มาดูวิธีการ Stake Band Protocol กัน

How to Stake Band Protocol Step by Step

มีหลายคนสนใจ ในการ Staking เหรียญ Band Protocol ซึ่งเป็นเหรียญที่มาแรง และมี Use Case ที่น่าสนใจ แต่ยังไม่รู้ว่า มีวิธีการจะต้องทำยังไงบ้าง ซับซ้อนมากแค่ไหน วันนี้ ผมจะมาบอก Step ของการ Stake เหรียญตัวนี้กันครับ

Staking คืออะไร

ก่อนจะ Staking ได้ อยากให้เข้าใจว่า อะไรคือ Staking ก่อนนะครับ

วิธีการซื้อเหรียญ BAND Protocol

สำหรับคนที่ยังไม่มีเหรียญ Band แล้วยังไม่รู้ว่าซื้อยังไง ให้ดูวิธีการซื้อเหรียญ Band Protocol จากกระดาน Exchange สามารถดูได้จากบทความนี้ครับ

เริ่มต้นซื้อเหรียญ BAND Protocol จากกระดาน Exchange

สำหรับคนที่มีเหรียญ Band เรียบร้อยแล้ว ก้อมาลุยกันต่อได้เลยครับ เนื่องจาก Band Protocol เพิ่งย้ายจาก Blockchain ของ Ethereum มาอยู่กับ Blockchain ที่ชื่อว่า Cosmos ดังนั้น เหรียญ Band ที่มีอยู่ตอนนี้ เลยมี 2 แบบขึ้นอยู่กับว่าเป็นเหรียญที่อยู่กับ Blockchain ตัวไหน แต่ Staking นั้นทำได้เฉพาะเหรียญที่อยู่บน Cosmos Blockchain เท่านั้น โดยที่เราสามารถเข้าไปสังเกตได้ใน Wallet ที่ถือ Band อยู่ ณ ตอนนี้ครับ

โดยเหรียญที่เป็นของ Blockchain Ethereum จะเป็น ERC20 โดย address ของเหรียญจะขึ้นต้นด้วย 0x ตามรูปนี้ครับ

แต่ถ้าเป็นเหรียญ Band ที่เป็น BandChain อยู่บน Cosmos network จะขึ้นด้วย band แบบนี้ครับ

ดังนั้น เราต้องสังเกตก่อนว่าเรามีเหรียญ Band แบบไหนอยู่ครับ สำคัญมาก ถ้าเรามีเหรียญที่เป็น Band เดิม บน ERC20 (ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ซื้อมานานแล้วหรือไม่ก้อซื้อที่กระดาน Exchange อื่นๆ ที่ไม่ใช่ Binance) ก้อให้ทำการไปสลับ(Swap) ได้ที่ Binance ก่อนครับ โดยทำการโอน Band เข้าไปยัง Wallet ของ Binance แล้วเวลาถอนออกมา ก้อให้เลือกเป็น BAND เหมือนรูปข้างบนครับ

Staking มีกี่วิธี

ตอนนี้มีวิธี Staking อยู่ 2 วิธีครับ

1. ทำผ่าน Hardware Wallet ซึ่งตอนนี้มี support กับ Ledger เจ้าเดียวครับ (วิธีนี้ปลอดภัยมากที่สุด เพราะเราถือ private key อยู่กับตัวและเวลาทำ transaction จำเป็นจะต้องกดปุ่มบน Hardware Ledger ด้วย) ในเมืองไทยก้อมีหลายเจ้าเอาเข้ามาจำหน่ายครับ

2. ทำผ่าน Mobile/WebWallet วิธีการนี้ปลอดภัยรองลงมา ครับ เพราะถ้ามีคนได้ Private key หรือ Mnemonic phrase เราไป ก้อสามารถขโมยเงินเราออกมาได้เหมือนกัน

ทำผ่าน Hardware Wallet Ledger

เนื่องจาก BandChain อยู่บน Cosmos Blockchain ดังนั้นเราจะต้องโหลด Cosmos App ลงไปบน Ledger ของเราก่อน โดยโหลดผ่านตัว Application Ledger Live หลังจากนั้น เราก้อสามารถเข้าไป Staking ได้ ผ่านทางหน้า Validator list ของ Band Protocol ที่ชื่อว่า CosmoScan ได้เลยครับ

พอเข้ามาหน้า CosmoScan ให้เราทำการ connect Ledger ของเราเข้ากับ CosmoScan ก่อน โดยกดปุ่ม connect มุมบนขวามือ

จากนั้นเราจะเจอหน้าต่างแบบนี้

ก่อนจะกด Connect To Ledger ด้านบน เราจะต้องกดเข้า Cosmos App บน Ledger ของเราก่อนนะครับตามรูปด้านล่าง

ถ้า connect ได้สำเร็จระบบจะขึ้น Band Address กับจำนวนเหรียญ Band ขึ้นมาให้ครับ

จากนั้น ในหน้านี้ จะมี list ของ Validator อยู่ทั้งหมด ซึ่งจะมีรายละเอียดให้สำหรับการพิจารณาของคนที่จะ Stake แต่ที่น่าสนใจมี 2 ส่วน คือ Commission กับ Uptime ในส่วนของ Commission เป็นตัวที่จะบอกว่า ทาง Validator คิดค่าใช้จ่าย จากเรายังไง ยกตัวอย่างเช่น Commission 10% คือ ทาง Validator จะหัก 10% จาก Reward ที่จะโอนมาให้เรา โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเป็นค่าการบริหารจัดการ 24x7 และระบบที่ซับซ้อนทั้งหมดของ Validator เองครับ นั้นหมายความว่า เราจะได้ Reward เยอะหรือน้อย ขึ้นอยู่กับค่าตัวนี้ อย่างเดียวเลยครับ

ส่วน Uptime เป็นตัวที่จะบอกเราว่า 250 Blocks สุดท้าย ที่เพิ่งสร้างออกมา ทาง Validator node นั้นๆ ได้ทำการตรวจสอบ Transaction ได้สำเร็จหรือไม่ โดยตรงนี้อาจจะมีโอกาส Miss ได้บ้าง ซึ่งจะทำให้ percentage มีโอกาสต่ำกว่า 100% ได้ครับ แต่ก้อไม่ควรจะแกว่งไปมาหรือ uptime น้อยกว่า 95% ครับ

ในส่วนของ THStakePool เอง เราก้อใช้ node ชื่อนี้เลยครับ สังเกตุง่ายๆ มีรูปธงชาติหน้าชื่อด้วยครับ :)

จากนั้นให้เรา Click เข้าไปที่ชื่อ Validator node ที่เราต้องการ Stake ด้วย จากนั้นให้กดปุ่มคำว่า “Delegate” เพื่อเริ่มทำการ Staking ได้เลยครับ

จากนั้นให้เราใส่จำนวนเหรียญที่เราต้องการจะ Stake ลงไป แล้วกด Next ได้เลยครับ

จากนั้น ให้เรากดคำว่า Broadcast แล้วบน Ledger จะขึ้น Transaction มาให้เรากด confirm เราก้อกดปุ่มเพื่อ confirm บน Ledger เป็นอันเสร็จสิ้นครับ

หลังจากนั้นระบบจะขึ้น จำนวนเหรียญที่เรา Stake รวมถึงจำนวน Reward ที่ได้รับ (Refresh ทุก ๆ วินาทีเลย) ให้เราดูครับ

ทำผ่าน Mobile/WebWallet

โดย Mobile/WebWallet ที่เราแนะนำตอนนี้ คือ CosmoStation ครับ สำหรับ Mobile Wallet สามารถโหลดลงได้ทั้ง IOS และ Android เลย

iOS: https://apps.apple.com/us/app/cosmostation/id1459830339

Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=wannabit.io.cosmostaion

เมื่อเราทำการลง CosmoStaion app เสร็จแล้ว ให้กด Create แล้วเลือก Band Mainnet ครับ

หลังจากนั้น ระบบจะ Gen Band Address ของเรา พร้อม Mnemonic Phase 24 คำ (อันนี้สำคัญมาก อย่าใส่เอาไว้ในคอมพิวเตอร์หรือมือถือที่ Online ได้ ให้จดใส่กระดาษหรือสมุดแทน) ตัวนี้เอาไว้ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถเข้า CosmoStaion ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมือถือ เครื่องหาย หรือ อยากเพิ่มเครื่องใหม่โดยใช้ Wallet เดียวกัน

หลังจากนั้นให้เรา setup PIN ของเรา (สามารถใช้ FaceID ได้ภายหลัง โดยไปเปิดใน setting)

เสร็จแล้ว ให้เราโอนเหรียญ Band ที่เราเก็บเอาไว้จาก Wallet ที่อื่น เช่น Binance เข้ามาตาม Address Band ที่ทาง CosmoStation สร้างเอาไว้ให้ แบบตัวอย่างในรูป

จากนั้น พอโอนสำเร็จ ก้อจะมีเหรียญ Band ใน Wallet เราก้อกดคำว่า Delegate ได้เลย

จากนั้นข้างบนให้กดไปที่คำว่า Top แล้วเลือก Validator ที่ต้องการได้เลย

จากนั้นให้กด Delegate แล้วใส่จำนวน Band ที่ต้องการ Delegate ได้เลยครับ แล้วกด Next

กด Next ข้ามไปเรื่อย ๆ จนเจอหน้า Confirm สุดท้าย เมื่อตรวจสอบทุกอย่างดีแล้ว ก้อกดปุ่ม Confirm ครับ

ถ้าสำเร็จระบบก้อจะขึ้นหน้า Success มาให้ดูแบบนี้ครับ

หลังจากนั้น พอเรากลับไปหน้าแรก ก้อสามารถเช็คจำนวน Staking ของเรา รวมไปถึง Reward ที่ได้รับอยู่ ณ เวลานั้นได้เลยครับ

เป็นอันเสร็จสิ้นวิธีการ Staking ของทั้ง 2 วิธี

สามารถดูเป็น Video Review ได้จาก link ข้างล่างได้เลยนะครับ

1. Staking Band Protocol ด้วย Ledger
2. Staking Band Protocol ด้วย Mobile App Cosmostation

ความเสี่ยงและสิ่งที่ควรรู้ในการ Staking Band Protocol

1. การคิด Reward ที่จะได้รับสำหรับคน Stake ให้ดูจากค่า Commission ที่แต่ละ Validator คิดค่าใช้จ่าย ยิ่ง % เยอะ ก้อยิ่งโดนหักค่าใช้จ่ายเยอะ โดยที่ Reward ของคน Stake ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ Voting Power หรือจำนวนเหรียญทั้งหมดที่ Validator node นั้นมีอยู่
2. ถ้า Validator node นั้นๆ มี Downtime มากกว่าเวลาที่ ทาง Band Protocol กำหนดเอาไว้ คือ Downtime มากกว่า 30,000 Blocks หรือประมาณ 16 ชม. จะทำให้โดนระบบปรับเหรียญทั้งหมด ที่ Stake เข้ามาใน Validator นั้น เป็นจำนวน 0.01% แต่ถ้ามีพฤติกรรมโกง Transaction หรือ ที่เรียกว่า Double Signing จะโดน 5% ของจำนวนเหรียญที่ Stake เข้ามาทั้งหมดของ Node นั้น ซึ่งคนที่ Staking ก้อจะโดนปรับไปด้วยเช่นกัน
3. คน Stake แค่โอนสิทธิการประมวลผลไปให้กับ Validator node เท่านั้น โดยเหรียญยังถูกเก็บอยู่ที่ Wallet ของคน Stake เหมือนเดิม หมายความว่า ทาง Validator node จะไม่สามารถมายุ่งกับเหรียญของเราได้
4. ตอนนี้ได้ Reward ประมาณ 17.5% ต่อปี ซึ่งมีโอกาสขึ้นลงได้ ตามปริมาณการ Stake ทั้งหมดเทียบกับ Total Supply
5. เราสามารถถอน Reward ออกมาเมื่อไหร่ก้อได้ไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร
6. ถ้าเราต้องการนำส่วนของ Reward ที่ได้ มา Stake เพิ่ม(Reinvest) เราต้องทำการกดถอน Reward ออกมาเอง แล้วกด Stake เพิ่มเอาเอง ยังไม่ได้มีระบบ Automatic Revest ให้ แต่ทุกครั้งที่ถอน Reward และ Stake เพิ่มจะเสียค่า Transaction Fee ด้วย (ซึ่งตรงนี้ไม่ได้เยอะมากครับ แต่ก้อไม่ควรถอน Reward แล้วเสียค่า Fee บ่อยๆ )
7. เราสามารถย้ายการ Stake ไปยัง Validator node อื่นได้ทันที (Redelegate) แต่หลังจากที่ย้ายไป Validator ใหม่แล้ว ถ้าจะ Redelegate ไปที่อื่นอีก จะต้องรออีก 21 วัน ถึงจะ ทำได้
8. ถ้าเราไม่ต้องการ Stake แล้ว อยากถอนเงินออก (Undelegate) เนื่องจากความปลอดภัยในเรื่องรูปแบบการโจมตีการ Staking ที่ Cosmos ได้กำหนดเอาไว้ หลังจากที่กด Undelegate เราจะต้องรอ 21 วัน ถึงจะถอนหรือย้ายเงินจาก Wallet ของเราไปที่อื่นได้
9. มูลค่าของเหรียญ Band Protocol มีโอกาสขึ้น และลงได้ โดยมูลค่าของเหรียญขึ้นอยู่กับประโยชน์และความต้องการในการใช้งาน(Use-Case) ที่ทำให้ตัวเหรียญเองดูมีมูลค่าจริงๆ ราคาก้อมีโอกาสขึ้นไปได้เรื่อยๆ และตรงกันข้าม ราคาก้อมีโอกาสลดลงเช่นเดียวกัน (ซึ่งตรงนี้ ทาง THStakePool ได้พิจารณามาให้แล้วว่า เหรียญตัวนี้ น่าจะมีอนาคตได้อีกไกลครับ และจะคอยเฝ้าติดตามมูลค่าของเหรียญตัวนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะแจ้งให้ทาง community ของเราทราบเรื่อยๆ ครับ)

สุดท้ายนี้ การ Stake ผ่าน THStakePool เราเป็น Public Validator Node ของไทย Node แรก ที่ขึ้น Mainnet เราเน้นเรื่องความปลอดภัยของ Validator node ของเรา รวมไปถึงช่องทางในการให้คำปรึกษากับคนไทย ผ่านทางทั้ง Facebook, Website และ Telegram Group โดยที่คิดค่า Commission อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยในอนาคตเราจะหาเหรียญตัวอื่น ๆ ที่มีอนาคตที่ดี มีความน่าสนใจ มาให้ Stake กันเพิ่มเติมอีก รอติดตามต่อไปนะครับ