รีวิว Sony A7 II กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมพร้อมกันสั่น5แกน

Tor Chanon
torcnn
Published in
7 min readNov 16, 2016

--

— หนึ่งในกล้องฟูลเฟรมที่ครบเครื่องและคุ้มค่าที่สุด —

สวัสดีจ้ะทุกคน เรา @torcnn คราวนี้จะมารีวิวกล้อง Sony A7 Mark II ซึ่งเป็นกล้อง Mirrorless เซนเซอร์ขนาดฟูลเฟรมที่หลายๆคนคงคุ้นชื่อกันดีครับ แต่ถึงแม้หลายๆคนจะคุ้นชื่อ บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่ากล้องตัวนี้มันมีดียังไง ทำไมเราถึงมองว่ามันคุ้มค่า เดี๋ยวเราจะรีวิวเจาะเป็นส่วนๆเหมือนเคย กำเงินไว้ให้แน่นๆก็พอ อิ๊ๆ

Background

กล้อง Sony A7 Mark II เป็นกล้องรุ่นที่2 ที่มาแทน Sony A7 และเป็นกล้องที่เปิดตัวเป็นอันดับที่4ของซีรีส์ A7 ครับ (ณ ปัจจุบันมีทั้งหมด6ตัวในซีรีส์นี้) เลนส์ที่ใช้ด้วยกันได้คือเลนส์ชื่อว่า FE-mount

ซีรีส์ A7 เป็นซีรีส์ของกล้องมิเรอร์เลสเซนเซอร์ขนาดฟูลเฟรม พูดง่ายๆคือเป็นกล้องเซนเซอร์ขนาดใหญ่ที่มาในขนาดตัวที่เล็ก และสามารถจำแนกออกเป็น 3 ซีรีส์ย่อยตามตำแหน่งทางการตลาด ก็คือ

  • A7 เป็นกล้องที่เน้นความสมดุลของความสามารถทั้งหมดทั้งปวง เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ได้มีความต้องการเฉพาะเจาะจงมากนัก เอาไว้ถ่ายเล่นทั่วไปในชีวิตประจำวันก็ดี หรือจะเป็นงานระดับProfessionalก็ทำได้ กล้อง A7 จะมีราคาถูกกว่า A7R และ A7S อยู่พอสมควร
  • A7R เป็นกล้องที่เน้นความละเอียดของไฟล์ภาพ กล้อง A7R จะมีปริมาณพิกเซลสูงกว่ากล้องอื่นๆในซีรีส์ ทำให้ A7R มักจะเหมาะกับงานถ่ายภาพระดับProfessional เช่น พวกงานถ่ายCommercial หรืองานอื่นๆที่ต้องนำภาพไปPrintให้ได้ขนาดใหญ่
  • A7S เป็นกล้องที่เน้นการถ่ายในที่แสงน้อย กล้อง A7S จะมีปริมาณพิกเซลต่ำกว่ากล้องอื่นๆในซีรีส์A7 ทำให้แต่ละพิกเซลสามารถเก็บแสงได้เยอะ ช่วยให้การถ่ายกลางคืนได้ภาพที่เนียนกริ๊บ สามารถเปลี่ยนกลางคืนเป็นกลางวันได้หน้าตาเฉย สายวิดีโอจะนิยมตัวนี้กันเป็นพิเศษ

สำหรับกล้อง A7, A7R และ A7S จะมีออกมาแล้วอย่างละ 2 รุ่น โดยที่ความแตกต่างระหว่างรุ่นแรกและรุ่นสองหลักๆเลยก็คือกันสั่น5แกนและPerformanceโดยรวมครับ

ดังนั้นกล้อง Sony A7 Mark II ที่เราจะรีวิวจัดว่าเป็นกล้องที่ Balance ความสามารถในทุกๆด้าน ในขณะที่ถูกยกระดับความสามารถให้สูงขึ้นจากรุ่นก่อนขึ้นไปอีก น่าสนใจแมะ ไปรู้จักมันเพิ่มเติมกันดีกว่า

Sensor

กล้อง Sony A7 Mark II ใช้เซนเซอร์ความละเอียด24ล้าน ถือว่านำภาพไปปรินต์ขนาดใหญ่ๆหรือครอปใช้งานได้ไม่มีปัญหาครับ(ขนาดภาพ 6000 x 4000) เซนเซอร์ที่ใช้เป็นขนาดฟูลเฟรม(35mm) ว่าแต่เซนเซอร์ฟูลเฟรมมีสรรพคุณอย่างไรบ้าง? สำหรับคนที่ยังไม่ทราบ เราจะอธิบายให้เข้าใจอย่างง่ายๆครับ

(ใครที่ทราบแล้ว ข้ามไปเลยเด้อ)

“ลองจินตนาการว่า1ล้านพิกเซลคือคนหนึ่งคน และเซนเซอร์คือบ้านหลังนึงที่พิกเซลต้องอยู่ร่วมกัน”

ในบ้านมีคนอยู่ทั้งหมด24คน ตัวเลขนี้ไม่เปลี่ยนแปลงนะครับ

ถ้าบ้านยิ่งมีขนาดใหญ่ คนก็ยิ่งอยู่กันอย่างสบายๆ ไม่แออัด แต่ในทางกลับกัน ถ้าบ้านยิ่งมีขนาดเล็ก คนก็จะขี่คอกันอยู่ รู้สึกแออัด ส่งผลให้แต่ละคนไม่เป็นอันทำงานทำการ คิดดูว่าถ้าเราอยู่ในกระต๊อบหลังเล็กๆเบียดกับคนอื่นๆอีก23คน เราจะมีอารมณ์เอา MacBook มานั่งกางพิมพ์งานอยู่มั้ย

พิกเซลก็เช่นกันครับ ถ้ามันอยู่กันแบบแออัดมากๆเข้า แต่ละพิกเซลก็ต้องมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้แต่ละพิกเซลอาจจะทำหน้าที่รับแสงได้ไม่ดี ซึ่งเมื่อรับแสงได้ไม่ดี ก็จะทำให้ภาพเกิด Noise หรือสัญญาณรบกวนภาพขึ้นมากมาย ซึ่ง Noise เนี่ยไม่มีช่างภาพทั่วไปเค้าอยากได้กันหรอกครับ

เซนเซอร์ฟูลเฟรมไม่ใช่บ้านธรรมดาครับ มันคือคฤหาสน์หลังใหญ่ เพราะฉะนั้นแต่ละพิกเซลก็จะได้อยู่กันแบบสบายๆและทำหน้าที่ของแต่ละตัวได้ดีแน่นอน เราจึงสามารถคาดหวังไฟล์ภาพ Quality สูงๆได้จากเซนเซอร์ขนาดนี้ครับ

นอกจากความสามารถของแต่ละพิกเซลจะดีแล้ว กล้องเซนเซอร์ขนาดฟูลเฟรมยังเป็นกล้องที่ให้มิติการเบลอหลังที่ดี หลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อเซนเซอร์ขนาดอื่นๆอย่าง APS-C, Micro Four Thirds หรือ 1นิ้ว เซนเซอร์เหล่านี้ล้วนเป็นเซนเซอร์ที่ขนาดเล็กกว่าฟูลเฟรม ให้ภาพที่เหมือนถูกครอปมาจากเซนเซอร์ฟูลเฟรมอีกทีนึง ซึ่งมิติการเบลอหลังจะสู้เซนเซอร์ฟูลเฟรมไม่ได้ครับ ใครอยากได้ภาพที่เบลอหลังได้เยอะๆหน่อย เซนเซอร์ฟูลเฟรมอาจจะเป็นคำตอบของชีวิตนะ

หมายเหตุ: จริงๆโลกเรายังมีเซนเซอร์ขนาดใหญ่กว่าฟูลเฟรมนะครับ แต่ฟูลเฟรมนี่คุณภาพเหลือๆ แถมถ้าใหญ่กว่านี้แล้วชีวิตจะลำบากครับ

อะลองเทียบขนาดเซนเซอร์ฟูลเฟรมกับเซนเซอร์ APS-C ดู (APS-C เล็กกว่า1.5เท่า)

APS-C & Full-Frame

หากดูสเปคด้านเซนเซอร์แบบรวมๆของ Sony A7 Mark II อาจจะคิดว่าไม่ต่างจากรุ่นที่แล้วครับ แต่มันมีสิ่งที่พัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนคือเซนเซอร์ตัวนี้ถูกพัฒนาให้สามารถรับแสงได้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสิ่งนี้มีผลกับเรื่องISOด้วยนะ

ไฟล์RAW

ไฟล์RAWคือไฟล์ข้อมูลภาพที่ช่างภาพมืออาชีพนิยมถ่ายกันครับ จากชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าraw คือมาแบบสดๆ ไม่ได้ปรุงแต่ง ดังนั้นมันจึงเป็นไฟล์ที่ต้องผ่านการปรับแต่งก่อนถึงจะนำไปใช้งานได้ ข้อดีของไฟล์ประเภทนี้คือมันมีความยืดหยุ่นสูงมากในการแต่งภาพ แต่ไม่ใช่ว่าไฟล์RAWของกล้องทุกตัวจะยืดหยุ่นเหมือนกันหมดหรอกนะครับ

กล้อง Sony A7 Mark II เป็นหนึ่งในกล้องที่เอาไฟล์ RAW มาทำภาพได้มันสุดๆ ด้วยอานุภาพของฟูลเฟรม พิกเซลสามารถรับแสงได้มาก มีการไล่โทนของแสงหรือ Dynamic Range ที่ดี ทำให้การปรับแต่งไฟล์RAWทำได้ค่อนข้างอิสระกว่ากล้องทั่วๆไป จะถ่ายมาสว่างเกินหรือมืดไป ไฟล์ของ Sony A7 Mark II จัดให้ได้ครับ

Before & After
Before & After

ชัตเตอร์

ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1/8000 วินาที ต่ำสุด 30วินาที มีโหมด Bulb ให้ใช้งาน เหมือนรุ่นที่แล้วเป๊ะๆ กล้องยังไม่มี Silent Shutter มาให้ใช้งาน ช่างภาพสตรีทหรือคุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อนโปรดรู้ตรงนี้ไว้นะจ๊ะ

ISO

ปรับได้ตั้งแต่ 100–25,600 เดี๋ยวเราจะลองเทียบ ISO ระหว่าง Sony A7 กับ Sony A7 Mark II ให้ดู

ภาพด้านซ้ายคือ Sony A7 ตัวเก่า ส่วนด้านขวาคือ Sony A7 Mark II

iso 800
iso1600
iso3200
iso6400
iso12800
iso25600

ทั้งคู่ทำได้ดีมากยาวไปจนกระทั่งISO3200 หลังจากนี้อาการGrainจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับPerformanceด้านการจัดการNoiseดูเผินๆแล้วไม่ได้พัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดดอะไร แต่จะเห็นได้ชัดว่าที่ค่าเท่ากัน Sony A7 Mark II มีแสงเข้ามาในภาพมากกว่านิสเนิงงงง

ถึงเราจะมานั่งเทสISOสูงๆให้ดู แต่เชื่อเถอะ กล้องตัวนี้มีโอกาสน้อยที่เราจะต้องดันISOสูงๆเพื่อชดเชยแสงครับ เพราะมันมีกันสั่น!

กันสั่น5แกนในตัวกล้อง

กล้องตัวนี้เป็นกล้องMirrorlessฟูลเฟรมตัวแรกของโลกที่ยัดกันสั่น5แกนที่โคตรขี้โกงมาให้ในตัวกล้องเลย มีกันสั่นแล้วชีวิตจะดีมากๆครับ เพราะบนโลกนี้ไม่มีใครถือกล้องได้นิ่งสนิท100%เว้นแต่คนๆนั้นจะโดนสาปให้เป็นหิน กันสั่นจะมาเป็นตัวช่วยให้ภาพเราสั่นไหวน้อยลง ทำให้เราสามารถถือกล้องถ่ายได้แม้ใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ ถ่ายกลางคืนงี้ ใช้สปีดต่ำๆได้ ชีวิตดีไปอีก

โซนี่เคลมว่ากันสั่น5แกนของเค้ามีประสิทธิภาพมากพอที่จะสามารถชดเชยความเร็วชัตเตอร์สปีดให้ช้าลงไปได้อีก 4.5 สต๊อป (สต๊อปคือไร? ความเร็วชัตเตอร์ 1/80 กับ 1/40 ห่างกัน1สต๊อป , 1/40 กับ 1/20 ห่างกันอีก1สต๊อป คร่าวๆประมาณนี้)

1/3 f1.8 iso100 (A7II + 55mm f1.8)

รูปข้างบนเราบอกให้เพื่อนเรายืนนิ่งๆห้ามขยับ จากนั้นเราก็กลั้นหายใจและลองกดชัตเตอร์โดยใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้ามากๆที่ 1/3 วินาที (เกร็งกันเข้าไปถึงตับไตไส้พุงทั้งเราทั้งเพื่อน 5555) เออ ก็ยังรอดอยู่นะ กันสั่นทำงานโอเคอยู่ ถ้าเป็นรุ่นเก่า ถือกล้องถ่ายโดยใช้สปีด1/3นี่คงไม่เหลืออะไรให้ดูแล้ว

การที่กันสั่นมันอยู่ในตัวกล้องเลย ทำให้น่าจะถูกใจใครๆก็ตามที่มีสต๊อกเลนส์มือหมุนอยู่ที่บ้านครับ หากเมื่อก่อนคุณพ่อคุณแม่ใครเล่นกล้องฟิล์ม เราก็แค่หา Adapter มาติด ใช้งานเลนส์มือหมุนของคุณพ่อคุณแม่ควบกับกันสั่นได้แบบฟินๆ

ตัวกล้องสามารถปรับการทำงานของกันสั่นแบบ Manual ได้ โดยเมื่อไปที่เมนู SteadyShot Settings จะมีให้เราเลือกช่วงทางยาวโฟกัสของเลนส์ที่เราใช้ กันสั่นมันจะได้ทำงานสัมพันธ์กับเลนส์ ใครที่กะว่าจะใช้กับเลนส์มือหมุน อันนี้จะช่วยได้เยอะเลยนะครับ

การโฟกัส

จุดโฟกัสเป็นแบบ Phase Detection 117 จุด และแบบ Contrast Detection 25 จุด รวมๆแล้วการโฟกัสเร็วขึ้นจากรุ่นก่อน30% จริงๆเราว่า A7 ก็โฟกัสเร็วใช้ได้แล้วนะ อันนี้มันก็เร็วขึ้นไปอีก

ค่า Default เวลาเรากดปุ่มกลาง(Center Button) มันคือ Eye Autofocus นะ ได้ใช้บ่อยสุดๆเวลาถ่ายรูปคน สะดวกมากๆ

หน้าจอ

หน้าจอความละเอียด1,228,800จุด สามารถพับขึ้นได้107องศา และพับลงได้41องศา ครอบคลุมการใช้งานในหลายๆโอกาส แต่ใครที่สายเซลฟี่บอกลาไปได้เลยครับ

เราว่ากล้องตัวนี้ดึงหน้าจอขึ้นมายากนิดนึง เพราะส่วนล่างของหน้าจอมันไม่ได้ยื่นลงมาจนสุดขอบล่างของบอดี้ อาจต้องใช้เล็บแงะออกมา

หน้าจอเค้าจะใช้เทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า White Magic ช่วยลดแสงรบกวนเวลามองหน้าจอในที่ที่แดดแรงๆ อันนี้ดี เราชอบ

ช่องมองภาพ(Viewfinder)

ช่องมองภาพความละเอียด2,359,296จุด ครอบคลุมตลอดเฟรมภาพ100% ส่องแล้วเรารู้สึกว่าโทนภาพดูดีกว่ารุ่นที่แล้วอีกครับ (ความเห็นจากคนที่ใช้A7ตัวเก่ามาตลอด มันรู้สึกได้เลยนะ 555)

การถ่ายภาพต่อเนื่อง

ถ่ายรัวสุดได้ที่ 5 ภาพต่อวินาที ถ้าถ่ายเป็นJPEGสามารถรัวได้เต็มที่ที่77ภาพก่อนกล้องจะหยุดเพื่อประมวลผล ถ้าถ่ายเป็นไฟล์RAWสามารถรัวได้เต็มที่ที่25ภาพก่อนกล้องจะหยุดเพื่อประมวลผล ยังไม่ได้รัวเป็นปืนกลอะไรครับ

วิดีโอ

1920 x 1080 ที่ 60p ยังไม่สามารถถ่าย 4K ได้นะครับ หากอยากถ่าย 4K ต้อง upgrade ไปเป็นรุ่น A7R II หรือ A7S II นะ อย่างไรก็ตามลองถามตัวเองก่อนว่า 4K สำคัญกับชีวิตของเรามั้ย เพราะสำหรับชีวิตบางคน ความละเอียดของไฟล์วิดีโอเท่านี้ก็ถือว่าเหลือเฟือมากๆแล้วครับ

รูปแบบปุ่มแบบใหม่

รูปแบบของปุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร สิ่งแรกที่อยากพูดถึงเลยคือเรื่องปุ่มชัตเตอร์ เพราะมันย้ายที่จากข้างบนบอดี้ลงไปอยู่ตรงส่วนของGripแทน นอกจากนี้ขนาดของปุ่มชัตเตอร์ก็ใหญ่ขึ้นด้วย ทำให้การกดชัตเตอร์สะดวกขึ้น พวกDialปรับค่ารูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ก็เปลี่ยนไป โดยมีขนาดเล็กลงและวัสดุจะเป็นยางๆ อันนี้เราชอบ เพราะพอมันมีความหนุบหนับติดมือมากขึ้น มันเลยทำให้เราปรับเปลี่ยนค่าต่างๆได้เร็วกว่าเดิมแบบรู้สึกได้

นอกจากนี้นะ เขายังใส่ปุ่มลัดเข้ามาให้ชีวิตดีขึ้นอีกปุ่ม ในบริเวณที่ชัตเตอร์เก่าเคยอยู่นั่นแหละ

มาดูที่ด้านหลัง ตรงบริเวณด้านบนของหน้าจอถูกปรับปรุงให้เอียงเชิดหน้าขึ้น45องศา ทำให้สะดวกขึ้นเวลาเราใช้นิ้วโป้งกดปุ่มCustom การปรับความเร็วชัตเตอร์ก็หนุบหนับขึ้น หมุนสบายนิ้วขึ้น เร็วขึ้น แต่การปรับISOทำได้ช้าลงนิดหน่อย เพราะเดิมมันสามารถหมุน Dial ได้เลย แต่นี่กลายเป็นว่าต้องกดทางขวาก่อน1ที

บอดี้

หนาขึ้นจากรุ่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด(ด้วยความที่มันมีเรื่องกันสั่นเพิ่มเข้ามา) น้ำหนักของบอดี้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญคือ556กรัม(จากรุ่นที่แล้ว474กรัม) เพราะมันมีการเปลี่ยนวัสดุให้ทนทานขึ้น คือใช้แมกนีเซียมอัลลอยทั้งตัว

กล้องตัวนี้มีบอดี้ที่ทนฝุ่นและทนละอองฝนในระดับนึง สามารถเอาไปลุยได้พอตัว แต่อย่าเด๋อเอาไปลงน้ำโดยไม่มี housing นะครับ พัง! เอาจริงๆหากพาไปเจอแค่ฝนก็ควรหลบแล้วแหละ เพราะมันไม่ได้เกิดมาเพื่อตากฝน

ด้านข้างของตัวบอดี้จะมีช่องเสียบไมค์ ช่องเสียบหูฟัง ช่องต่อHDMI และช่องเสียบชาร์จมาให้ อีกฝั่งจะมีช่องเสียบ SD Card ด้านล่างก็จะเป็นช่องสำหรับใส่แบตเตอรี่

Gripจับแบบใหม่

Gripใหม่ของ Sony A7 Mark II นั้นจะยื่นออกมามากขึ้น ด้วยเหตุผลที่กล้องมันหนาขึ้นน่ะแหละ ส่วนจับถนัดมั้ย แรกๆเราก็บ่นๆว่าทำไมใหญ่จัง หลังๆเราก็รู้สึกชินไปเอง ไม่รู้สึกได้แย่ไร แต่ไปลองจับกันเองดูด้วย มือแต่ละคนไม่เหมือนกัน

แบตเตอรี่

ชาร์จเต็มหลอด ยิงได้350ภาพ ถือว่ากลางๆ ถ้าใครกะจะใช้งานระดับ Professional ก็ซื้อแบตเตรียมไว้ด้วยนะครับ สัก 1–2 ก้อน การชาร์จแบตจะต้องชาร์จผ่านสายUSB ซึ่งถ้าใครไม่ชอบชาร์จกับตัวกล้องโดยตรงก็ต้องซื้อที่ชาร์จแยกเอา

สามารถชาร์จกับ PowerBank ได้นะ แต่ตอนชาร์จเราจะทำอะไรกับกล้องไม่ได้เลย

Wifi & NFC

ส่งรูปเข้ามือถือได้ ต่อกับมือถือเพื่อใช้เป็นรีโมตก็ได้ ถ้าใครซื้อกล้องตัวนี้ แอปใน Smartphone ที่ต้องโหลดติดเอาไว้เลยก็คือ PlayMemories

ภาพที่ส่งเข้ามาใน Smartphone จะเป็นไฟล์Jpegเท่านั้นนะครับ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เราจะถ่ายเป็นไฟล์ RAW ก็ตาม กล้องมันก็จะconvertไฟล์กลายเป็นJpegก่อนส่ง

นอกจากนี้จะส่งภาพเข้ามือถือที่มี NFC ก็ได้ แค่แตะๆ ภาพก็เข้ามือถือเลย

Applications

ได้ชื่อว่ากล้องโซนี่ แปลว่ามีแอปพลิเคชั่นในตัวกล้องให้เลือกซื้อเลือกเล่นเยอะครับ มีหลายๆแอปที่จะมาช่วยสนับสนุนให้การถ่ายภาพของเราง่ายและสนุกขึ้น

ราคา

แคปมาจากหน้าเว็บ
  • บอดี้เปล่าราคา 59,990 บาท
  • บอดี้พร้อมเลนส์ 28–70mm ราคา 69,990 บาท

อย่าเพิ่งช็อกกกกกกกกแล้วปิดหน้าจอนะ เดี๋ยวนี้เดินไปซื้อหน้าร้านเขาจะลดราคาให้อยู่อีกพอสมควร ราคาข้างต้นนี่เป็นราคาเปิดตัวที่ยังไม่ได้ลดจากโปรโมชั่นหน้าร้านครับ ณ ตอนนี้ไม่มีใครซื้อราคาเต็มๆแบบนี้หรอก

เราว่าช่วงราคาประมาณนี้สมเหตุสมผลมากๆกับสิ่งที่ได้ คุ้มการลงทุนอะ ถ้าพูดคำว่าฟูลเฟรม น้อยรุ่นที่จะราคาถูกเท่านี้ แล้วนี่มีกันสั่นอีก เหย มันโอเคมากนะ สมมติว่าใครกำงบมาแสนนึงงี้ เหลือตังซื้อเลนส์ได้อีกตั้งตัวสองตัวแน่ะ (ถ้าไม่ได้ไปหวดเลนส์แพงๆเข้าน่ะนะ 5555) หรือถ้าใครมีงบแค่บอดี้ จะซื้อมือหมุนถูกๆมาเล่นสนุกก่อนก็ยังได้ กล้องมันมีกันสั่นคอยช่วยอยู่ละ มีตังค่อยขยับขยายไปเล่นเลนส์ออโต้โฟกัส

สรุป

เราจะสรุปข้อดีและข้อสังเกตของกล้องตัวนี้อีกสักรอบ จะได้ดูกันง่ายๆว่ากล้อง Sony A7 Mark II เป็นกล้องที่ใช่สำหรับผู้อ่านมั้ยนะครับ

ข้อดี

  • เซนเซอร์ฟูลเฟรม ให้พื้นฐานของไฟล์ภาพที่ดี จัดการNoiseใช้ได้ Dynamic Range เยี่ยม ดึงไฟล์RAWกันสนุกแน่นอน
  • เบลอหลังได้ดีกว่าชาวบ้าน อะแน่นอน ขนาดเซนเซอร์มันใหญ่
  • กันสั่น5แกน ลดภาพสั่นไหว ช่วยได้เยอะในหลายๆสถานการณ์ สาวกมือหมุนยิ้มได้เลย เพราะกันสั่นมันอยู่ในตัวบอดี้ แถมเลือกปรับกันสั่นให้สอดคล้องกับเลนส์ที่เราใช้ได้
  • การโฟกัสทำได้ดี มี Phase Detection ทำให้โฟกัสค่อนข้างรวดเร็วทันใจ
  • หน้าจอพับได้หลายองศา มองหน้าจอในที่แดดแรงได้ดีขึ้น
  • มีช่องมองภาพ
  • ปุ่มลัดเยอะขึ้น สามารถCustomปุ่มได้เองตามใจชอบ การปรับค่าต่างๆทั้งชัตเตอร์สปีดและรูรับแสงทำได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น ปุ่มชัตเตอร์กดสะดวกขึ้น
  • บอดี้แข็งแรง ทนทาน ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยทั้งตัว พาลุยได้สบาย
  • ชาร์จ PowerBank ได้
  • มีHot-shoeให้เสียบแฟลช
  • มีช่องเสียบไมค์และช่องเสียบหูฟัง
  • เปิดกล้องปุ๊บ กล้องพร้อมใช้งานได้เร็วกว่ารุ่นก่อน
  • ขนาดเล็กเมื่อเทียบกับกล้องฟูลเฟรมด้วยกัน
  • ราคาน่ารัก
  • มีเลนส์ให้เลือกเยอะ ทั้งในค่ายและนอกค่าย

ข้อสังเกต

  • เซนเซอร์ที่ใหญ่ นั่นหมายถึง System ของเลนส์เราจะต้องมีขนาดใหญ่ไปด้วย หากคิดจะซื้อ อย่าจับแต่กล้อง แต่ให้ไปลองทำความรู้จักกับเลนส์ของ System ฟูลเฟรมก่อนด้วย เพราะเวลาใช้งานเราไม่ได้แบกแค่กล้องนะครับ
  • ไม่มี Silent Shutter
  • หน้าจอดึงออกมาใช้งานยากนิดหน่อย บางทีต้องใช้เล็บแงะออกมา
  • ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องที่5ภาพต่อวินาที ถือว่าไม่เร็วนัก
  • วิดีโอยังเป็น Full HD อยู่ ถ้าใครจะเอาความละเอียดสูงกว่านี้ต้องไปรุ่น A7R II หรือ A7S II แทน(ซึ่งราคามันจะประมาณสองเท่าของรุ่นนี้ 555)
  • Gripยื่นออกมามากขึ้น อันนี้ต้องไปลองจับเอง เราไม่ขอสรุปเองว่าดีไม่ดี
  • หนาและหนักขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า
  • ซดแบตค่อนข้างไว ถ้าใช้ทำงานยาวๆ แนะนำอย่างยิ่งว่าควรพกแบตสำรอง

สำหรับคนที่คิดจะเข้าอารยธรรมฟูลเฟรมเป็นครั้งแรกและต้องการให้เม็ดเงินที่ตัวเองลงทุนไปนั้นคุ้มค่า หรือคนที่อินกับเซนเซอร์ฟูลเฟรมอยู่แล้วแต่ต้องการใช้กล้องที่มีขนาดเล็กลงมา เราว่า Sony A7 Mark II เป็นคำตอบที่ดีมากๆเลยครับ

สุดท้าย รีวิวนี้เราต้องขออภัยในความเยินของ Sony A7 Mark II นะครับ มันผ่านการใช้งานมาอย่างสมบุกสมบันมากๆ 555 กล้องทนมือทนตีนสุดๆ

จบเท่านี้ครับกับการรีวิว Sony A7 Mark II หวังว่าจะช่วยในการตัดสินใจได้มากขึ้น เพื่อนๆสามารถเข้ามาพูดคุยกันได้เหมือนเดิมที่ Facebook, Twitter, Instagram และ ask.fm และหากใครอยากจะติดตามรีวิวอื่นๆของเรา สามารถติดตามได้ที่ medium.com/torcnn นะจ๊ะ

ก่อนจากกัน ขอลาไปด้วยภาพที่ถ่ายจาก Sony A7 Mark II ครับ บ๊ายบาย

FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 28mm f2
FE 28mm f2
FE 55mm f1.8
FE 28mm f2 + nissin i40
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8
FE 55mm f1.8

--

--

Tor Chanon
torcnn

ต่อ ชานนท์ โตเลี้ยง / Photography Tips and Reviews. Instagram & Twitter : @torcnn