รีวิวกล้องสมาร์ทโฟน Huawei P9
— สมาร์ทโฟนของค่ายดังจากจีนที่มีดีที่การถ่ายรูป —
สวัสดีครับ เรา @torcnn ก่อนหน้านี้รีวิวแต่ Mirrorless แต่รอบนี้จะฉีกแนวมารีวิวกล้องมือถือกันบ้าง กล้อง Huawei P9 เอาจริงๆใครๆก็คงรู้จักชื่อดี แต่อาจจะมีหลายคนที่ยังไม่เคยรู้ว่ามันทำอะไรได้ ทำไมมันถึงเป็นที่พูดถึงกันเยอะ รู้แค่ว่าเลนส์ไลก้าๆ ไอ้เลนส์นี่มีดีอะไรนักหนา เดี๋ยวจะเขียนให้อ่านกันครับ
Background
Huawei P9 เป็นสมาร์ทโฟนจากค่ายจีน แบ่งได้เป็น2รุ่น ได้แก่
- Huawei P9
- Huawei P9 Plus
สองรุ่นนี้จะมีความแตกต่างกันที่ขนาดและสเปคภายใน แต่ว่าเรื่องกล้องนี่ไม่ต่างกันเลยครับ เหมือนเป๊ะ ดีไซน์ก็จะมาในลักษณะแบนๆเหมือนๆกัน พกพาง่าย และมีขนาดจอที่ค่อนข้างใหญ่ทั้งคู่
รีวิวนี้จะเป็นรีวิวของกล้องสมาร์ทโฟน Huawei P9 เท่านั้นนะครับ ตัวที่เราเอามารีวิวเป็นสีชมพู Rose Gold ฟรุ้งฟริ้ง สีสันเข้ากับหน้าเรามากๆ 5555 แต่มันก็มีอีกหลายสีให้เลือกนอกเหนือจาก Rose Gold นะ แต่ละชื่อนี่อลังการระดับขบวนการ7สี ได้แก่
- Haze Gold
- Ceramic White
- Prestige Gold
- Titanium Grey
- Mystic Silver
- Blue
- Red
กล้องหลัง
บริเวณกล้องหลังของ Huawei P9 จะมีเขียนกำกับเอาไว้เลยว่าLEICA ซึ่งLEICAเนี่ยเป็นค่ายผลิตกล้องและเลนส์ที่มีชื่อเสียงมากๆจากประเทศเยอรมันครับ เพื่อนๆหลายๆคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของไลก้าน่าจะทราบกันดีถึงความเจ๋งของเลนส์ค่ายนี้ ระดับที่ถึงแม้ราคาของกล้องและเลนส์ยี่ห้อไลก้าจะราคาเป็นแสนๆ แต่ก็มีคนรอซื้อรอใช้เยอะแยะเต็มไปหมด
กล้องหลังของ Huawei P9 ได้รับการดีไซน์โดย LEICA ครับ แต่ดีไซน์เฉยๆนะ ไลก้าไม่ได้ผลิตให้ ไม่งั้นราคาคงพุ่ง ใต้คำว่าLEICAจะมีเขียนว่า Summarit H 1:2.2/27 APSH
ชื่อ Summarit เนี่ยเป็นชื่อที่บ่งบอกช่วงขนาดรูรับแสงของเลนส์ไลก้า ส่วน 1:2.2 ก็คือเลนส์มีรูรับแสงขนาด 2.2 ส่วนเลข 27 เนี่ยหมายถึงทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 27mm ซึ่งถือเป็นระยะที่ให้มุมกว้างใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนอื่นๆในตลาด
กล้องหลังของ Huawei P9 มี2ตัวครับ ปัจจุบันโลกสมาร์ทโฟนแห่กันมาใช้กล้องหลังสองตัวกันเยอะมาก แต่มาด้วยเหตุผลที่ต่างกัน เช่น iPhone 7 Plus ที่มีกล้องตัวที่2เพื่อให้สลับไปใช้เลนส์ช่วง50mmได้แทนการครอปภาพ หรือ LG G5 ที่มีกล้องตัวที่2เพื่อให้สามารถถ่ายมุมกว้างได้ดีขึ้น
สมาร์ทโฟน Huawei P9 จะมีเหตุผลที่ต่างออกไปในการมีกล้องตัวที่2ครับ นั่นคือการถ่ายภาพแบบ Monochrome(ขาวดำ)
กล้องตัวที่1ของ Huawei P9 จะเป็นกล้องปกติที่มีเซนเซอร์เอาไว้จับสีสันRGB ในขณะที่กล้องตัวที่2จะเป็นกล้อง Monochrome ซึ่งเซนเซอร์ไม่สามารถจับสีสันได้ แต่จะให้ภาพที่คมชัดกว่า สามารถรับแสงได้มากกว่าปกติ การที่รับแสงได้มากกว่า นั่นหมายถึงปริมาณnoiseน้อยกว่า ผลคือได้คุณภาพไฟล์ที่ดีกว่า เวลาที่ Huawei P9 ถ่ายภาพ เค้าจะรวมภาพที่ได้จากกล้องทั้งสองตัว ซึ่งจะทำให้ได้ภาพสีที่มีคุณภาพสูง
กล้องของ Huawei P9 ให้สีสันและรายละเอียดที่ดูดีทีเดียวครับ เดี๋ยวลองดูตัวอย่าง
ภาพคม รายละเอียดดีมากๆ
กล้องทั้งสองตัวของ Huawei P9 มีความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล ขนาดภาพ 3968×2976 และให้อัตราส่วนของภาพที่ 4:3 บางคนมาเล่นแรกๆอาจจะไม่ชินกับอัตราส่วนเท่านี้ มันออกจะแปลกไปจากอัตราส่วน 3:2 (ซึ่งใช้กันแพร่หลายกว่า)อยู่พอสมควร
โหมดเบลอหลัง
ไฮไลต์อีกอย่างของกล้องหลัง Huawei P9 คือโหมดเบลอหลังครับ ด้วยความที่กล้องมือถือมันไม่สามารถใส่เซนเซอร์กล้องขนาดใหญ่ๆเข้ามาได้ ทำให้การเบลอหลังต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์เป็นหลัก เจ้า Huawei P9 ก็ต้องใช้ซอฟต์แวร์ในการเบลอหลังภาพเช่นเดียวกัน
เมื่อเลือกโหมดเบลอหลัง เราจะสามารถเลือกได้เลยว่าจะเอาตรงไหนชัด ตรงไหนเบลอ เอาเบลอมาก หรือเบลอน้อย กล้องจะทำการวิเคราะห์ระยะชัดลึกชัดตื้นให้หมด ซึ่งถึงแม้เราจะกดถ่ายมาแล้ว เราก็สามารถกลับมาเลือกจุดโฟกัสและระดับความเบลอใหม่ทีหลังได้ด้วย
เวลาถ่าย พยายามให้ตัวแบบอยู่ในระยะไม่เกิน2เมตรนะครับ ไม่งั้นการเบลอมันจะออกมาไม่เนียน และถ้ายิ่งเลือกใช้ขนาดรูรับแสงที่พอเหมาะ (เราว่าใช้ประมาณ f4 กำลังดี) กล้องจะเบลอหลังได้น่าประทับใจทีเดียวครับ
สองรูปข้างล่างนี้คือรูปเดียวกันนะครับ แต่เราแค่มาเลือกจุดโฟกัสใหม่ทีหลัง
โหมดPro
พอเราเลือกโหมดโปร ในโหมดนี้เราจะสามารถปรับค่าทุกอย่างเองได้ ตั้งแต่ความเร็วชัตเตอร์ ISO ระดับแสง(EV) โหมดวัดแสง โหมดโฟกัส หรือแม้กระทั่งปรับ White Balance ได้ ส่วนรูรับแสงปรับเองไม่ได้นะ มันจะ fix อยู่ที่ 2.2 เท่านั้น
อย่างรูปนี้ เราใช้โหมดโปร ปรับค่าความเร็วชัตเตอร์เองที่ 1/20 วินาที ทำให้ภาพออกมาดูเหมือนกำลังว่าเคลื่อนไหวอยู่ การที่ปรับอะไรหลายๆอย่างเองได้ ทำให้การถ่ายภาพสนุกขึ้นไปอีกระดับนะ
เมื่อใช้โหมดโปรแล้ว ที่settings เราจะสามารถเลือกให้กล้องบันทึกภาพเป็นไฟล์RAWได้ด้วย เผื่อใครอยากเอาภาพไปยำต่อไรงี้ แต่มันไม่ได้มีอานุภาพในการแต่งเยอะขนาดนั้นนะ ไม่ได้ถึงขั้นโหด ด้วยข้อจำกัดเรื่องขนาดเซนเซอร์
ลูกเล่นต่างๆ
กล้องของ Huawei P9 จะมีโหมดให้เล่นอยู่พอสมควรครับ แต่เอาจริงๆเห็นคนนิยมใช้กันอยู่แค่สองโหมดหลักๆคือถ่ายรูปปกติกับถ่ายขาวดำ
เราสามารถปรับตีมของภาพได้ด้วยการกดไอคอนรูปลูกกลมๆ3ลูกด้านบน อันนี้ก็เป็นลูกเล่นที่แล้วแต่คนจะชอบ แต่ปกติเราเองก็ไม่ค่อยได้ใช้หรอก
กล้องหน้ากับการเซลฟี่
ความละเอียด8ล้านพิกเซล รูรับแสงอยู่ที่2.4 กล้องหน้าไม่ใช่ไลก้าแล้วนะครับ แต่ก็ค่อนข้างดีงามเลยแหละ เป็นกล้องที่ถ่ายเซลฟี่สวยเลยนะ ให้สีผิวอมชมพู สาวๆน่าจะชอบ ที่สำคัญคือมันวัดแสงและชดเชยออกมาได้ค่อนข้างสว่าง หน้าขาวใส ให้เพื่อนเอาไปเซลฟี่เล่นก็มีแต่คนชอบอะ พักหลังๆเพื่อนแห่กันมาขอใช้
การถ่ายในที่แสงน้อยของกล้องหน้า Huawei P9 ทำได้ในระดับดีมากเลยครับ และหากนำไปถ่ายเซลฟี่กลางคืน หน้าจอของ Huawei P9 จะสามารถส่องสว่าง ทำหน้าที่เป็นเหมือนแฟลชได้ด้วย
แต่ข้อเสียของกล้องหน้าของ Huawei P9 คือพอมันถ่ายย้อนแสงไฟแรงๆแล้วมันจะเกิดแสงสะท้อนค่อนข้างเยอะ บางทีก็อาจจะต้องเปลี่ยนมุมถ่ายครับ
ราคา
Huawei P9 : 16,990 บาท (ถ้ารุ่น Plus ก็แพงกว่าเดิมแค่5,000บาท)
ทำไมถูกกกกกกกกก!
สรุป
ถึงแม้คุณภาพของกล้องสมาร์ทโฟน Huawei P9 จะไม่ได้ถึงขั้นไปซัดกับกล้อง DSLR หรือ Mirrorless แต่เราว่า Huawei เค้าก็เค้นคุณภาพออกมาได้เยอะสุดๆจากขนาดเซนเซอร์ที่จำกัดของสมาร์ทโฟน ถ้าเราอยากจะได้มือถือสักเครื่องไว้ถ่ายรูปในชีวิตประจำวัน มีโอกาสถ่ายรูปเมื่อไหร่ก็ควักออกมาใช้งานแบบเร็วๆไม่คิดไรมาก Huawei P9 จะเป็นอันดับแรกๆที่เราจะนึกถึง เพราะเราเชื่อได้ว่าคุณภาพของภาพที่เราได้มันจะต้องออกมาโอเค ถ้าไม่เชื่อต้องไปลองจับเองดู แล้วจะเข้าใจว่ามันต่างจากกล้องสมาร์ทโฟนทั่วๆไปยังไง
พูดถึงข้อดีเยอะแล้ว เราต้องขอพูดถึงสิ่งที่เราไม่ชอบด้วย อย่างแรกเลยคือเรื่องเสียงทั้งตอนอัดวิดีโอและตอนเปิดไฟล์เสียงฟัง เรารู้สึกว่าระบบเสียงของ Huawei P9 ให้คุณภาพเสียงที่ต่ำกว่าเกณฑ์ไปหน่อย อีกเรื่องคือการโฟกัสของวิดีโอในอินสตาแกรมสตอรี่ ซึ่งกล้องดูเหมือนจะพยายามหาจุดโฟกัสตลอดเวลา (แต่ถ่ายวิดีโอปกติไม่พบปัญหานี้นะ งงเหมือนกัน)
เท่านี้ครับกับรีวิวกล้องสมาร์ทโฟน Huawei P9 ตามทัศนะการใช้งานเกือบ2เดือนของเรา ใครยังไม่เคยลองจับก็ไปลองจับเล่นกันดูสักครั้งนะ เพื่อนๆสามารถเข้ามาพูดคุยเรื่องกล้องกันได้ที่ Facebook, Twitter, Instagram และ ask.fm เช่นเคยนะครับ
ก่อนจากกัน ขอลาไปด้วยภาพที่ถ่ายจาก Huawei P9 ของเรา ไปละ สวัสดีจ้ะ