รีวิว Canon EOS 800D กล้อง DSLR ขนาดเล็กสเปคใหม่กริ๊บ

Tor Chanon
torcnn
Published in
6 min readJun 12, 2017

--

“กล้อง DSLR จาก Canon ที่ตั้งใจทำมาเพื่อคนหัดเล่นกล้อง”

สวัสดีครับ เรา @torcnn เองเด้อ

ก่อนหน้านี้กล้องคลาส DSLR ไม่ได้เป็นที่พูดถึงเยอะเหมือนเมื่อก่อนครับ เนื่องจากว่ามีกล้องคลาส Mirrorless เข้ามาตอบความต้องการเรื่องขนาดตัวที่เล็กและเบา

แต่ถ้ามันมีกล้อง DSLR ที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่และหนักอย่างที่คิดล่ะ?

Canon EOS 800D จะมาเป็นตัวแทนของกล้อง DSLR ที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่เหมือนตัวอื่นๆครับ ซึ่งถึงแม้ว่าจะขนาดเล็ก แต่สเปคนี่ผ่านการโมดิฟายมาใหม่ให้ดีกว่าเดิม ความสามารถโดยรวมจัดว่าดี สามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งงานภาพนิ่งและวิดีโอ

Background

กล้อง Canon EOS 800D เป็นกล้องชนิด DSLR ระดับเริ่มต้น(กึ่งๆสมัครเล่น)ที่เป็นรุ่นต่อเนื่องมาจาก Canon EOS 750D ครับ แน่นอนว่าพอเป็น DSLR มันจะมีกระจกอยู่ภายในตัวกล้อง ซึ่งทำหน้าที่สะท้อนภาพจากเลนส์ขึ้นไปยังช่องมองภาพด้านบน

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ตั้งใจทำออกมาให้มีขนาดเล็กพกพาง่ายเท่าที่กล้อง DSLR จะให้ได้

กล้อง Canon EOS 800D จะมีอีกชื่อเรียกคือ Canon EOS Rebel T7i ชื่อนี้จะใช้ในโซนอเมริกา และอีกชื่อคือ Canon EOS Kiss X9i ชื่อนี้จะใช้ในญี่ปุ่น

เซนเซอร์

เซนเซอร์ของกล้อง Canon EOS 800D เป็นเซนเซอร์ขนาด APS-C ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กกว่ากล้องฟูลเฟรม 1.6 เท่า ดังนั้นถ้าใครเอาไปติดเลนส์ไหน อย่าลืมคูณตัวเลขทางยาวโฟกัสบนเลนส์ไปอีก 1.6 นะ ถึงจะได้ระยะที่แท้จริง

ISO

การปรับค่า ISO ถ้าใช้โหมดM จะปรับได้เป็นสต๊อปๆ 100–200–400–800–1,600 ไปเรื่อยๆจน 25,600 แต่ถ้าใช้ ISO Auto กล้องมันจะปรับเป็นค่ายิบย่อยของมันเอง ใจจริงอยากให้โหมด M ปรับได้แบบละเอียดยิบย่อยกว่านี้หน่อย

หากถ่ายเวลาแสงน้อย ที่ISOสูงๆโอเคมั้ย อันนี้เราลองเอาภาพที่ ISO สูงๆ มาให้ดู กล้องมันเลือก ISO ให้ที่ 5,000 ก็ยังจัดว่าโอเคอยู่เนอะสำหรับเซนเซอร์ขนาด APS-C ทั้งนี้มันมีส่วนช่วยมาจากชิพประมวลผล DIGIC 7 ด้วย

ระบบออโต้โฟกัส

กล้องตัวนี้มีจุดโฟกัสทั้งหมด45จุด โฟกัสด้วยเทคโนโลยี Dual Pixel ใครที่เล่นกล้อง Canon ในช่วงสามสี่ปีมานี้จะคุ้นเคยชื่อนี้กันดีครับ มันเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้จับโฟกัสวัตถุที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว(Phase-detection) จากการทดลองเล่น กล้องตัวนี้โฟกัสเร็วใช้ได้เลยทั้งงานภาพนิ่งและงานวิดีโอ

ทำไมเราถึงเชียร์นักเชียร์หนาให้คนที่ถ่ายวิดีโอซื้อกล้องที่มีระบบโฟกัสแบบ Phase Detection ลองดูคลิปข้างบนนี้ จะเห็นว่าเสียเวลาโฟกัสน้อยมาก เป็นผลให้งานวิดีโอง่ายขึ้นเยอะเลยครับ

ช่องมองภาพ

เนื่องจากเป็นกล้อง DSLR แน่นอนว่ามันจะต้องมีช่องมองภาพให้ใช้ โดยช่องมองภาพเป็นแบบ Optical Viewfinder หรือภาพที่เราเห็นจะเป็นภาพที่(1)เข้ามาในเลนส์ (2)ตกกระทบกับกระจกภายในตัวกล้อง และ(3)สะท้อนเข้าสู่ตาของเรา

ช่องมองภาพแบบนี้ดีอย่างตรงที่มันจะไม่มีดีเลย์แน่นอน (เพราะมันเป็นภาพสะท้อนจากกระจก) แต่บางคนจะไม่ชอบเพราะมันไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ของภาพได้แบบ Real-time ทำให้ต้องคอยดูมิเตอร์วัดแสงบ่อยๆ

ช่องมองภาพจะ Cover แค่ 95% ของภาพจริงที่ได้นะครับ ไม่ได้มีผลมากนักหรอกกับภาพที่ได้ แต่ถ้าสังเกตหน่อยก็จะเห็นความต่างนิดนึงของผลลัพธ์กับภาพในช่องมอง

สิ่งที่ถูกใจเราและเพื่อนๆเกี่ยวกับช่องมองภาพแบบนี้คือเสียงเวลากดชัตเตอร์ครับ เพราะทุกทีที่มีการกดชัตเตอร์ กระจกภายในมันจะพับเพื่อให้แสงเข้าไปที่เซนเซอร์ เกิดเป็นเสียง แช้บ! แช้บ! แช้บ! ได้ฟีลดี 555

ปุ่มต่างๆและการควบคุม

ปุ่มเยอะสไตล์ DSLR ของ Canon อะ มีปุ่มโน่นนี่นั่นแยกออกมาให้ใช้งานเยอะ ยังไงก็ตาม การใช้งานของแต่ละปุ่มจะไม่ค่อยทับไลน์กันเท่าไหร่ มีหน้าที่ของแต่ละปุ่มชัดเจน

แต่เสียดายนิดนึงตรงที่ไม่มี Dial ปรับรูรับแสงแยกออกมาเลย ซึ่งเวลาจะปรับรูรับแสงต้องกดปุ่ม Av แล้วหมุน Dial อันเดียวกับที่ใช้ปรับความเร็วชัตเตอร์ หรือจะกดปรับที่หน้าจอเอาเลยก็ได้ เพราะหน้าจอเป็นแบบทัชสกรีน

หน้าจอ

ความละเอียด 1.04 ล้านจุด เป็นหน้าจอแบบสัมผัส การใช้งานกล้องตัวนี้ในหลายๆเรื่องจะต้องมาพึ่งพาการสัมผัสหน้าจอซะเยอะเลยแหละ สามารถพับออกด้านข้าง และหมุนจอได้อิสระ ทำให้ใช้งานหน้าจอได้หลากหลาย จะถ่ายมุมต่ำ มุมสูง เซลฟี่ จัดว่าได้หมด

สามารถสลับการแสดงผลจากช่องมองภาพมาเป็นหน้าจอนี้ได้(Live-view)ด้วยการกดปุ่มข้างช่องมองภาพ การแสดงผลของหน้าจอไม่ได้มีดีเลย์ให้หงุดหงิด หมดยุคของการใช้ Live-view แล้วช้าละ

Interfaceรูปแบบใหม่

อันนี้เป็นอีกไฮไลต์ของกล้องตัวนี้นะ จากเดิม Interface ของกล้อง Canon จะมาแบบเรียบๆ แต่รุ่นนี้ใส่ Interface แบบใหม่เข้ามา โดยมันจะมี Guide คอยสอนมือใหม่ตลอดว่าการปรับแบบไหนจะทำให้ภาพเปลี่ยนไปยังไงครับ ทำให้นี่เป็นกล้องที่จะเหมาะสมกับคนที่ต้องการที่จะเริ่มต้นพัฒนาสกิลการถ่ายภาพของตัวเอง

เนี่ย อยากข้างบนนี้โหมด Tv ใช่มะ (เน้นปรับความเร็วชัตเตอร์) interface ของมันจะบอกเราว่าความเร็วชัตเตอร์แบบไหนจะทำให้เกิดภาพยังไง เหมาะกับคนที่ยังไม่คล่องเวลาปรับค่าพวกนี้ครับ

ลูกเล่นต่างๆ

หลังจากลองเล่นกล้อง Canon EOS 800D เราพบว่ามีลูกเล่นเยอะดีครับ ส่วนใหญ่จะเป็นการใส่เอฟเฟกต์เข้าไปในภาพ เพื่อทำให้ภาพดูน่าสนใจยิ่งขึ้น

เอกเฟกต์ที่เราชอบที่สุดคือ Toy Camera อยู่ในเมนู Creative Filters อันนี้ไม่ได้ทำมาเล่นๆขำๆ เราว่ามันสวยเลยแหละ

ในโหมดเดียวกันจะมี Fish-eye ด้วย อันนี้ถ้าพูดถึงการใช้งานเราว่าเฉยๆ ไม่คิดว่าจะได้ใช้บ่อย

มีโหมด Grainy B/W อันนี้เราชอบเพราะมันเท่ เป็นภาพฟิล์มขาวดำใส่เกรนจัดๆ วันไหนติสแตกก็กดเข้าโหมดนี้เดินถ่ายเล่นรอบๆกรุงได้

นอกจากโหมด Creative Filters ก็จะมีโหมด CA หรือ Creative Auto โหมดนี้จะเป็นการแต่งภาพเบาๆ เช่น เพิ่มความเข้มสี ลดความเข้มสี ปรับอุณหภูมิสี จะมีโหมด Standard, Vivid, Soft, Warm, Monochrome และอื่นๆ

ภาพข้างล่างนี้ถ่ายด้วย Warm — Soft — Standard — Vivid ตามลำดับ เลือกเอาได้ให้เข้ากับสถานการณ์ที่เราจะถ่าย

การถ่ายภาพต่อเนื่อง

รัวสุดที่ 6 ภาพต่อวินาที ความเร็วเท่านี้ครอบคลุมการใช้งานทั่วๆไป แต่ไม่ถึงกับเหมาะเอาไปถ่ายสปอร์ตซะทีเดียว

วิดีโอ

จากที่บอกไปว่าการโฟกัสทำได้ดี เรื่องนี้จึงสนับสนุนงานวิดีโอไปด้วยในตัว นอกจากนี้ยังมีกันสั่นอิเล็กทรอนิกส์(กันสั่นด้วยการครอป)ให้ใช้งาน มีช่องเสียบไมค์ ความละเอียดวิดีโอยังเป็นแบบ Full HD (1920 x 1080 ที่ 60p) ยังไม่มี 4K นะครับ แต่ถ้าถามว่า 4K จำเป็นมั้ย ให้ลองดูคลิป YouTube ที่ความละเอียด 1080(HD) แล้วถามใจตัวเองว่าละเอียดเท่านี้พอมั้ย

แฟลช

มีแฟลชหัวกล้องเด้งขึ้นมาให้ใช้งานได้ และมี Hot-shoe ไว้สำหรับติดตั้งแฟลชแยก

เลนส์คิตตัวใหม่

เลนส์คิตตัวใหม่ของ Canon EOS 800D ถูกดีไซน์ให้มีขนาดที่เล็กลง 20% ครับ ค่าFเริ่มต้นที่F4 ต่างจากรุ่นเก่าที่เริ่มต้นF3.5 แต่รุ่นนี้จะมีกันสั่นที่ดีขึ้น ทางแคนอนเคลมว่ากันสั่นตัวนี้ลดการสั่นไหวได้ประมาณ4สต๊อป

ขนาด น้ำหนัก และการจับถือ

ขนาดมันจะพอๆกับ Mirrorless ตัวใหญ่บางตัวครับ แต่ถ้าเทียบกับ DSLR ด้วยกันนั้นจัดว่าเล็ก น้ำหนักของ Canon EOS 800D อยู่ที่ 532 กรัม วัสดุจับแล้วดูมีความพลาสติกหน่อยนึง คงจะเป็นอะไรที่ต้องแลกมากับน้ำหนักเบาของมัน

Grip จับเข้ามือดีครับ กำลงไปได้เต็มไม้เต็มมือ

ตำแหน่งที่วางนิ้วโป้งยังมีลักษณะบุ๋มๆลงไปนิดนึง ทำให้จับได้ถนัดขึ้นไปอีก ดูเผินๆอาจจะรู้สึกว่าเป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แต่มันทำให้จับง่ายขึ้นจริงๆนะ

แบตเตอรี่

ชาร์จเต็มที่ถ่ายได้ประมาณ600ช็อต(ถ้าใช้ช่องมองภาพ) และ 270ช็อตถ้าใช้ Live-view ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ใช้ช่องมองภาพเป็นหลักจะดีที่สุดนะ

ในกล่องเค้าจะมีที่ชาร์จแยกมาให้ด้วย แบบนี้

Wifi, Bluetooth, NFC

มีให้ใช้แน่นอนครับ สามารถเชื่อมต่อกับมือถือผ่านแอป Canon Camera Connect และส่งภาพได้หลากหลายรูปแบบ

ราคา

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 18–55mm อยู่ที่ 32,900 บาท ราคาจัดว่าอยู่ในหมวดกล้องระดับมือสมัครเล่นได้เลย แต่ถ้าจะเสริมทัพเรื่องเลนส์ เลนส์แคนอนส่วนมากจะไม่แพงครับ

เซ็ตบอดี้พร้อมเลนส์คิต18–55mm มีขายที่ World Camera เท่านั้นนะ

สรุป

เราจะสรุปข้อดีและข้อสังเกตให้นะครับ จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น

ข้อดี

  1. โฟกัสต่อเนื่องได้รวดเร็วดี
  2. หน้าจอทัชสกรีน พลิกได้หลากหลายองศามาก เป็นประโยชน์หลายสถานการณ์
  3. Live-view ไม่ดีเลย์ละนะ
  4. มี Interface ที่คอยสอนการถ่ายภาพ
  5. ใส่ลูกเล่นเข้าไปในภาพได้หลายแบบ
  6. งานวิดีโอจัดว่าใช้ได้ มีระบบกันสั่นอิเล็กทรอนิกส์คอยช่วย มีช่องเสียบไมค์ด้วย
  7. ขนาดเล็กหากเทียบกับตระกูลDSLRด้วยกัน
  8. เลนส์ไม่แพง
  9. กริปทำมาดี จับถือได้เต็มไม้เต็มมือ
  10. เลนส์คิตขนาดเล็ก
  11. แบตค่อนข้างอึดเนื่องจากช่องมองภาพใช้กระจก ไม่ได้กินไฟเหมือนช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์

ข้อสังเกต

  1. การปรับรูรับแสงในโหมด M ต้องกดปุ่ม Av ค้างไว้แล้วหมุน Dial ของความเร็วชัตเตอร์ ไม่ก็ต้องกดปรับบนหน้าจอเอา การปรับในรูปแบบนี้มักจะทำให้การตั้งค่าช้ากว่าการมี Dial แยกออกมาเลย
  2. เล็กนะ แต่ขนาดจะยังพอๆกับ Mirrorless รุ่นใหญ่ๆบางตัว
  3. ช่องมองภาพแบบนี้(Optical) จะไม่แสดงผลของภาพที่ได้ให้ตาเราเห็นนะครับ ต้องหมั่นดูมาตรวัดแสงบ่อยๆว่าแสงมากหรือแสงน้อยไปรึเปล่า แล้วก็อย่าไปทะลึ่งส่องพระอาทิตย์ตรงๆด้วยช่องมองภาพแบบนี้ล่ะ มันจะเหมือนมองพระอาทิตย์ผ่านกระจกนั่นแหละ
  4. ช่องมองภาพครอบคลุมเพียง 95% ของภาพจริง มีเหลื่อมๆบริเวณขอบนิดนึง
  5. ใช้ Live view ถ่ายนานๆละแบตจะหมดเร็ว ดังนั้นควรใช้ Live view เมื่อคราวจำเป็นเท่านั้นพอ
  6. ราคาทะลุ3หมื่น ถ้าถูกกว่านี้ซักหน่อยจะดีมาก
  7. วัสดุภายนอกของบอดี้มีความพลาสติก

นี่เป็นกล้อง DSLR ที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น ผู้ที่ต้องการจะฝึกฝนการถ่ายภาพ และหัดปรับค่าต่างๆเอาเอง เพราะตัวกล้องมีสเปคที่ครอบคลุมการใช้งานทั่วไป มีGuideที่คอยสอนเรา มีฟังก์ชั่นสนับสนุนงานภาพนิ่งและวิดีโอ ใครจะใช้เป็นกล้องประจำครอบครัว หรือสำหรับน้องๆที่เรียนถ่ายภาพ มันโอเคนะ

แต่สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองจริงจังอย่างมากในการถ่ายภาพ อยากจะทำมาหากินด้วยวิชาชีพนี้ หรือคนที่ต้องการจะรีดความสามารถของกล้องออกมาให้เยอะๆ ตัวนี้ยังไม่ใช่คำตอบครับ

จบแล้วกับรีวิวกล้อง Canon EOS 800D ครับ เป็นกล้องที่น่าสนใจตัวนึงเลย ถ้าใครสนใจก็ลองไปเล่นดูก่อนที่ร้านนะครับ ลองจับ ลองถ่ายดูก่อนที่จะลงทุนกับมันนะ

เพื่อนๆสามารถติดตามบทความอื่นๆได้ทาง medium.com/torcnn และมาคอมเมนต์พูดคุยกันได้ทาง facebook , twitter และ instagram นะครับ ก่อนจากกัน ขอลาไปด้วยภาพจาก Canon EOS 800D นะ ถ่ายจากเลนส์คิตและเลนส์ 50mm f1.8

ไว้เจอกันใหม่บทความหน้าเน้อ

--

--

Tor Chanon
torcnn

ต่อ ชานนท์ โตเลี้ยง / Photography Tips and Reviews. Instagram & Twitter : @torcnn