รีวิวเปรียบเทียบ Canon EOS 90D vs Canon EOS M6 II กล้องสองตัวที่เหมือนกัน จะเลือกซื้อตัวไหนดี?

Tor Chanon
torcnn
Published in
6 min readApr 24, 2020

--

“ถ้านึกไม่ออกว่าจะซื้อตัวไหน เรามีคำตอบ!”

สวัสดีครับ เรา @torcnn เอง ☺️

กล้อง Canon EOS 90D และ Canon EOS M6 II เป็นกล้องสองตัวที่ออกมาพร้อมกัน ซึ่งถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะดูต่าง แต่มีความเหมือนกันแบบสุดๆครับ หลายคนจึงเกิดคำถามกันว่า “ถ้าชั้นต้องซื้อสักตัวระหว่างสองตัวนี้ จะเลือกตัวไหนดี?”

เราจึงเขียนรีวิวเปรียบเทียบนี้ขึ้นมาโดยหวังว่าจะทำให้คนอ่านสามารถตัดสินใจเลือกกล้องที่เหมาะกับตัวเองได้มากที่สุดครับ!

และถ้าหากสนใจตัวใดตัวหนึ่ง สามารถไปตามอ่านรีวิวแยกได้ที่นี่ครับ

มีอะไรที่เหมือนกันบ้าง

กล้อง Canon EOS 90D กับ Canon EOS M6 II เป็นกล้องระดับกลางที่ไส้ในคล้ายกันมาก หากมอง Spec Sheet เพียงอย่างเดียว จะรู้สึกว่านี่มันกล้องตัวเดียวกันชัดๆ

เซนเซอร์ตัวเดียวกันเป๊ะ

กล้อง Canon EOS 90D และ Canon EOS M6 II ใช้เซนเซอร์ตัวเดียวกัน ซึ่งเป็นเซนเซอร์ CMOS ขนาด APS-C (x1.6) ความละเอียดที่ 32.5 ล้านพิกเซล กล้องทั้งสองตัวยังดัน ISO ได้ตั้งแต่ 100–25,600 (51,200 Expandable) เหมือนกันอีก

ไฟล์ RAW

เซนเซอร์ตัวเดียวกัน Picture Quality จึงใกล้เคียงกันมากครับ ทั้งไฟล์ RAW และ JPEG เลย การเอาไฟล์จากกล้องสองตัวมาเทียบกันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกออก

ไฟล์ RAW มีความยืดหยุ่นปานกลาง ดึงได้พอสมควร ธรรมชาติของสีจากไฟล์ RAW จะค่อนข้างซีด ต้องดึง Vibrance กับ Saturation กันเยอะหน่อยถ้าอยากได้สีสดๆ

EOS 90D RAW
EOS M6 II RAW
EOS 90D RAW
EOS M6 II

ภาพเหล่านี้ใช้เลนส์ตัวเดียวกัน คือ Canon EF 50mm f1.8 STM นะครับ

JPEG

ไฟล์ JPEG ของ Canon แน่นอนว่าเชื่อถือได้ครับ หากถ่ายในสภาพแสงที่ดีหน่อย แสงส่องถึงและไม่แข็งเกิน มันแทบไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มเลย สกินโทนสวยอยู่แล้ว ปรับแค่แสงก็แทบจะลงได้

ถ้าเราใช้ White Balance เดียวกัน *ย้ำว่า WB เดียวกัน* ภาพมันก็จะออกมาคล้ายๆกันครับ ไม่ได้มีความต่างแบบมีนัยสำคัญอะไร

ภาพแรกจาก EOS 90D ภาพสองจาก EOS M6 II

ระบบประมวลผล Digic 8

ใช้ระบบประมวลผล Digic 8 เหมือนกัน นี่เป็นระบบประมวลผลล่าสุดจาก Canon ซึ่งช่วยให้โฟกัสในที่แสงน้อยได้ดี

การโฟกัส

มีระบบโฟกัสแบบ Dual Pixel CMOS AF ทั้งคู่ ซึ่ง Dual Pixel CMOS AF เป็นชื่อของระบบโฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ของทาง Canon ครับ เป็นระบบโฟกัสที่ช่วยให้จับโฟกัสสิ่งที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วทั้งงานภาพนิ่งและวิดีโอ

สำหรับ Canon EOS 90D ต้องเปลี่ยนเป็น Live View ก่อนนะครับถึงจะใช้ระบบนี้ได้

EOS 90D
EOS M6 II

กล้องทั้ง 2 ตัวยังมีระบบโฟกัสดวงตาแบบเดียวกันด้วย ซึ่งช่วยให้งาน Portrait สามารถจับดวงตาได้แม่นยำขึ้น สังเกตกรอบสีฟ้าๆที่จับอยู่บริเวณรอบๆดวงตาครับ ฟังก์ชั่นนี้ Canon EOS 90D ต้องเปลี่ยนไปใช้ Live View ก่อนเช่นกัน

กล้องทั้ง 2 ตัวสามารถใช้ Dual Pixel AF กับวิดีโอ 4K ได้ ต่างจากกล้องระดับที่สูงกว่ามันอย่าง Canon EOS R, Canon EOS RP ด้วยซ้ำ ที่จะต้องสลับไปใช้ Contrast Detection เมื่อใช้งาน 4K

ความละเอียดของวิดีโอ

กล้องทั้งสองตัวสามารถถ่ายวิดีโอแบบ 4K แบบเต็ม Sensor ได้ ไม่ต้องครอป

หน้าจอแบบสัมผัส

หน้าจอเป็นแบบสัมผัสทั้งคู่ จิ้มปรับค่าได้ทุกอย่าง รวมถึงเลือกจุดโฟกัส

Wifi

ส่งไวไฟเข้ามือถือได้ทั้งคู่ครับ หรือจะอัพโหลดขึ้น cloud โดยตรงก็ยังได้

แฟลช

มีแฟลชในตัว กดแล้วก็จะขึ้นมาแบบนี้

มีอะไรที่ต่างกันบ้าง

ถึงจะดูเหมือนถอดแบบกันมา แต่จริงๆแล้วกล้องทั้งสองมีจุดแตกต่างเยอะอยู่ครับ การตัดสินใจว่าเราจะเลือกกล้องตัวไหนมันอยู่ที่ว่าคุณจะเอาไปใช้งานในรูปแบบไหน ต้องการปัจจัยสำคัญอะไรเป็นพิเศษมั้ย เราจะลิสต์ให้เป็นข้อๆครับ

ประเภทของกล้อง

ความแตกต่างอย่างแรกระหว่างกล้องทั้งสองก็คือ กล้อง Canon EOS 90D เป็นกล้องชนิด DSLR ส่วนกล้อง Canon EOS M6 II เป็นกล้อง Mirrorless ครับ

กล้อง DSLR จะมีกระจกภายในตัวกล้องที่จะคอยสะท้อนภาพขึ้นไปยังช่องมองภาพ ส่วน Mirrorless ก็ตรงตัวตามชื่อ มันไม่มีกระจกข้างใน การดูภาพจะดูได้จากหน้าจออิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ความต่างก็คือ กล้อง DSLR จะสามารถเห็นภาพทันที ไม่มี Lag ผ่านการถ่ายด้วย OVF แต่กล้อง Mirrorless ก็จะเห็นภาพผลลัพท์ที่กล้องจะบันทึกได้ก่อนกดถ่าย ผ่านทาง EVF หรือ Live View (ซึ่งอย่างที่บอกครับ ถ้าเป็น EOS 90D ก็จะสามารถสลับมาใช้โหมด Live View ได้ด้วย)

การจับถือ

โดยรวมกล้อง Canon EOS 90D มีการจับถือที่ดีกว่า Canon EOS M6 II มากครับ ด้วยขนาดกริปที่ใหญ่กว่า ทำให้นิ้วมือทั้งหมดสามารถกำกริปได้แบบเต็มๆ แน่นๆ ช่วยให้รู้สึกมั่นคงเวลาถือ การที่กริปมีขนาดใหญ่ทำให้เมื่อใช้เลนส์เทเลโฟโต้ขนาดใหญ่ บาลานซ์เวลาถือจะดีกว่า สำหรับสายนก สายติ่ง หรือคนที่ใช้กล้องถ่ายงานเป็นระยะเวลานาน เรามองว่า Canon EOS 90D จะเหมาะเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ ปุ่มกดชัตเตอร์ยังอยู่ในลักษณะเอียงลง ช่วยให้กดง่ายยิ่งขึ้น

กริปยื่นออกมาเยอะ จับได้เต็มมือ

อย่างไรก็ตาม กริปของ Canon EOS M6 II ไม่ใช่กริปที่แย่อะไรนะครับ มันมีกริปที่ยื่นออกมาพอสมควร ซึ่งช่วยให้จับถือได้ง่าย เพียงแต่คนที่มือใหญ่หน่อยอาจจะไม่สามารถกำลงไปแบบครบทุกนิ้วได้ บางคนอาจจะกังวลในจุดนี้ แต่สำหรับเรา ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่ามันเป็นขนาดกริปที่เหมาะสมกับขนาดตัวกล้องดีอยู่แล้วครับ

มีกริปยื่นออกมาเช่นกัน แต่มีขนาดเล็กกว่า

ปุ่มและการควบคุมต่างๆ

กล้อง Canon EOS 90D มีปริมาณปุ่มและ Dial ที่เยอะกว่า Canon EOS M6 II มาก ซึ่งช่วยให้การปรับค่ากล้องหรือเรียกใช้ฟังก์ชั่นต่างๆทำได้รวดเร็วกว่า (เฉพาะกรณีที่คุ้นชินปุ่มแล้วในระดับนึง) หากใครต้องการความละเอียดและความรวดเร็วในการปรับ กล้อง Canon EOS 90D น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า

ส่วนกล้อง Canon EOS M6 II มีปริมาณปุ่มน้อยกว่าหลายเท่า ปุ่มทั้งหลายเทไปทางด้านขวาทั้งหมด การควบคุมถูกออกแบบมาให้พึ่งการใช้หน้าจอสัมผัสควบคู่ไปด้วย ถ้าใครมองหา Layout ของปุ่มที่เรียบง่าย ก็ต้อง Canon EOS M6 II นี่แหละครับ

ช่องมองภาพ

หน้าที่หลักของช่องมองภาพก็คือทำให้เราเห็นภาพก่อนที่จะกดถ่ายครับ และในสภาวะที่เจอแดดแรง มีแสงสว่างมากๆจนมองหน้าจอไม่เห็น การส่องช่องมองภาพก็จะแก้ปัญหาตรงนี้ได้เช่นกัน

กล้อง Canon EOS 90D มีช่องมองภาพแบบ Optical Viewfinder ซึ่งเป็นช่องมองภาพที่ทำงานร่วมกับกระจกภายในกล้อง ตัวกระจกด้านหน้าเซนเซอร์จะสะท้อนภาพจากเลนส์ขึ้นไปยังช่องมองภาพเพื่อให้ตาเราเห็นก่อนกดถ่าย

ส่วน Canon EOS M6 II ไม่มีช่องมองภาพในตัว แต่เราสามารถหา Electronic Viewfinder มาติดที่ Hotshoe ด้านบนได้เหมือนกัน

เมื่อติดแล้วก็จะมีหน้าตาแบบนี้ครับ ใช้ช่องมองภาพรุ่น EVF-DC1 หรือ EVF-DC2

หน้าจอ

หน้าจอของ Canon EOS 90D เป็นหน้าจอแบบฟลิปออกด้านข้างและสามารถปรับได้ทุกองศา หน้าจอแบบนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับงานประเภทวิดีโอ รวมถึงภาพนิ่งในสภาวะที่ถ่ายยากๆแทบทุกรูปแบบ

ส่วนหน้าจอของ Canon EOS M6 II เป็นหน้าจอแบบพลิกขึ้น-ลง ดังนั้นการถ่ายมุมช้อนและการถ่ายมุมกดก็จะทำได้ไม่ยาก หน้าจอประเภทนี้จะเหมาะกับงานเซลฟี่ รวมถึงงานประเภท Vlog ก็ด้วย

การแสดงผลบนหน้าจอของกล้องสองตัวนี้ไม่เหมือนกันอยู่นิดนึง สีที่แสดงบน Canon EOS M6 II จะสดและมีคอนทราสต์ที่สูงกว่า ส่วนบน Canon EOS 90D ภาพจะนวลๆ คอนทราสต์ต่ำกว่านิดหน่อย

การถ่ายภาพต่อเนื่อง

ถึงแม้ไส้ในจะคล้ายกัน แต่สเปคก็ยังมีความแตกต่างเล็กๆซ่อนอยู่ครับ

  • กล้อง Canon EOS 90D ถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุดที่ 10 ภาพต่อวินาที(ถ้า Fix จุดโฟกัส จะได้มากสุดที่ 11 ภาพต่อวินาที)
  • กล้อง Canon EOS M6 II สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุดที่ 14 ภาพต่อวินาที จัดว่ารัวมากสำหรับกล้องระดับนี้

นอกจากนี้กล้อง Canon EOS M6 II ยังมีฟังก์ชั่นพิเศษ เรียกว่า RAW Burst ที่สามารถถ่ายได้ 30 ภาพใน 1 วินาที เราสามารถเลือกภาพแบบเฟรมต่อเฟรม เพื่อให้ไม่พลาดโมเมนต์ที่สำคัญๆ

วิดีโอ

Canon EOS 90D มี Crop 4K Mode ที่เหมือนกับช่วยให้เราได้ช่วงเลนส์อีกช่วงหนึ่ง อันนี้จะเป็นประโยชน์เวลาเราใช้เลนส์ฟิกซ์ครับ

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง PowerZoom Adapter PZ-E1 ที่เอาไว้ใช้กับเลนส์ EF-S 18–135mm f/3.5–5.6 IS USM (NANO) เพื่อให้เราสามารถซูมเลนส์ใกล้ไกลได้ด้วยความเร็วคงที่ด้วยการซูมแบบไฟฟ้า แทนการซูมด้วยมือหมุน ซึ่งทำให้วิดีโอดูลื่นไหลดูไม่สะดุดในจังหวะที่เราซูมเลนส์ (แต่ต้องหาซื้อแยกมาใช้งานนะครับ)

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ของ Canon EOS 90D มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งส่งผลให้แบตมันอึดกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ช่องมองภาพยังเป็นแบบ Optical ซึ่งใช้กระจกสะท้อนเอา ดังนั้นมันจึงไม่กินแบตเตอรี่ด้วย

ใครที่มองหากล้องที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง ถ่ายวิดีโอนานๆ ถ่ายภาพทีละเยอะๆ เราว่า Canon EOS 90D ยังไงก็เป็นทางเลือกที่เหมาะกว่าครับ

ขนาดตัว

เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนเลือกกล้อง Canon EOS M6 II คือมันมีน้ำหนักบอดี้ที่เบาเพียง 408 กรัม ขนาดตัวเล็ก พกไปได้ทุกที่ เอาใส่กระเป๋าใบเล็กๆได้ ไม่ลำบาก อยากเดินตัวลอยๆหน่อยก็ต้องจัดตัวนี้ครับ ยังไงก็ต้องเป็นตัวนี้!

อีกเรื่องที่สำคัญแต่คนมักจะมองข้าม คือ กล้องเล็กๆจะมีรังสี “คุกคาม” ที่น้อยกว่ากล้องขนาดใหญ่เสมอ เวลาเอาไปถ่ายใครต่อใคร เช่น การถ่ายชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การถ่ายสตรีท ผู้ถูกถ่ายจะรู้สึกเกร็งน้อยกว่าครับ แสดงออกเป็นธรรมชาติมากขึ้น โอกาสโดนปฏิเสธไม่ให้ถ่ายภาพก็น้อยกว่าด้วย

ส่วน Canon EOS 90D มีน้ำหนัก 701 กรัม ต่างกันเยอะอยู่ ขนาดตัวเมื่อเทียบกันก็คนละไซส์ ด้วยขนาดของมันทำให้บางคนอาจจะพามันออกไปเที่ยวทุกวันไม่ได้

เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ไปจับของจริงดูที่ร้านเลย จริงๆแล้วกล้อง Canon EOS 90D ก็ไม่ใช่กล้องที่ใหญ่โตอะไรสำหรับคลาส DSLR แต่สำหรับคนที่ไม่เต็มใจจะแบก มันก็ยังเป็นกล้องที่ใหญ่เกินไปอยู่ดี

มุมมองด้านหน้าเมื่อเทียบกัน

มุมมองด้านบน เปรียบเทียบขนาดให้ดูครับ

การเชื่อมต่อ

กล้องทั้งสองมีช่องเสียบไมค์กับช่องเสียบรีโมตเหมือนกัน สิ่งที่ต่างคือ Canon EOS 90D มีช่อง Mini HDMI (USB 2.0) ส่วน Canon EOS M6 II จะใช้ช่อง Micro HDMI

กล้อง Canon EOS 90D มีช่องเสียบหูฟังในขณะที่ Canon EOS M6 II ไม่มี แน่นอนว่าเรื่องนี้ส่งผลกับการมอนิเตอร์เสียงในวิดีโอครับ ถ้าเป็นการถ่ายวิดีโออย่างจริงจัง แน่นอนว่าคุณจะต้องการช่องเสียบหูฟังของ Canon EOS 90D ด้วย แต่ถ้าคุณแค่จะถ่าย Vlog ขำๆ เอาตรงๆคือมันไม่ต้องใช้ก็ได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Canon EOS M6 II มี แต่ Canon EOS 90D ไม่มี คือ USB Type-C อันนี้ออกจะน่าแปลกใจซักหน่อยที่ Canon EOS 90D ไม่ใส่มาให้ด้วย 😅

Weather Sealing

กล้อง Canon EOS 90D มีระบบ Weather Sealing นั่นหมายความว่าหากเราต้องนำกล้องไปถ่ายในสภาพอากาศที่ย่ำแย่ อย่างเช่น ฝนตก Canon EOS 90D ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ

เลนส์คิต

เลนส์คิตของกล้องทั้ง2ตัวไม่เหมือนกันครับ แค่ช่วงเลนส์ก็ต่างกันแล้ว

  • เลนส์คิตของ Canon EOS 90D คือ 18–55mm f3.5–5.6
  • เลนส์คิตของ Canon EOS M6 II คือ 15–45mm f3.5–5.6

พูดง่ายๆคือเลนส์คิตของ Canon EOS M6 II เก็บภาพได้มุมกว้างกว่าของ Canon EOS 90D และเลนส์คิตของ Canon EOS 90D ซูมได้ระยะไกลกว่า Canon EOS M6 II

จำนวนเลนส์ใน System

แน่นอนว่า Canon EOS 90D มีเลนส์ให้เลือกใช้มหาศาลกว่า Canon EOS M6 II เพราะมี Native Lens เยอะกว่า อย่างไรก็ตาม Canon EOS M6 II สามารถติด Adapter เพื่อใช้เลนส์ของกล้อง DSLR ได้เช่นกัน โดยความเร็วโฟกัสไม่ด้อยลงเลย

ราคา

Canon EOS 90D

  • เฉพาะบอดี้ ราคา 41,900 บาท
  • แพ็กเกจควบเลนส์ EF-S 18–55mm f/3.5–5.6 IS STM ราคา 46,900 บาท
  • แพ็กเกจควบเลนส์ EF-S 18–135mm f/3.5–5.6 IS USM (NANO) ราคา 56,900 บาท

Canon EOS M6 Mark II (รุ่นนี้ทางแคนนอนเค้าไม่ได้ขายแยกเฉพาะตัว Body)

  • แพ็กเกจควบเลนส์ EF-M 15–45mm f/3.5–6.3 IS STM ราคา 35,900 บาท
  • แพ็กเกจควบเลนส์ EF-M 18–150mm f/3.5–5.6 IS STM ราคา 46,900 บาท

สรุป

เราขอสรุปเหตุผลสั้นๆในการเลือกซื้อกล้องแต่ละตัวที่ด้านล่างนี้นะครับ กล้องทั้งสองมีจุดแข็งที่ต่างกันออกไป ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนละกลุ่ม ให้มองว่าตัวเองจะใช้งานแบบไหนเป็นหลัก แล้วจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเองครับ

เหตุผลให้ไป Canon EOS 90D

  1. การจับถือออกแบบมาดี แน่นเต็มไม้เต็มมือ
  2. หน้าจอพลิกได้ครบทุกองศา
  3. แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน เหมาะกับการทำงานที่ต่อเนื่อง
  4. มีช่องมองภาพในตัว เป็นแบบ optical (อันนี้น่าจะถูกใจสายติ่ง สายอีเว้นท์ สายแอคชั่นที่ต้องการความไวของช่องมองภาพ พร้อมใช้งานทันที)
  5. มีปุ่มควบคุมครบครัน
  6. บอดี้ทนฝุ่นและละอองน้ำ
  7. Mini HDMI
  8. เลนส์ Native ให้เลือกใช้มีเยอะมาก
  9. เสียงชัตเตอร์สะใจกว่า (เอาตรงๆอาจจะดูไร้สาระ แต่คนที่ชอบเสียง เพี๊ยะ! เวลากดชัตเตอร์มันก็มีเยอะครับ 555)
  10. มีความ Professional สูงกว่าในแง่ภาพลักษณ์

เหตุผลให้ไป Canon EOS M6 II

  1. ขนาดที่เล็กและเบา พกพาง่าย พาไปได้ทุกที่
  2. ถ่ายต่อเนื่องได้รัวกว่า
  3. การควบคุมที่ไม่ยุ่งวุ่นวาย
  4. ราคาถูกกว่า
  5. USB Type-C
  6. มีความคุกคามน้อยกว่ากล้องขนาดใหญ่ เมื่อนำไปถ่ายในบางสถานการณ์
  7. การใช้ช่องมองภาพแบบ Electronic จะแสดงผล Exposure ก่อนกดชัตเตอร์ให้เห็น ตาเราเห็นแสงเป็นแบบไหน กดชัตเตอร์มาก็ได้ภาพแบบนั้นเลย ต่างจากการใช้ช่องมองภาพแบบ Optical ที่จะไม่แสดงผล Exposure ให้ตาเห็นก่อนถ่าย

เท่านี้ครับกับการเปรียบเทียบกล้อง Canon EOS 90D กับ Canon EOS M6 II ทั้งสองเป็นกล้องที่มีความเหมือนกันมากในหลายจุด แต่ก็ถูกออกแบบมาสำหรับคนละกลุ่ม ดังนั้นเราไม่สามารถฟันธงได้ว่ากล้องตัวไหนดีกว่ากันครับ คนตัดสินคือผู้อ่าน ว่าคุณต้องการกล้องไปใช้งานในรูปแบบไหน

เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ขอให้ได้กล้องที่ถูกใจ และมีความสุขกับการถ่ายภาพนะครับ 😄

--

--

Tor Chanon
torcnn

ต่อ ชานนท์ โตเลี้ยง / Photography Tips and Reviews. Instagram & Twitter : @torcnn