แชร์ประสบการณ์ ฝึกงานครั้งแรกที่ AVA

My first internship at AVA

Wutipong Thabsuwan
The Internship Thailand
2 min readAug 8, 2020

--

มาฝึกงานที่นี่ได้อย่างไร ?

เริ่มต้นจากเมื่อประมาณเดือน มกราคม ได้สมัครเข้ามาหาที่ฝึกงานผ่านทางโครงการ The internship 2020 โดยแบ่งการคัดเลือกคนมาฝึกงานออกเป็น 3 รอบ คือ

  • รอบ ทำโจทย์ online
  • รอบ สัมภาษณ์
  • รอบ เลือกบริษัทที่จะฝึกงานด้วย

โดยเมื่อผ่านรอบสุดท้ายผมก็ได้เลือกฝึกงานที่ Ava เนื่องจากมีทั้งงานด้าน back-end service และ งานเกี่ยวกับ data ให้เลือกได้หลายอย่าง

เกี่ยวกับการฝึกงาน

สถานที่ฝึกงาน ก็จะฝึกงานอยู่ ตึก Kx knowledge exchange ชั้น 13 ที่อยู่แถว bts วงเวียนใหญ่ โดยการฝึกงานจะเข้ามาที่ตึก Kx ทุกวันศุกร์ และบางวันที่นัดกัน นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นการ WFHเป็นส่วนใหญ่

ตึก kx knowledge exchange

เริ่มต้นการฝึกงาน

ผมได้เริ่มฝึกงานเป็นเวลา 2 เดือน โดยฝึกตั้งแต่วันที่ 1/06/2020 จนถึง 31/07/2020 โดย วันแรกของการฝึกงานก็ได้ทำการเลือกโปรเจคที่จะทำในการฝึกงานครั้งนี้ โดยโปรเจคที่ผมได้เลือกก็คือ project ที่มีชื่อว่า Avalon ซึ่งเป็นโปรเจคที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำ service ให้กับ back-end ของ แอพเกี่ยวกับ การลงทุน ซึ่งส่วนที่ผมได้ทำจะเป็นส่วนที่เขียน micro services เพื่อส่งข้อมูลให้กับ service อื่นใน back-end มาเรียกใช้อีกที และก็ได้ทำโปรเจคอีกอันที่เป็นการ detect การเกิด double-top pattern และ double-bottom pattern ซึ่งเป็น pattern ใน reversal patterns เอาไว้บอกการกลับตัวของ trend โดยมาลอง test กับ data ใน Forex และได้ทำโปรเจคอีกอันนึง เป็น โปรเจคเกี่ยวกับการ test performance ของ indicator ใน app ช่วยลงทุน ว่าหรือไม่อย่างไร

สิ่งที่ได้จากการฝึกงานที่นี่

ได้ทั้งความรู้ที่เกี่ยวกับ programming หลายอย่างและ trading มาบ้าง

โปรเจคแรก Avalon ซึ่งได้เรียนรู้ในส่วนของ programming เกี่ยวกับการ ใช้ docker เพื่อเขียน microservices ซึ่งในโปรเจคเป็นการแบ่งการทำงานออกเป็น services ย่อยๆหลายๆอันและใช้ docker มาเพื่อ รัน แต่ละ service เป็น container โดยมีการติดต่อกันระหว่าง services ผ่านทาง protocol ที่เรียกว่า gRPC ซึ่งมันก็มีข้อดีหลายอย่างแต่หนึ่งในนั้นก็คือ ทำงานได้หลาย languages และ platforms เนื่องจาก services แต่ละอันไม่ได้ถูกเขียนโดยคนๆเดียวและไม่ใช่ภาษาเดียว gRPC เลยมีสิ่งที่เรียกว่า Protobuf ย่อมาจาก Protocol Buffers โดย protobuf มันก็จะคล้ายๆกับ json และ xml แต่เล็กกว่า เร็วกว่า ง่ายกว่าพวกนั้น และรองรับหลายภาษาอีกด้วย โดยที่เราสามารถกำหนดการรับ request, response และ messageต่างๆ ผ่านทาง file .proto ได้อีกด้วย และได้ความรู้เกี่ยวกับการเขียน code ให้สะอาดและสวยงามมากขึ้นโดยใช้ภาษา python

โปรเจค double-top/ double-bottom pattern อันนี้ก็จะได้ความรู้ด้าน programming เกี่ยวกับ การเขียน python การใช้ data frame ในการวิเคราห์ข้อมูลที่เป็น time series และ การทำ data visualization ผ่านการใช้ tools ต่างๆในการวิเคราห์ และใช้ความรู้เกี่ยวกับการ trade มาช่วยในการดูผลจากการนำ data ที่ได้มาไปลองทำการทดสอบในแบบต่างๆ ดู pattern บนกราฟที่ช่วยในการตัดสินใจในการลงทุน

รูปที่มีสัญลักษณ์ ช่วง double-top

โปรเจคสุดท้ายที่ได้ทำในช่วงฝึกงานก็คือ โปรเจค test indicator หุ้นใน feature ช่วยลงทุนของแอพๆหนึ่ง โดยเป็นโปรเจคที่ได้ใช้ python และ ข้อมูล ohlc ของหุ้นใน set มาลองทดสอบ หาว่าถ้าเรา trade ตาม conditions ที่ทำให้เกิด signal ขึ้นจะเป็นอย่างไรดีหรือไม่ จากโปรเจคนี้ก็จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ การใช้ library ใน python เช่น pandas, numpy และ ก็ได้ visualize data ด้วย seaborn กับ matplotlib แล้วก็ได้วิธีที่จะเช็คเกี่ยวกับ indicator ว่าดีหรือไม่อย่างไรอีกด้วย

MFE และ MAE ของหุ้นใน SET เมื่อใช้ Trend foundation Indicator

นอกเหนือจากการฝึกงาน

นอกจากได้ความรู้และพัฒนาตัวเองจากการฝึกงานแล้ว พี่ๆในทีมก็มีกิจกรรมหลายอย่างที่ทำนอกเหนือจากการฝึกงาน ที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น เล่นบอร์ดเกมส์, poker หรือจะเป็นกิจกรรมที่ได้ออกกำลังกาย เช่น ตีแบด, ตีปิงปอง และก็ยังมีกิจกรรมพาไปกินเลี้ยงและกินข้าวอีกด้วย และเมื่อจบการฝึกงานก็มีการจัดทริปไปเที่ยวด้วยกันอีกด้วย (ปล. เสียดายติดธุระ T.T)

สุดท้ายจากการฝึกงาน

ในส่วนนี้ก็อยากจะสรุปว่าการฝึกงานในครั้งนี้ก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และ ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างที่ไม่เคยรู้ ก็ถือว่าเป็น 2 เดือนที่เป็นความทรงจำที่ดี สุดท้ายนี้ก็อยากจะขอบคุณพี่ๆทุกคนที่คอยช่วยเหลือและให้โอกาสเสมอมา พี่รัน, พี่โดม, พี่เจา, พี่เต๋า, พี่ยอช, พี่ยอง, พี่แบลง, พี่นัท, พี่นิก, พี่ๆทุกคน และเพื่อนๆ น้องๆที่ฝึกงานร่วมกันมาครับผม

ภาพถ่ายรวมหลังจากจบฝึกงาน

--

--