My last interview

Noon Vichitra
This is Noon
Published in
2 min readMar 1, 2019

นุ่นโดน lay off จากงานล่าสุดตอนเดือน September 2017 แล้วก็ใช้ Vacation จนถึง October ก่อนหน้านี้ก็รู้ว่าสถานการณ์ในบริษัทไม่ค่อยดี แต่จะว่าไปมันก็ไม่ดีทั้ง Industry มีแต่ข่าว ลดคนลดงาน ลด benefits จะย้ายไปที่อื่นก็เสี่ยงอยู่ดีเพราะคิดว่าคนใหม่มักจะโดนออกก่อน Last In First Out ประมาณนี้ แล้วงานที่เก่าก็ยังจ่ายนุ่นเต็มทั้งๆที่ไม่มีงานทำ อีกอย่างสถานการณ์ตอนนั้นรู้เลยว่า เงินที่จ่ายอาจจะไม่มากเท่าเดิม ราคาน้ำมันถูกลง ทุกคนก็ต้อง cut cost สุดท้ายคนที่รับไปก็คือลูกจ้างนี่แหละ

Strategy คือว่าอยู่ไปเรื่อยๆ จนกว่าโดน Lay off อาจฟังดูงี่เง่านิดนึง แต่ติดตรงที่ว่า work life balance ที่เก่ามันดีมาก จนถึงอาจจะดีเกินไป relationship at work ก็ถือว่าดีถึงดีมาก เอาเป็นว่า ซี้กะ VP เพื่อนร่วมงานส่วนมากดีนะ รายได้ถือว่าดีถึงดีมาก อันนี้ไม่ได้หมายความว่าดีกว่าคนอื่นนะ แต่เทียบกับ Market Rate นี่ก็ถือว่าดีละ แต่ถ้าไปเทียบกับวิศวกร Google นี่คงเป็นแค่ขี้เล็บ Benefits โดยทั่วไปดี ยิ่งกว่านั้นทำแค่อาทิตย์ละสี่วัน ได้หยุดสามวันทุกอาทิตย์

ต้องย้อนกลับไปก่อนว่า รอบที่แล้วก็ถูก layoff มารอบนึง แต่หางานแค่เดือนนึงก็ได้สัมภาษณ์เป็นสิบที่ ได้มาหนึ่ง offer แล้วก็เริ่มงานเลย ที่สำคัญได้เงินเยอะกว่าเดิมด้วย ทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าการตกงานเป็นเรื่องเลวร้ายมากเท่าไหร่

ตกงานรอบนี้ส่งใบสมัครไปหนึ่งเดือนก็เงียบกริบ เริ่มเครียด สับสนชีวิต เอาไงดี ตอนแรกก็คิดว่าตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่เคยร่ำเรียนมา ถ้าเราลดเงินเดือนลง มันก็ต้องมีตัวเลือกเยอะขึ้นสิ แต่ผิด เพราะว่า มันต้องดูที่ product และ position ด้วย หลังจากนั้นก็เริ่ม panic แต่ก็สมัครงานเรื่อยๆ นะ สมัครไปทั่วอเมริกา เหมือนหว่านแห

พอกลับมาจากไทยก็เริ่มรู้ละ ว่าคราวนี้เป็นหนังชีวิต ยาวแน่ เลยลองจดดูว่าได้ไปสัมภาษณ์ที่ไหนมาบ้าง

2/13 Phone Interview,

2/14 Onsite interview, U, Houston,Tx

อันนี้สัมภาษณ์แบบงงๆ คนมาสัมภาษณ์ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ หัวหน้ามาท้ายสุดบอกว่าไม่สัมภาษณ์

2/15 Phone Interview, A, Round Rock, TX

2/16 Phone Screening, L, Houston, TX

อันนี้คุยกับ HR ใช้เวลา 8 นาที

3/1 Onsite Interview, A, Decatur, IL

ครั้งแรกที่ไปสัมภาษณ์งานต่างรัฐ

3/23 VDO Screening, B, Houston, TX

อันนี้ถือว่า idea ดี เพราะประหยัดเวลา HR สะดวกทั้งสองฝ่าย

อันนี้เป็น office ในฝันเลยนะ ปกติ office เค้าจะมีการจัดเกรดกันเป็น A, B, C, D อันนี้คงเป็น A+

3/26 Phone Interview, E, Houston, TX (10 mins)

นัดกันว่าจะ skype อุตส่าห์แต่งหน้า สรุปว่าแค่ voice นะ เค้าไม่เอา VDO : P

3/27 Onsite Interview, E, Houston, TX (20 mins)

เค้าบอกว่าอาทิตย์นึงรู้ผล พอวันอังคาร recruiter โทรมา บอกว่าวันนี้ ไม่เกินพรุ่งนี้เช้าจะมา update

ปกติก็ไม่เคยโทรตามนะ แต่หลังเที่ยงโทรไป โดนตัดสายเข้า voice mail 0_0" เซ็งเลย Y_Y

บางทีการหางานนานๆ นี่ก็ทำให้เกิดการ burn out ได้เหมือนกันนะ พรุ่งนี้มี phone interview แต่ไม่ตื่นเต้นแล้ว หมดไฟ T_T

4/6 Phone Interview, P, Boger, TX

ในที่สุดก็ได้ offer ซะที เย้… ตอน recruiter โทรมาก็งงนะ ทำไมให้มากกว่าที่ขอ บริษัทใหม่นี่ใจดี๊ใจดี ที่ไหนได้ งานต้องทำอาทิตย์ละ 50 ชั่วโมง T_T

สรุปดีกว่า

ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณคนรอบข้าง

ที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจ เพราะบางทีเราก็เหมือนคนจมน้ำนะ ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน

อย่าหมดหวัง

มันอาจจะใช้เวลานานในการหางานที่เหมาะกับเรา แต่ไม่ได้แปลว่ามันไม่มี ที่เราไม่ได้งานเป็นเพราะว่าเราอาจ “ไม่ตรง” กับที่เค้าต้องการ ไม่ได้แปลว่า เราไม่มีความสามารถ

เชื่อมั่นในตัวเอง

อย่าตัดสินตัวเองจากคำพูดคนอื่น การที่เราโดนปฏิเสธหลายๆครั้งอาจทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า บางจุดเรามองว่าตัวเอง disqualified เราไม่มีทางได้งานดีๆ ไม่มีทางได้ทำบริษัทดีๆ เหมือนว่าชีวิตมันโดนขีดเส้นมาแล้วว่าเราไปไม่ถึงหรอก แต่จริงๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ขอแค่เราเตรียมพร้อมเมื่อจังหวะและโอกาสมาถึง

Connections

การสร้าง relationship ที่ดี ทั้งในการทำงานและนอกการทำงานเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องงานสำคัญอยู่แล้ว เค้าจะขอ reference จากที่ทำงานเก่าเรา ส่วนเรื่องนอกงาน บางครั้งคนอื่นๆที่เรารู้จักอาจพาเราเข้าไปสัมภาษณ์ที่บริษัทเค้าเลยก็ได้ อันนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับนุ่น

Targeting

เพื่อนมาช่วยนุ่น list รายชื่อบริษัทที่นุ่นควรสมัครงาน พอนุ่นตั้งใจย้ายออกจาก Houston เพื่อให้มีตัวเลือกเยอะขึ้น คราวนี้จำนวนบริษัทมันก็เยอะไปมาก บางครั้งเราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าเราต้องการอะไร อะไรที่สำคัญกับเรา หลายๆสิ่งหลายๆอย่างเราอาจจะต้องเลือก เช่นสมมติว่า เลือกงานที่อยู่เมืองเล็กๆ แล้วชีวิตส่วนตัวเราจะเป็นยังไงบ้าง เอาจริงๆแล้ว เราอยู่ได้รึเปล่า หรือการย้ายงานไปบริษัทเล็กๆ มันจะเป็น bad move รึเปล่า

Research

หาข้อมูลบริษัท หาข้อมูลคู่แข่ง linkedin เป็นสิ่งที่ดีเลย ที่เราสามารถไปดูได้ว่าคุณสมบัติยังไงที่บริษัทเลือกตำแหน่งนั้นๆ บางคน CV เจ๋งมาก เราก็ copy paste เอ๊ยไม่ใช่ เอามาปรับปรุงวิธีเขียน ว่าเขียนยังไงให้น่าสนใจ

Linkedin

Linkedin นี่เป็นเหมือน showroom เลยนะ มันบอกว่าเราควร present ตัวเองยังไง ถ้า profile เราเจ๋ง เดี๋ยวก็มี recruiter ติดต่อมาเอง

Mock Interview

การเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์งานถือเป็นเรื่องสำคัญ นุ่นโชคดีที่หัวหน้าเก่ายอมสละเวลามา Mock Interview ให้ อันนี้ซึ้งใจ เค้าให้ Feedback ที่ดีว่าตอนตอบคำถามต้องมองหน้าคนสัมภาษณ์ด้วย บางครั้งนุ่นตั้งใจมากไปสำหรับคำตอบ แต่ลืมไปว่าวิธีการตอบคำถาม หรือบุคลิกภาพก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าคำตอบด้วยซ้ำไป

อีกอย่างเพื่อนบอกมาว่าประวัติการทำงานใน CV ของเรานี่ควรจำขึ้นใจได้แล้ว ควรตอบได้เลย ไม่ต้องหา ไม่ต้องอ่าน

Valuation

ตอบได้มั้ยว่าตัวเราเองมีค่าเท่าไหร่ อันนี้เป็นเรื่องที่ตอบยากเหมือนกันนะ แต่นุ่นได้ offer แรกก็รับเลยทุกที่ ไม่เคยต้องมาตัดสินใจเปรียบเทียบ Multiple Offers แล้วก็ยังไม่เคย Turn down any offers ด้วย (เหมือนเวลามีคนมาจีบสินะ)

การตีค่าตัวเองต่ำไป ก็เท่ากับเราสูญเสียรายได้ ในขณะเดียวกันถ้าเรียกเยอะไป เราอาจจะไม่ได้แม้แต่สิทธิ์ในการสัมภาษณ์งาน อันนี้มันทฤษฎีเกมชัดๆ

อีกอย่างในการเจรจาต่อรองเนี่ย ใครบอกราคาก่อนถือว่าเสียเปรียบ คุยกับ hr มืออาชีพเค้าบอกให้คุยเรื่องเงินเป็นเรื่องสุดท้าย แต่หลายๆคนก็เลือกที่จะคุยเรื่องเงินเป็นเรื่องแรกนะ คือว่าจ่ายได้เท่าไหร่ก็บอกมาเลย ดีกว่าเสียเวลาไปสัมภาษณ์แล้วบอกว่าให้ได้แค่นี้

สุดท้าย การหาข้อมูลถือเป็นเรื่องสำคัญ เดี๋ยวนี้ข้อมูล online เยอะแยะ หาง่ายนิดเดียว ของนุ่นไม่ได้ทำการบ้าน คิดไปเองว่าที่ขอเยอะแล้ว สรุปว่า Range ของบริษัทไปได้มากกว่านั้นอีกเยอะ อันนี้ก็อดไป

Negotiation

อย่างที่บอกว่าได้ offer มาแบบงงๆ แต่นุ่นก็ต่อมาได้อีก + 7.5 % ซึ่งการ negotiate ที่ดีที่สุดก็เป็นตอนก่อนเริ่มงานนะ ถ้าเราทำๆอยู่บอกหัวหน้าขอเพิ่มอีก 7.5% นี่คงยาก แต่เอาเข้าจริงก็เสียวๆอยู่ กลัวทำงานให้เค้าไม่คุ้มค่าแรง

แล้วก็ศึกษา package ให้ดีก่อน เพราะการรับ offer เป็นการรับปากเค้าไปแล้ว ไม่ใช่ไปเริ่มงานแล้ว อ๊าวว ทำไมคนนั้นคนนี้ ได้เท่านั้นเท่านี้ แล้วเราก็จะเซ็งอีก ต้องดูว่าราคาที่เค้าให้มาเรารับได้มั้ย สบายใจมั้ย

สุดท้าย ก็ต้องขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ แม้ว่าวันนี้เราจะเป็นยังไงแต่ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อไป นุ่นก็เช่นกัน เจอกันใหม่คราวหน้าค่ะ

--

--