พื้นฐานของ“แสง”
บทความนี้ผมจะนำเสนอสิ่งที่สำคัญที่สุดของการถ่ายภาพ นั่นก็คือ แสง นั่นเองครับ
ความรู้เรื่องของแสง เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการถ่ายภาพในทุกยุคทุกสมัย ในภาษาอังกฤษ คำว่า “Photography” เกิดขึ้นจากรากคำศัพท์ของกรีกโบราณ ของคำว่า φωτός (phōtos) หรือ คำนาม (phōs) และ คำว่า แสง (light) และ คำว่า γραφή (graphé) หรือตัวแทนที่แสดงให้เห็นถึงเส้นและทิศทาง หรือแปลว่าการวาด หากรวมทั้งหมดนั้นจะแปลว่า การถ่ายรูปหรือถ่ายภาพนั้น คือ “การวาดภาพด้วยแสง” นั่นเอง
เรารู้อยู่แล้วว่า รูปภาพจะไม่สามารถเกิดขึ้น ถ้าแสงนั้นไม่ถูกกระทบที่วัตถุหรือสิ่งต่างๆ และสีที่เกิดขึ้นนั้นมาจากแสงที่สะท้อนจากวัตถุหรือสิ่งๆนั้น นอกเหนือไปกว่านั้น แสงเป็นตัวแสดงให้เห็นถึง อารมณ์ รูปร่าง และ พื้นผิว ของสิ่งเหล่านั้น ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความเข้มและแรงของแสง
ธรรมชาติของแสงที่มนุษย์ค้นพบคือ แสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง และเมื่อมันกระทบกับวัตถุหรือสิ่งอะไรก็ตาม จะมีปรากฎการณ์เกิดขึ้นได้อยู่ 3 แบบกับแสงนั่นก็คือ
1. สะท้อนกลับ 2. สะท้อนแบบหักเห 3. ไม่สะท้อน หรือ แสงถูกดูดกลืน
หากเราเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของแสงมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยทำให้เราถ่ายภาพให้ดีขึ้นมากขึ้นเท่านั้น และด้วยความรู้นี้เราจะสามารถควบคุมและจัดสรรค์แสงที่เกิดขึ้น ได้ตามใจที่เราต้องการได้มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การทำให้ภาพตอบโจทย์ตรงกับสิ่งที่ผู้ถ่ายต้องการจะสื่อถึงผู้ชมภาพได้มากขึ้นอีกด้วย
จำพวกของแสงได้แบ่งออกง่ายๆ เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆนั่นคือ แสงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และ แสงที่เกิดจากสิ่งสังเคราะห์
แสงธรรมชาตินั้น เกิดขึ้นจากแหล่งพลังงานธรรมชาติ เช่น แสงจากดวงอาทิตย์ นั้นมีคุณลักษณะพิเศษที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น แสงที่เกิดขึ้นในระหว่างตอนเช้า และ พลบค่ำ จะสร้างเงาที่ดูอ่อนนุ่มและเบา เทียบกับ แสงในช่วงกลาง ซึ่งมีความเข้มและแรงมาก แต่ก็จะทำให้เกิดเงาที่ดูมืดและคม
ในฐานะผู้ถ่ายภาพ มันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดที่ต้องใช้ประโยชน์จากแสงที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุดของแต่ละช่วงเวลาของวัน
ความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางของแสง
ทิศทางของแสง จะสามารถสื่อและสร้างอารมณ์ของภาพทุกภาพได้
ตัวอย่างเช่น แสงที่เกิดขึ้นในช่วงดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก หรือแสงที่ส่องมาจากด้านข้าง ก่อนกระทบที่วัตถุและเกิดเงายาวขึ้นนั้น จะสามารถสร้างให้ภาพนั้นเกิดอารมณ์ที่ดูน่าสนใจได้
อีกตัวอย่างเช่น แสงที่เกิดจากช่วงเวลา golden hours หรือ ชั่วโมงทองก่อนดวงอาทิตย์ตกนั้น จะสร้างอารมณ์และความรู้สึกที่พิเศษให้กับภาพ
ทิศทางของแสงและเวลาในการกำเนิดแสงเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญเมื่อ คุณต้องการถ่ายรูปภาพกับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายในอาคารก็ตาม
ประโยชน์ของการหักเหของแสง
จากความรู้ที่กล่าวมาขั้นต้นว่าแสงนั้นมีความสามารถหักเหได้ การทำให้แสงแพร่กระจายเพื่อลดความเข้มและแรงของแสง จึงเป็นส่วนสำคัญไม่น้อยในการช่วยให้การถ่ายภาพดูดีขึ้น เมื่อเราเพิ่มหรือลดแสงเหล่านั้น
เราจะพบตัวอย่างความอ่อน หรือ การกระจายของแสง ที่เกิดขึ้นให้เห็นโดยธรรมชาตินั้นในบางเวลานั้นก็คือ แสงในสถานที่ที่ปกคลุมด้วยหมอก หรือ แสงที่ผ่านในวันที่มีเมฆคลึ้ม
ในปัจจุบันเรามีสิ่งที่สามารถลดหรือสะท้อนแสงได้เช่น แผ่นกระจายแสง (diffusor) หรือ แผ่นสะท้อนแสง (reflector) เป็นการสะท้อนและลดแสง ให้กับวัตถุหรือสิ่งที่เราจะถ่าย เพื่อให้ได้ภาพที่เราต้องการ เป็นการเน้นหรือถ่ายทอดอารมณ์ให้ภาพเหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้น
อณูหภูมิสี หรือ ความสมดุลของแสง
อณูหภูมิของสี หรือ การปรับความสมดุลของแสง นั้นคือวิธีการปรับแสงเพื่อนำสีที่ไม่พึงประสงค์ออกจากภาพ เพื่อให้ภาพนั้นดูธรรมชาติที่สุด กล่าวคือ การปรับสีเพื่อให้ได้ความถูกต้องหรือเหมาะสมกับภาพนั้น
ลักษณะของอณูหภูมิสีนั้นเกิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดแสง เช่น ถ้าเราถ่ายภาพในอาคารและแสงสว่างกำเนิดจากหลอดไฟ จะมีสีอณูหภูมิที่แตกต่างจาก แสงที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราควรจะปรับสีให้ตรงกับแหล่งกำเนิดแสงเหล่านั้น
หน่วยวัดอณูหภูมิของแสงนั้น เรียกว่า Kelvin (K) โดยทั่วๆไป กล้อง DSLR ใหม่ๆทุกรุ่นจะมีตัวปรับอณูหภูมิของแสงอยู่แล้ว ก่อนถ่ายภาพ หรือ มีโหมด RAW เพื่อเก็บแสงได้มากกว่าเพื่อการปรับทีหลัง
4 สิ่งสำคัญ ที่ทำให้เราสามารถควบคุมแสงได้
- ความเข้มของแสงนั้นมาสามารถเกิดขึ้นได้มาจากหลายแหล่ง เช่น ชนิดของแหล่งกำเนิดแสงเหล่านั้น, ระยะทางระหว่างแหล่งกำเนิดแสงและวัตถุ แสงอ่อนช่วยให้ภาพดูอ่อนโยนและถูกควบคุม แต่ในทางกลับกันแสงเข้มจะทำให้เกิดเงาเข้มและลดเลือนของสิ่งที่สว่างที่สุดของภาพ
- การถ่ายภาพบุคคลภายนอกอาคารนั้น ควรจะถ่ายในเวลาที่แสงสวยที่สุดนั่นก็คือ ช่วงเวลาทอง ก่อนดวงอาทิตย์ตก แสงที่ได้จะเป็นแสงที่นุ่มนวลและเกิดเงาที่ดูอ่อนนุ่มสบายตา แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าหากเราถ่ายในช่วงเวลาที่แสงจัด เช่นกลางวันและบ่าย เราก็ยังจะสามารถสร้างเงาที่เข้มและยาวขึ้นได้ ทำให้เกิดภาพที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน
- สิ่งสำคัญที่ควบคุมแสงในกล้องของคุณ คือ “ค่ารับแสง หรือ exposure” ( ยิ่ง เราปรับค่ารับแสงให้มาก ยิ่งทำให้แสงภาพเข้ามาในกล้องเยอะขึ้นเท่านั้น) และ “ค่าความเร็วของ shutter หรือ shutter speed” ( ยิ่งเราเพิ่มความเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ แสงที่เข้ามาจะน้อยลงเท่านั้น) และ “ ค่ารูรับแสง หรือ aperture” (ยิ่งเปิดรูรับแสงมากเท่าไหร่ แสงจะมากขึ้นตามนั้น) และสุดท้าย ค่า ISO ( ยิ่งปรับค่า iso มากเท่าไหร่ แสงก็จะมากตามขึ้นเท่านั้นเช่นกัน)
- แสงจะเข้มขึ้นและแรงขึ้นต่อเมื่อ จุดกำเนิดของแสงนั้นแคบ และ ในทางกลับกัน ถ้าจุดกำเนิดแสงนั้นกว้าง แสงจะอ่อนลงเพราะมีการกระจายได้มากขึ้น
ผมจะสรุปในท้ายที่สุดว่า เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะจับกล้อง คุณจะเรียนรู้สิ่งใหม่ นั่นคือ โลกเรานั้นไม่ได้มีแค่แสงเพียงแบบเดียว แสงนั้นมีสีและทิศทางที่แตกต่างกันไป รวมทั้งแสงนั้นสามารถมีความเข้มแรงและอ่อน ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ให้กำเนิดแสงเหล่านั้นอีกด้วย อันที่จริงนั้นแสงสว่างเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยทำให้รูปภาพของคุณดูดีขึ้น แต่การใช้คุณภาพของแสงที่พอเหมาะกับสิ่งที่คุณจะสื่อสารลงในภาพต่างหาก ที่เป็นตัวกำหนดว่าภาพของคุณนั้นดีมากแค่ไหน
Credit: LightStalking
ถ้าคุณคิดว่าบทความนี้น่าสนใจ ช่วยแชร์ไปให้เพื่อนๆที่รักการถ่ายภาพเหมือนกันหรือสามารถเล่าประสบการณ์ ผ่านคอมเม้นด้านล่างที่มีส่วนเกี่ยวกับหัวข้อนี้ ให้ทางเราฟังก็ดีจะมากเลยครับ :D
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนอย่าหยุดที่จะเรียนรู้ในการถ่ายภาพครับ
ติดตามสิ่งใหม่ๆที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพ ในกลุ่มของเราได้ที่: PassionatePhotos