัดเกลาด้วย ความรู้ x ทักษะ ได้หรือไม่ ?
ข้อควรระวังของข้อนี้คือ คุณมีเวลาไม่จำกัด ทำให้เรียนรู้ไปทุกอย่าง ซึ่งบางครั้งมันไม่เป็นประโยชน์ คุณต้องเข้าใจพรสวรรค์ตัวเองก่อน แล้วจึงเลือกที่จะเรียนครับ ไม่งั้นอาจเสียเวลาได้
2. ลองทำกิจกรรมอย่างหนึ่งแล้วดูว่าคุณเรียนรู้ได้เร็วแค่ไหน? ข้ามขั้นตอนได้เร็วแค่ไหน?
ต้องตั้งเพดานให้กับตัวเอง เช่นถ้าเวลาผ่านไป 2–3 เดือนยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ลองกิจกรรมอื่นแล้วลองต่อไป เวลาผ่านไปคุณจะค่อยๆเห็นพรสวรรค์ของตัวเอง
เพราะพรสวรรค์ทิ้งร่องรอยไว้เสมอ จงติดตามจากปฏิกิริยาทันทีที่คุณทำกิจกรรมนั้นเสร็จ ถ้าคุณมีสติดีคุณจะสังเกตได้ครับ 😅
ร่องรอยสำคัญของการค้นพบพรสวรรค์
- รู้สึกมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะทำเรื่องนี้
ความหลงไหล passion ความเชื่อที่คุณมีต่อโลก เกิดจาก Synapse ในสมองคุณ แต่ความปรารถนาที่เกี่ยวกับวัตถุนิยมไม่ใช่เพราะนั่นเป็นความปรารถนาจอมปลอม - ความเร็วในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
เป็นที่มาของคำว่า Just do it เพราะถ้าคุณไม่ลองทำคุณก็ไม่รู้สักที่ว่าเรียนรู้ได้เร็วไหม - ทำแล้วมีความสุข
จำไว้ Synapse ที่แข็งแรงที่สุดออกมาแบบมาให้คุณใช้มันแล้วรู้สึกดี
เหมือนสายโทรศัพท์มีวิ่งไปแล้วก็กลับ สิ่งที่วิ่งกลับบน Synapse คือความสุขที่เกิดจากสิ่งที่คุณทำ
“เมื่อไหร่จะเสร็จสักที vs ผมจะได้ทำนี่อีกทีเมื่อไหร่”
3. ภาษาที่ใช้ร่วมกันเพื่ออธิบายพรสวรรค์ของคุณ
ถ้าเทียบกับภาษาที่อธิบายจุดอ่อนตอนนี้มีมากกว่ามาก มากจนพูดแล้วเราเข้าใจ เช่น ซึมเศร้า ตื่นตระหนก วิกลจริต
3 คำนี้เจ้าของบล็อกเชื่อว่าไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมก็เข้าใจได้อย่างง่ายดาย แต่พอเป็นภาษาเพื่ออธิบายพรสวรรค์ยาก (แปลกปะ) เช่น
คุณมีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก… 🤔?? แล้วยังไงต่อหละ…มันกว้างมาก
มันไม่บอกว่าคนนั้นเป็นเลิศในการสร้างความไว้ใจหลังจากปิดการขาย มันไม่ได้บอกว่าคนๆนั้นพูดได้เฉียบแหลมตรงประเด็น และเข้าใจง่าย ซึ่งสองคนนี้นุษยสัมพันธ์ดีทั้งคู่ครับ
เพราะฉะนั้นสำหรับ ภาษาที่ใช้เพื่ออธิบายพรสวรรค์ของคุณ อย่าพูดกว้างๆต้องระบุให้ชัดเจน สามารถไปดู StrengthsFinder พรสวรรค์ 34 ประการ ตามเน็ตที่ดอนเขียนไว้ได้ครับ มันจะทำให้เราอธิบายพรสวรรค์กับตัวเองและคนรอบข้างคุณได้ง่าย
NOTE: แต่อย่าลืมว่าคุณต้องมี ความรู้ x ทักษะ ด้วยนะเอออ
สรุป
พรสวรรค์จีรังยั่งยืน และพิเศษเฉพาะตัว เพราะเป็น
- แบบแผนที่เกิดซ้ำๆของคุณเกิดจากการเชื่อมโยงในสมอง
- พออายุเกินช่วงหนึ่ง คุณจะไม่สามารถเพิ่มแบบแผนใหม่เข้าไปได้ แต่ไม่ต้องกังวล
- เพราะมันจะทำให้คุณได้ Synapse ที่แข็งแรงที่สุด ในการตัดสินใจทุกครั้ง
- Synapse = ตัวสร้างพรสวรรค์ให้กับคุณ
- 🚀 จุดแข็ง = พรสวรรค์ x ความรู้ x ทักษะ
- 😰 จุดอ่อน = สิ่งที่คุณไม่ถนัด คุณทำได้ไม่ดี แต่ไม่ใช่ข้อเสีย
- ❌ จุดบอด = ข้อเสียที่มาจากพรสวรรค์คุณ
เตือน:
- อย่ามัวเสียเวลา หรือพยายามเปลี่ยนพรสวรรค์ของตัวเอง อย่าทำให้ตัวเองอยู่ในจุดที่ “เป็นอย่างที่ตัวคุณไม่อาจเป็นได้” มันไม่สนุกเลย
- แม้การเรียนรู้ด้วยการทำซ้ำอาจก่อให้เกิดจุดเชื่อมโยงใหม่ๆเล็กน้อยก็ไม่อาจสร้างจุดแข็งได้ ถ้าไม่มีพรสวรรค์มารองรับ เพราะร่างกายคุณจะเปลืองพลังงานมากในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางชีวะวิทยาเพื่อสร้าง Synapse
- การที่ไม่มีพรสวรรค์มารองรับจะทำให้คุณหมดไฟเสียก่อน ทุกกิจกรรมบนโลกต้องอาศัยความเพียรพยายาม
- การต้านความขี้เกียจของคุณต้องใช้เชื้อเพลิงชั้นเยี่ยม ไม่ใช่พยายามซ่อม Synapse ที่เสียไปมันจะกลืนพลังงานคุณโดยเสียเปล่า
อย่าลืม 👏 (Claps) และ 🔖 (Bookmark) บทความนี้ไว้อ่านทีหลังด้วยหละ