รีวิวเลนส์ Sony FE 85mm f1.4 G Master เลนส์ถ่ายคนคุณภาพสุดอลังการจากค่ายโซนี่
สวัสดีครับ เรา @torcnn เอง
เป็นเวลาอันแสนนานกว่าค่าย Sony จะมีเลนส์ E-mount ทางยาวโฟกัส 85mm เป็นของตัวเอง ชาวโซนี่ต่างก็รอคอยจนเลนส์ค่ายอื่นผลิตตัดหน้าเอาไปกินซะเยอะ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงครับ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี2016ที่ผ่านมา โซนี่ประกาศเปิดตัว Sony FE 85mm f1.4 G Master เลนส์ที่มีจุดขายอยู่ที่โบเก้ และเกิดมาเพื่องาน Portrait ระดับ Professional
Background
เลนส์ตัวนี้จัดแสดงครั้งแรกที่งาน CP+ 2016 หรืองานแสดงกล้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นครับ มาพร้อมๆกับ Sony A6300 และเลนส์ในซีรีส์ G Master อีก2ตัว
ตอนที่เราไปงานนี้ เลนส์ G Master เป็นเลนส์ที่เนื้อหอมมากๆ สื่อแต่ละประเทศแห่กันไปเล่น แห่กันไปลอง ต่อคิวกันยาวเหยียดเลยทีเดียว เราเลยไม่ค่อยได้เล่นสักเท่าไหร่ ส่วนงานเปิดตัวเลนส์ G Master ที่ไทยเราก็ยังไม่ค่อยได้เล่นอยู่ดีเพราะคนเยอะม้าก! เวลาผ่านไปสักพักเราถึงได้ไปขอยืมทางโซนี่มาโดยตรงเพื่อขอลองเล่นจริงๆจังๆดูบ้างสักครั้ง อยากรู้มากว่ามันมีดีอะไรคนถึงต้องรุมกันขนาดนี้
“G Master” เป็นชื่อของซีรีส์เลนส์ชนชั้นพรีเมียมที่สุดของเลนส์โซนี่ทั้งปวง เน้นคุณภาพระดับที่โซนี่ถึงกับเรียกเลนส์ซีรีส์นี้ว่า“เลนส์แห่งอนาคต”เลยทีเดียว เดิมทีโซนี่มีเลนส์ซีรีส์ G อยู่แล้ว แต่ซีรีส์ใหม่นี้เติมคำว่า Master เข้าไปอีก แปลว่ามันต้องโปรขึ้น เจ๋งขึ้น และแพงขึ้นอย่างแน่นอน 55555
เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์ FE (หรือ Full-frame e-mount) ดังนั้นมันจึงสามารถเอาไปติดกล้อง Mirrorless ของ Sony ได้ทั้งหมด จะเป็นซีรีส์ A7 หรือกล้อง APS-C อย่าง A6300, A6000, A5100, A5000 ก็ได้ ใช้งานได้เต็มระบบ 100%
ตัวเลนส์มีทางยาวโฟกัสที่ 85 มิลลิเมตร รูรับแสงกว้างสุดอยู่ที่ 1.4 ดังนั้นจึงเป็นเลนส์ที่เหมาะกับช่างภาพสาย Portrait มากๆ เรียกได้ว่าหลังนี่เบลอกระจายหายเป็นโจ๊ก แต่อะไรที่ทำให้เลนส์ตัวนี้พิเศษกว่าเลนส์ 85mm ตัวอื่นๆล่ะ?
รีวิวนี้จะบอกถึงจุดเด่นของเลนส์ 85mm f1.4 G Master และบอกเล่าประสบการณ์การใช้งานเลนส์ตัวนี้ตลอด1อาทิตย์ที่เราไปแต๊บเลนส์จากทางโซนี่ไทยมาเล่น เราจะเริ่มจากการรีวิวสเปคก่อน ส่วนใครที่อยากดูภาพก็สามารถไปดูได้ที่ท้ายบทความ หากมีศัพท์เทคนิคเราจะอธิบายให้พอเข้าใจคอนเซ็ป รีวิวนี้จะเน้นเขียนให้อ่านแบบย่อยง่ายที่สุดนะครับ
เริ่มเลยนะ
สัมผัสแรก
ใหญ่ง่ะ ใหญ่มาก แถมหนักกว่ากล้องอีก เลนส์มีน้ำหนัก 820 กรัม พอเอาเลนส์ไปติดกับกล้องปุ๊บคือต้องเอามือไปคอยช้อนใต้เลนส์ เพราะน้ำหนักมันถ่วงไปทางด้านหน้า แต่ว่าปกติเลนส์ 85mm f1.4 ขนาดและน้ำหนักมันก็ต้องประมาณนี้แหละ และนี่ก็ถือว่าเป็น 85mm f1.4 ที่น้ำหนักเบาแล้วถ้าเทียบกับ 85mm f1.4 ตัวอื่นๆในตลาด วัสดุภายนอกนี่ดูพรีเมียมมากครับ ดูทนทาน แข็งแรง ดีไซน์เรียบง่าย ตัวโลโก้ G Master สีส้มก็ดูเด่นเป็นสง่า ถือเลนส์ตัวนี้เอาไว้เฉยๆอยู่ๆก็รู้สึกว่าชีวิตดูแพงขึ้นมา หน้าเลนส์มีขนาด 77mm ใครจะซื้อฟิลเตอร์ก็ซื้อขนาดนี้ไปติดนะ
ติดกับกล้องแล้วหน้าตาแบบนี้ น่าสะพรึงอยู่พอสมควร
ความละเอียดสูง ความคลาดสีต่ำ
เห็นหัวข้อนี้แล้วอย่าเพิ่งเบะปากเบือนหน้าหนี เดี๋ยวจะอธิบายให้เข้าใจด้วยภาษามนุษย์ คืองี้ เมื่อโลกเรามีเทคโนโลยีเรื่องความละเอียดของกล้องที่สูงขึ้น เทคโนโลยีเลนส์ก็ต้องถูกออกแบบให้สอดคล้องกับความละเอียดสูงๆพวกนั้นตามไปด้วย ชิ้นแก้วของเลนส์ตัวนี้ถูกออกแบบอย่างประณีตเพื่อให้เก็บรายละเอียดของภาพในระดับโหดๆได้ คือมันสามารถใช้ถ่ายวีดีโอ4K (ร่วมกับ Sony A7R II, A7S II, A7S, A6300) หรือถ่ายภาพนิ่งความละเอียดสูงๆ (ร่วมกับ Sony A7R II & A7R) ได้เต็มประสิทธิภาพมากๆ
ภายในตัวเลนส์มีชิ้นแก้วED 3 ตัว ไอ้คำว่า ED เนี่ยมาจาก Extra-low Dispersion พูดง่ายๆคือมันเป็นชิ้นเลนส์คุณภาพสูงที่สามารถลดความคลาดสี (Chromatic Aberration) หรือขอบม่วงๆเขียวๆอันไม่พึงประสงค์ในภาพ เลนส์ตัวนี้แทบไม่มีขอบม่วงขอบเขียวให้เห็นเลยครับ ถ้ามีก็มีในระดับขี้ประติ๋ว เป็นเลนส์ที่ออกแบบมาได้อย่างประณีตมากจริงๆ
นอกจากชิ้นแก้วED ยังมีชิ้นแก้วXAอีกตัว ชื่อ XA ย่อมาจาก Extreme Aspherical ซึ่งชิ้นเลนส์นี้เป็นชิ้นเลนส์พิเศษที่มีความแม่นยำของพื้นผิวสูงมาก ตัวนี้จะมาช่วยแก้ความคลาดทรงกลม พูดง่ายๆคือมันจะมอบรายละเอียดบริเวณขอบภาพอย่างถูกต้องที่สุด
คมตั้งแต่ f1.4
เลนส์ธรรมดาทั่วๆไป ณ รูรับแสงกว้างสุดมักจะหวังผลได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ Sony 85mm f1.4 GM สามารถหวังผลได้ตั้งแต่รูรับแสงกว้างสุดที่ f1.4 เลย และคมฉิบหายวายป่วงสุดๆเมื่อเราปรับรูรับแสงไปที่ 2.8
เลนส์หลายๆตัวเมื่อนำไปถ่ายภาพและตรวจสอบบริเวณขอบๆภาพก็มักจะพบว่าภาพสูญเสียรายละเอียดไป แต่เลนส์ตัวนี้ไม่เป็นอย่างนั้น ด้วยชิ้นเลนส์XAทำให้แม้ที่รูรับแสง f1.4 ดีเทลบริเวณขอบภาพก็ยังดูคมชัดดี ลองดูภาพข้างล่าง ตัวอักษรบริเวณขอบภาพพวกนี้ยังคงปรากฎอย่างชัดเจน อ่านได้รู้เรื่อง
โบเก้เนียนกริ๊บ
โบเก้ก็คือส่วนที่เบลอๆอยู่นอกจุดโฟกัส เป็นสิ่งที่ช่างภาพ Portrait ล้วนปรารถนาเลยก็ว่าได้ เคยสังเกตกันปะว่าตากล้องแต่ละคนถ่ายภาพออกมาแล้วจุดที่เบลอๆข้างหลังมันออกมาไม่เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะเลนส์แต่ละตัวมันก็ให้โบเก้ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับเลนส์ 85mm f1.4 GM วิศวกรของโซนี่ถึงกับกล้าบอกว่าโบเก้ที่ได้จากเลนส์นี้คือที่สุดของโบเก้เลยนะ หูยยยย
ถ้าเขากล้าเคลมว่านี่คือที่สุดของโบเก้ งั้นเราก็ต้องมาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันหน่อย หลายๆคนพอส่องเข้าไปในโบเก้ไฟกลมๆ จะพบว่ามันมีความไม่เรียบเนียน มันอาจจะเกิดเป็นชั้นๆเส้นๆอยู่ข้างใน อาการแบบนี้เรียกว่า Onion Ring โซนี่เคลมว่าชิ้นแก้ว XA ของเค้าทำให้ได้โบเก้ที่สวยที่สุด คือมันจะเกลี่ยด้านในของโบเก้กลมๆให้ดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น ทำให้พวกเส้นๆ Onion Ring มันลดลงไป เหยด งานละเอียดก็มา เดี๋ยวดูตัวอย่างเปรียบเทียบข้างล่าง
พูดถึงโบเก้ มาคุยเรื่องรูรับแสงบ้าง รูรับแสงกว้างสุดอยู่ที่1.4 แน่นอนว่าภาพจะเบลอหลังเยอะ ได้โบเก้ใหญ่ๆ แต่นอกจากโบเก้จะใหญ่แล้ว เจ้า 85mm f1.4 GM ยังเป็นเลนส์ที่ให้ขอบโบเก้ที่โค้งมน อันเป็นผลจากจำนวนเบลด11ใบภายในเลนส์
คืองี้ ปกติเวลาเรามองเข้าไปในเลนส์ เราจะเห็นเบลดเรียงตัวและเปิดช่องตรงกลางเอาไว้ให้แสงเข้ามาใช่ปะ (ทำหน้าที่คล้ายๆม่านตาของคนเรา) เลนส์ของโซนี่ทั่วๆไปจะมีจำนวนเบลดของเลนส์อยู่ที่9ใบ แต่สำหรับเลนส์ 85mm f1.4 GM เค้าใส่เบลดมาเพิ่มเป็น11ใบ ซึ่งถ้าหากว่าเบลดมันเยอะ มันจะทำให้รูตรงกลางมีรูปทรงที่โค้งมนยิ่งขึ้น หากเบลดน้อย รูตรงกลางก็อาจจะเป็นรูปทรงเหลี่ยมๆ รูปทรงของรูตรงกลางเลนส์นี้ก็มีความสัมพันธ์กับรูปทรงของโบเก้ที่เราจะได้ การใช้เลนส์ 85mm f1.4 GM ที่มีเบลด11ใบจึงให้โบเก้มีรูปทรงโค้งมน ไม่เกิดเป็นมุมทื่อๆ ดูภาพตัวอย่างเปรียบเทียบด้านล่างนะครับ
เคลือบ Nano Anti-Reflection ลดแสงสะท้อนที่ไม่พึงประสงค์
การถ่ายย้อนแสงมักจะทำให้เกิดแสงสะท้อนที่ไม่พึงประสงค์(เช่นแฟลร์กับโกสติ้ง) แต่เลนส์ 85mm f1.4 GM เกิดอาการเหล่านี้น้อยมากๆ เพราะเลนส์ผ่านการเคลือบ Nano AR สำหรับคนที่บ้าแฟลร์ฟรุ้งฟริ้งขอให้โบกมือลาเลนส์ตัวนี้ แต่สำหรับงานProfessionalเราว่าดี นี่คือเลนส์ที่เอาไปถ่ายย้อนแสงได้ไม่มีปัญหาเพราะมันให้ดีเทลภาพที่ครบถ้วน องค์ประกอบแสงประหลาดๆต่างๆที่เข้ามาเป็นส่วนเกินในภาพคือแทบไม่มีให้เห็น
พอเราลองถ่ายก็พยายามจับผิดไง แต่ถ่ายอยู่หลายรูปก็ไม่เกิดอาการพวกนี้ซักที ต้องพยายามเอาแสงอาทิตย์แรงจัดๆเข้ามาในเฟรมถึงจะมีอาการโกสติ้งให้เห็น และพอเกิดอาการนี้ ก็เกิดในปริมาณน้อยโคตรๆ ดูจากรูปข้างล่างนะ พยายามถ่ายย้อนแสงให้แรงสุดๆ ทำให้มีอาการของโกสติ้งเขียวๆที่ปรากฎบริเวณเส้นผมใต้คางอยู่ แต่ก็ถือว่ามาในปริมาณน้อยมากๆ
ใช้ไม่ยาก ภาพนิ่งก็ได้ วีดีโอก็ดี
วงแหวนปรับรูรับแสง(Aperture Ring)จะอยู่ที่เลนส์เลย ไม่ได้ปรับที่ตัวกล้อง ค่ารูรับแสงสามารถหมุนปรับได้ตั้งแต่ 1.4–16 เห็นตอนแรกเกิดคำถามว่าทำไมรูรับแสงแคบสุดแค่ 16 เอง แต่คิดไปคิดมา เลนส์ 85mm จะเอารูรับแสงที่ 22 ไปทำอะไรจริงจังเราก็ยังนึกไม่ออก
ความดีงามคือมันสามารถเลือกปรับรูรับแสงแบบ“คลิก”หรือ“ไม่คลิก”ได้ ถ้าปรับแบบไม่คลิก วงแหวนก็จะหมุนฟรี ทำให้เราสามารถปรับรูรับแสงได้อย่าง Smooth ยิ่งขึ้น เป็นมิตรกับงานวีดีโอ
ส่วนการปรับโฟกัสก็สามารถหมุนได้ง่าย วงแหวนปรับโฟกัสทำจากยางซึ่งดูแข็งแรง หมุนแล้วติดมือดี มีปุ่มปรับ Auto Focus — Manual Focus และปุ่มล็อกโฟกัสอยู่ใกล้ๆกับโลโก้ G Master
กันละอองน้ำและฝุ่น
แบกเลนส์ตัวนี้ไปออกรบได้เลยครับ ลุยแค่ไหนขอให้มา เพราะเลนส์มันกันละอองน้ำละอองฝุ่นได้ แต่ก็นะ เลนส์เกรดพรีเมียมขนาดนี้ ถ้าโดนฝนหน่อยเดียวพังลูกค้าก็อาจจะคิดหนักนิดนึงแหละ 555
ในกล่องมีอะไรบ้าง
นอกจากตัวเลนส์กับคู่มือ ก็จะมีเลนส์ฮู้ดพลาสติกที่ติดแล้วทำให้เลนส์ดูยักษ์ไปอีกระดับ แล้วก็มาพร้อมกับกระเป๋าใส่เลนส์ที่ข้างในบุกันกระแทกไว้อย่างดี เค้ามีสายคล้องกระเป๋าให้ด้วยนะ
ราคา
ราคาไทย 65,990 บาทถ้วน เด็กๆหายใจลึกๆแล้วอ่านนะครับ มันคงดูแพงแหละหากมองในมุมคนที่เล่นกล้องระดับเริ่มต้น-มือสมัครเล่น แต่เราว่าราคานี้ไม่เลวร้ายสำหรับมือโปรหรือคนที่แคร์เรื่องคุณภาพมากๆนะ คุณภาพระดับนี้ ราคาเท่านี้ เราว่ามันเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล ซื้อแล้วก็ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดเกี่ยวกับคุณภาพของมัน อย่าลืมว่านี่คือเลนส์ซีรีส์พรีเมียมที่สุดจากโซนี่ และนี่ก็เป็นเลนส์ที่ราคาถูกที่สุดในซีรีส์ G Master แล้วด้วย ราคาเลนส์ก็แค่ครึ่งเดียวของราคากล้อง Sony A7R II ซื้อเลนส์ราคาหกหมื่นจะเป็นไรไปสำหรับคนที่ซื้อกล้องตัวละแสนกว่าบาทได้น่ะเนอะ
บอกเล่าประสบการณ์การใช้งาน
หลังจาก G Master เปิดตัวในไทยผ่านไปได้4เดือนเราก็พุ่งไปขอยืมโซนี่มาเล่นเพื่อทดสอบกับกล้อง Sony A7 ที่เรามี (A7รุ่นแรก) ถึงแม้ว่าเลนส์จะถูกออกแบบมาให้มีศักยภาพสูงเพื่อใช้ร่วมกับกล้องเทพๆอย่าง Sony A7R II แต่การทำงานร่วมกันระหว่างเลนส์ตัวนี้กับ Sony A7 รุ่นแรกก็ยังอยู่ในระดับที่โอเค แม้การโฟกัสร่วมกับตัว Sony A7 จะไม่ได้เร็วปรี๊ดๆ แต่ก็ไม่ขี้เหร่ ถือว่าเร็วแบบพอประมาณ โอกาสได้ภาพก็ยังเยอะอยู่ การใช้งานร่วมกับฟังก์ชั่น Eye AF (โฟกัสดวงตา) ของกล้องก็ถือว่าแม่นยำและช่วยทุ่นแรงได้ดีมากๆ เรามีโอกาสได้เอาไปลองติดกับกล้อง Sony A6300 (APS-Cตัวท็อป) ก็พบว่าทำงานร่วมกันได้รวดเร็วน่าประทับใจดี
เราพานางแบบ4คนออกไปเดินตลาดมา4วันเพื่อทดสอบเลนส์ตัวนี้ครับ
ทางยาวโฟกัส 85mm กับรูรับแสงขนาด 1.4 ที่สามารถหวังผลได้ยันขอบภาพเป็นอะไรที่เล่นเพลินมากๆ เพลินจนตอนเล่นนี่ลืมน้ำหนักของเลนส์ไปเลย โบเก้ก็เนียนนุ่ม ตอนเล่นแรกๆอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเลนส์ที่ถ่ายยากนิดนึง แต่พอทำความรู้จักกับมันสักพัก มันกลับกลายเป็นเลนส์ที่ถ่ายสนุกมากๆจนไม่อยากวาง
85mm เป็นช่วงเลนส์ที่ค่อนข้างเฉพาะทาง เราว่าคงจะไม่เหมาะสำหรับมือใหม่เท่าไหร่ เพราะองศาของภาพที่ได้มันค่อนข้างแคบ และมันต้องถอยเยอะพอสมควร ทำให้ต้องใช้พื้นที่ในการถ่ายเยอะ แถมการเป็นเลนส์ทางยาวโฟกัสคงที่(เลนส์ฟิกซ์) ทำให้เวลาจะซูมต้องเดินเข้าออกเอา บางคนอาจจะรู้สึกไม่สะดวก
แม้การใช้เลนส์ตัวนี้จะลำบากชีวิตนิดนึง แต่พอเห็นภาพนี่กำลังใจมาเลย โบเก้มันเนียนดีจริง อย่างเวลาเรายิงภาพเข้าไปในดงใบไม้หนาๆ เลนส์หลายๆตัวจะให้โบเก้ที่แข็งๆ ชวนเวียนหัวมากๆ แต่สำหรับ 85mm f1.4 GM คุณภาพของโบเก้ก็เป็นไปตามที่เค้าว่า ดูเรียบเนียน สบายตา
หรืออย่างการถ่ายเข้าไปในบริเวณที่มีเส้นเยอะๆ ตามภาพข้างล่าง ลูกกรงเหล็กบริเวณด้านหลังนางแบบก็ได้รับการเกลี่ยให้เนียนอย่างน่าประทับใจ
ถ้าการ“ถ่ายภาพเต็มตัวและยังเบลอหลังได้เยอะ”คือสิ่งที่คนอ่านรีวิวนี้กำลังตามหา เลนส์ 85mm f1.4 GM ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากๆนะครับ เลนส์สามารถดึงตัวแบบให้ดูเด่นออกมาจากฉากหลังอย่างชัดเจน ตอนถ่ายนี่ทำทั้งตากล้องทั้งนางแบบฟินกับเลนส์ไปตามๆกัน
แต่การเบลอหลังเยอะ ก็มีข้อควรระวังนะครับ เพราะมันจะหลุดโฟกัสง่ายมาก ยิ่งที่ f1.4 ยิ่งต้องระวัง เพราะว่าขยับนิดหน่อยนี่ก็เบลอแล้ว การใช้ Eye AF (ฟังก์ชั่นโฟกัสตาของกล้องSony) จึงสำคัญหากจะนำเลนส์นี้ไปถ่าย Portrait ระยะประชิด
ตอนเอาออกไปถ่ายก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าภาพที่ได้มันจะคมไม่คม เพราะเห็นแค่ในจอLCDเล็กๆของกล้อง แต่พอกลับบ้านเอา SD Card มาเสียบคอมเปิดดูเท่านั้นแหละ โอ้โห ความคมอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจมากๆ บริเวณกลางภาพนี่รายละเอียดดีมากแม้จะใช้รูรับแสงกว้างสุดที่1.4ก็ตาม
สรุป
ข้อดี
- หลังเบลอเยอะดี เหมาะกับงานPortrait สาวๆนี่กรี๊ด โบเก้ก็เนียนสวยสะใจมากๆ เบลด11ใบก็ทำให้โบเก้มีรูปร่างโค้งมนสวยงาม
- คม!
- แทบไม่เกิดแฟลร์และโกสติ้ง
- ชิ้นเลนส์ข้างในดีงาม เกิดความคลาดสีต่ำมากแม้ใช้รูรับแสงที่1.4 มีชิ้นเลนส์ XA ที่มีคุณภาพสูง ช่วยลดอาการ Onion Ring ได้
- วัสดุดูทนทานแข็งแรงดี กันละอองน้ำละอองฝุ่น จะเอาไปลุยก็ไม่มีปัญหา
- ใช้งานง่าย ปรับค่าต่างๆได้บนเลนส์เลย
- เหมาะกับทั้งงานภาพนิ่งและงานวีดีโอ
- ตัวโลโก้Gสีส้มๆที่ติดอยู่ที่เลนส์นี่การันตีทุกอย่างตั้งแต่คุณภาพเลนส์ไปจนถึงรสนิยมของเจ้าของเลนส์เลยครับ ใครเดินมาถาม เฮ้ยๆใช้เลนส์ไรอะ ตอบไป อ๋อ ใช้จีมาสเตอร์อะ เชร้ด โคตรคูล
ข้อเสีย
- ไม่มีกันสั่น น้ำตาจะไหล
- มีเสียงดังครืดๆนิดหน่อยเวลาโฟกัส
- รูปร่างดูน่าสะพรึงจนทุกคนวิ่งหนี ขนาดของเลนส์ไม่เฟรนด์ลี่กับชาวบ้านชาวเมืองเท่าไหร่ จากการนำไปถ่ายที่ตลาดมา4วัน พอหยิบกล้องกับเลนส์ 85mm f1.4 GM ขึ้นมาถ่าย คนนี่วิ่งหลบกันอย่างกับทะเลแหวก
- ถึงแม้เลนส์จะทำมาเล็กที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ยังไม่ได้พกพาง่ายๆ ทำให้กลิ่นอายของ“กล้องMirrorlessที่เค้าว่าเล็ก”มันหายไป การพกพาออกไปถ่ายเล่นขำๆในชีวิตประจำวันเป็นไปได้ยาก ถ้าจะเอาออกมาจากบ้านก็ต้องรู้นิดนึงว่าจะเอาไปถ่ายอะไร เพราะมันคงจะกลายเป็นภาระหากพกออกมาจากบ้านแต่ไม่ได้ใช้
ขอบคุณนางแบบทุกคนที่มาลำบากด้วยกันนะครับ @chopluem @faiweluree @fuang_kpn @faipatthaya และขอบพระคุณโซนี่ไทยด้วยครับที่ให้เรายืมเลนส์ที่เล่นสนุกที่สุดตัวนึง
รีวิวเลนส์ Sony 85mm f1.4 G Master ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ ราคามันอาจจะไม่ได้เข้าถึงได้โดยคนทุกกลุ่ม แต่คือคุณภาพเค้าใส่มาเต็มจริงๆนะ หากว่าใครทุนถึงและกำลังอยากได้เลนส์ช่วง85mmพอดี อย่าคิดนาน ไปครับ ไปซื้อ ส่วนคนที่ทุนไม่ถึงแต่อยากได้ก็ไปครับ ไปทำงาน
ติดตามบทความอื่นๆของต่อ @torcnn ได้จากช่องทาง medium.com นี่แหละครับ ย้อนอ่านบทความเก่าๆได้เผื่อมีเรื่องที่สนใจอยู่ หากมีบทความใหม่ๆต่อจะแจ้งข่าวในเพจ Chanon และทวิตเตอร์ torcnn ทั้งสองช่องทางนี้จะคอยอัปเดตข่าวในวงการกล้องเรื่อยๆครับ
ขอให้เสียเงินกันให้ถ้วนหน้าครับ ไปละ บ๊ายบาย