คู่มือใช้งานกล้อง Canon EOS M10 สำหรับมือใหม่หัดเล่น

Tor Chanon
torcnn
Published in
8 min readDec 23, 2016

--

— หากใครมี Canon EOS M10 อยู่ในมือแต่ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร บทความนี้จะช่วยเธอเอง! —

สวัสดีครับ ก่อนหน้านี้เราทราบมาว่าหลายๆคนได้ซื้อ Canon EOS M10 มาเล่น แต่ดั๊นนนนปรับอะไรไม่ค่อยเป็น เรา @torcnn จึงอาสาเขียนบทความนี้ขึ้นเพื่อช่วยชีวิตทุกท่าน หากมือใหม่คนไหนอยากจะอ่านเฉพาะบางเรื่องที่ตัวเองอยากทราบก็ทำได้ เพราะเราลิสต์เอาไว้ให้เป็นข้อๆนะจ๊ะ

  1. รู้จักกล้อง Canon EOS M10
  2. การถอดเปลี่ยนเลนส์
  3. รู้จักปุ่มต่างๆ
  4. แนะนำเมนูในกล้อง
  5. อยากถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ทำยังไงดี
  6. มีเลนส์อะไรให้เล่นบ้าง แต่ละตัวเหมาะถ่ายแนวไหน
  7. มีเลนส์ DSLR Canon อยู่แล้ว เอามาใช้ด้วยกันได้มั้ย
  8. วิธีเล่นกับสารพัดโทนสี
  9. ถ่ายคนกลางคืนยังไงให้รอด
  10. วิธีโฟกัสภาพให้แม่นยำ
  11. วิธีต่อ Wifi กับมือถือ ส่งรูปหรือใช้เป็นรีโมตชัตเตอร์
  12. อยากจับถนัดขึ้น? ซื้อเคสมาใส่สิ

หัวข้อทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับผม ตั้งสตินิดนึง แล้วมาเริ่มกันเล้ย

1. รู้จักกล้อง Canon EOS M10

กล้อง Canon EOS M10 เป็นกล้องชนิด Mirrorless ครับ เซนเซอร์ของกล้องตัวนี้มีขนาด APS-C จุดเด่นของเค้าคือมีปุ่มน้อยไม่วุ่นวาย จอทัชสกรีน และสามารถฟลิปจอเพื่อเซลฟี่ได้ เป็นกล้องที่เหมาะกับสาวๆที่ไม่ได้มีความจริงจังในการถ่ายภาพมากนัก แต่ก็ยังอยากได้ไฟล์ภาพถ่ายที่โอเคอยู่

  • กล้อง Mirrorless คือกล้องที่ไม่มีกระจกภายในตัวกล้อง ทำให้ตัวกล้องมีขนาดเล็กกว่าพวกกล้องใหญ่ๆที่มีกระจกอย่าง DSLR ครับ
  • เซนเซอร์ขนาด APS-C เป็นเซนเซอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าเซนเซอร์ฟูลเฟรม1.5–1.6เท่า แต่ยังเป็นขนาดเซนเซอร์ที่ให้คุณภาพของภาพที่ดี เหลือเฟือต่อการใช้งานทั่วๆไปในชีวิตประจำวันนะจ๊ะ
Sensor APS-C

เซนเซอร์ APS-C บนกล้อง Canon EOS M10 เป็นเซนเซอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าฟูลเฟรม 1.6 เท่าครับ ทำให้เวลาเราเอาเลนส์อะไรก็ตามมาติด เราจำเป็นที่จะต้องคูณระยะที่แสดงบนเลนส์ไปอีก1.6

ยกตัวอย่างนะ

  • เอา Canon EOS M10 ติดกับเลนส์ 22mm f2 ระยะของภาพที่เราจะได้คือ 22 x 1.6 = 35.2mm
  • เอา Canon EOS M10 ติดกับเลนส์ 15–45mm f3.5–6.3 ระยะของภาพที่เราจะได้คือ 15–45 x 1.6 = 24–72mm

ยิ่งเลขน้อยก็จะยิ่งได้มุมกว้าง ยิ่งเลขเยอะก็จะยิ่งได้มุมแคบ ซึ่งแต่ละตัวเลขจะเหมาะกับการถ่ายสิ่งที่แตกต่างกันออกไปครับ เดี๋ยวจะเห็นภาพมากขึ้นเมื่อเข้าสู่หัวข้อที่4นะ

2.การถอดเปลี่ยนเลนส์

กล้อง Mirrorless อย่าง Canon EOS M10 เป็นกล้องที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ ทีนี้หลายๆคนอาจจะยังใหม่กับการเปลี่ยนเลนส์ไปมา (เราเข้าใจ เราเองก็เคยงงมาก่อน 555) ดังนั้นเราจะอธิบายเรื่องนี้ให้อ่านกันครับ

ก่อนที่จะเปลี่ยนเลนส์ ให้เราวางอุปกรณ์ทุกอย่างบนโต๊ะหรือบนพื้นนะครับ ถ้าเป็นไปได้ให้เปลี่ยนเลนส์ในที่ที่ไม่มีลมพัด(ป้องกันไม่ให้อะไรลอยเข้าไปติดในเซนเซอร์) ถ้าใครยังไม่ชำนาญ อย่าทำทุกอย่างด้วยมือกลางอากาศ ถ้าเลนส์หรือกล้องหล่นแล้วจะหมดสนุกเอาได้

เริ่มที่ปุ่มกลมๆด้านขวาของเลนส์ครับ ปุ่มนี้คือปุ่มที่เอาไว้ให้เรากดเพื่อหมุนถอดเลนส์ ให้เรา(1)กดปุ่มนี้ค้างไว้ (2)หมุนเลนส์ทวนเข็มนาฬิกา (3)จากนั้นก็ดึงออก เลนส์ก็จะหลุดออกมาจากตัวกล้อง

กดปุ่มนี้ค้าง แล้วหมุนเลนส์ทวนเข็ม

และเมื่อต้องการจะใส่เลนส์ ตามภาพข้างล่าง จุดสีขาวๆจะเป็นตัวบอกเราว่า เราควรจะหันด้านไหนของเลนส์มาเสียบกับกล้องครับ บนตัวเลนส์จะมีเครื่องหมายจุดกลมๆสีขาวแบบนี้เหมือนกัน ทำตามภาพเลย (1)พอเสียบเข้าไปให้ตรงจุดสีขาวปุ๊บ (2)จากนั้นก็หมุนเลนส์ตามเข็มนาฬิกาให้ลงล็อก ไม่ยากเนอะ

3.รู้จักปุ่มต่างๆ

Canon EOS M10 เป็นกล้องที่ปุ่มน้อยโคตรๆครับ ไม่ต้องห่วงเลยว่าชีวิตจะยาก เดี๋ยวเราจะแนะนำให้ว่าชีวิตนี้ต้องกดปุ่มไรบ้าง

ด้านบนขวาสุดของกล้องจะมีปุ่มอัดวิดีโอ(ปุ่มที่มีจุดแดงๆ) ถัดมาทางซ้ายก็จะเป็นปุ่มชัตเตอร์ รอบๆปุ่มชัตเตอร์จะมี Dial หมุนๆไว้ให้เราปรับค่าต่างๆ ถ้าเราออโต้ทั้งชีวิตก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันครับ แต่ถ้าเกิดอยากจะปรับค่าต่างๆเช่นความเร็วชัตเตอร์หรือรูรับแสงเอง ไอ้ปุ่มหมุนๆเนี่ยได้ใช้ตลอดแหละ

ข้างๆปุ่มชัตเตอร์ถัดมาทางซ้ายเราจะเห็นเป็นปุ่มเปิด/ปิด หุ้มด้วย Dial ที่สามารถปรับได้3ระดับ มีเครื่องหมายกำกับอยู่3อย่าง คือรูปกล้องวิดีโอ กล้องสีดำ กับรูปตัวAสีเขียวๆ

  • รูปกล้องวิดีโอ แน่นอน โหมดนี้คือโหมดวิดีโอ
  • รูปกล้องสีดำ อันนี้เอาไว้ถ่ายภาพแบบปรับค่าเองได้ ไม่ว่าจะเป็นโหมด M, Av, Tv, P และอื่นๆ
  • รูปตัว A สีเขียวๆ มีเครื่องหมายบวกกำกับ อันนี้คือโหมดออโต้ หากขี้เกียจก็ใช้โหมดนี้แล้วให้กล้องคิดไปเลย จบครับ

มาดูที่ด้านหลังกล้องกันบ้าง อธิบายไว้แล้วตามภาพครับ

ด้านซ้ายของกล้องจะมีปุ่มแฟลช เลื่อนแล้วแฟลชจะเด้งขึ้นมา

เท่านี้เอง ไม่มีอะไรยากเลยเนอะ จริงๆเล่นไปเรื่อยๆก็จะจำได้หมดเองนะ ลองกดปุ่มนั้นปุ่มนี้ดู แล้วเราจะค่อยๆซึมซับครับ

4.แนะนำเมนูสำคัญๆในกล้อง

เมนูของกล้อง Canon จะแบ่งหมวดหมู่ชัดเจนด้วยสีสัน แต่หลักๆแล้วเราจะวนอยู่กับเมนูสีแดงเนี่ยแหละครับ ได้ใช้บ่อยสุด เพราะมันเป็นเมนูที่ดูแลเกี่ยวกับการถ่ายภาพทั้งหมด

เวลาเราอยากเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพเนี่ยให้เรากดปุ่มเมนูแล้วไปที่ Rec. Mode จะมีโหมดหลักๆอยู่4โหมดให้เลือก คือ

  • M คือปรับทุกอย่างเองตั้งแต่ความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง และISO
  • Av คือปรับรูรับแสงเอง มีผลกับการทำหน้าชัดหลังเบลอ หรือหน้าชัดหลังชัด
  • Tv คือปรับความเร็วชัตเตอร์เอง เหมาะเอาไว้ปรับถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหว
  • P คือจะคล้ายๆออโต้ แต่เรามานั่งปรับระดับแสงที่เราต้องการเองได้

นอกจากโหมด M, Av, Tv และ P ยังมีโหมดการถ่ายภาพอื่นๆให้เล่นด้วย

ถัดมา เมนู Image Quality จะเป็นตัวกำหนดขนาดและไฟล์ภาพของเรา ถ้าอยากได้ภาพขนาดใหญ่ก็เอาไซส์L อยากได้เล็กๆถ่ายขำๆไม่เปลืองเม็มก็เอาไซส์Sพอ เราสามารถตั้งให้กล้องถ่ายไฟล์RAWได้ด้วยนะ ถ้าคิดว่าจะเอาไฟล์ไปลองดึงๆเล่นต่อในโปรแกรมแต่งภาพ แต่ไฟล์มันจะค่อนข้างใหญ่เลยแหละ

ส่วนอันนี้เป็นเมนูสุดท้ายที่เราจะพูดถึงละ นั่นก็คือ Still Image Aspect Ratio อันนี้จะเป็นการปรับขนาดกว้างคูณยาวของภาพ เราสามารถปรับได้4แบบคือ 16:9, 3:2, 4:3 และ 1:1

ค่าที่เราแนะนำคือ 3:2 เพราะพวก 16:9 หรือ 1:1 มันจะเป็นภาพที่ถูกครอปมาจากขนาด 3:2 อีกที

5.อยากถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ทำยังไงดี

เรารู้ว่านี่ความประสงค์ของมือใหม่หลายๆคน แต่ก่อนจะถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ควรมีความเข้าใจสักนิดเกี่ยวกับการตั้งค่าและอุปกรณ์ที่เลือกใช้ หลักของการทำหน้าชัดหลังเบลอง่ายๆมีดังนี้ครับ

  • รูรับแสงของเลนส์กว้าง (ค่าfต่ำ)
  • ทางยาวโฟกัส(ระยะ)ของเลนส์ยิ่งไกลยิ่งเบลอหลังได้มาก
  • กล้องอยู่ใกล้วัตถุมากเท่าไรยิ่งเบลอหลังได้ดี
  • วัตถุอยู่ไกลฉากหลังเท่าไร หลังยิ่งเบลอได้มาก
  • ยิ่งถ่ายอะไรขนาดเล็ก ยิ่งเบลอหลังได้ดี

เราจะอธิบายแต่ละปัจจัยนะครับ ค่อยๆอ่านทำความเข้าใจนะ ไม่ต้องรีบ

เมื่อเห็นปัจจัยข้างต้นแล้ว ข้อแรกเลยที่ควรคำนึงถึงเวลาเราเลือกเลนส์มาถ่ายหน้าชัดหลังเบลอคือควรเริ่มจากการหาเลนส์ที่ค่า f ต่ำๆหน่อย ซึ่งถ้าค่า f ยิ่งน้อย(รูรับแสงกว้าง) แปลว่าเลนส์มันยิ่งมีความสามารถในการทำหลังเบลอได้ดี เวลาถ่ายเราก็ตั้งค่ารูรับแสงให้กว้างๆหน่อย จะใช้โหมดMหรือAvก็ได้

นอกจากนี้หากว่าเราใช้เลนส์ที่มีค่าทางยาวโฟกัสสูงๆ (ค่านี้จะมีหน่วยเป็น mm ดูได้จากบนตัวเลนส์เลยครับ) ก็จะมีผลให้เราได้ภาพที่หลังเบลอได้ง่ายขึ้นเช่นกัน เรื่องทางยาวโฟกัสเนี่ยมีผลกับการเบลอหลังอย่างมากเลยนะ

เมื่ออุปกรณ์เรื่องเลนส์เราพร้อมแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของ Position การยืนของเรา + การจัดวางวัตถุ + การเผื่อพื้นที่ให้ฉากหลังครับ พยายามให้กล้องอยู่ใกล้วัตถุ และเว้นพื้นที่ฉากหลังเยอะๆ เราก็จะมีโอกาสได้ภาพที่เบลอหลังได้ดีครับ

สุดท้ายคือเรื่องขนาดของวัตถุ ยิ่งอันเล็ก ก็จะยิ่งเบลอหลังได้ง่าย มือใหม่หัดถ่ายหลังเบลอ ลองเริ่มจากการหยิบพวกตุ๊กตุ่นตุ๊กตาตัวเล็กๆออกไปถ่ายเล่นดูก่อนได้ครับ

6.มีเลนส์อะไรให้เล่นบ้าง แต่ละตัวเหมาะถ่ายแนวไหน

เลนส์ Mirrorless จากค่าย Canon เนี่ยมีชื่อเรียกว่า EF-M นะครับ จำชื่อนี้ไว้ เลนส์ตัวไหนได้ชื่อว่า EF-M ปุ๊บ กล้อง Canon EOS M10 ของเราใส่ได้หมดเลย

น่าเสียดายที่เลนส์ EF-M ยังมีมาให้ชาว Canon เลือกกันไม่เยอะเท่าไหร่ครับ ด้วยความที่ค่าย Canon เขาเพิ่งจะมาเอาจริงเอาจังกับตลาดกล้อง Mirrorless ได้ไม่นาน ยังไงก็ตามถึงแม้จะมีเลนส์ให้เลือกไม่มาก แต่ว่าเลนส์แต่ละตัวนี่ราคาถูกสุดๆ ลองไปเทียบกับเลนส์Mirrorlessค่ายอื่นๆดูได้ ค่ายCanonนี่ราคาแบบ …หืมมมม ถูกไปไหน

  • 15–45mm f3.5–6.3

อันนี้เป็นเลนส์ที่มากับกล้อง M10 ของเราครับ วัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทั่วไป ไม่ได้เน้นหนักด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ อย่าดูถูกเลนส์ที่ติดมากับกล้องนะ เมื่อใช้เลนส์นี้ไปสักพัก เราจะรู้ความต้องการของเราว่าต่อๆไปเราจะต้องการเลนส์ประเภทไหนมาใช้งาน จะว่าเป็นเลนส์ครูเลยก็ได้

  • 11–22mm f4 – 5.6

นี่คือเลนส์ซูมมุมกว้างที่กว้างที่สุดที่ Canon มีเลยแหละ เป็นเลนส์ที่เราชอบที่สุดในทุกๆเลนส์ของ Canon EF-M เลย ให้มุมกว้างมากๆ เหมาะใช้ในการถ่ายทิวทัศน์ระยะประชิด ถ่ายInterior หรือถ่ายคนให้ดูขายาวๆก็ได้ เลนส์ตัวนี้ถ้ารู้มุมหน่อยและเอาไปถ่ายผู้หญิง หุ่นจะออกมานางแบบมากเลยครับ แต่ถ้าใช้มุมกว้างเกินหรือถ้ายผิดมุม บางทีอาจจะออกมาขาตะเกียบหรือรูปร่างบิดเบี้ยวได้ ต้องระมัดระวังในการใช้นิดนึงนะ

  • 55–200mm f4.5–6.3

อันนี้เป็นเลนส์เทเลโฟโต้(เลนส์ที่เอาไว้ถ่ายอะไรที่อยู่ไกลๆ) จะเอาไปถ่ายคน ถ่ายแคนดิด ถ่ายวิวระยะไกลๆ นี่เป็นเลนส์ที่ซูมได้ระยะไกลที่สุดของ Canon EF-M ตอนนี้ เลนส์นี้สามารถใช้เบลอหลังได้ประมาณหนึ่งหากซูมไกลสุดที่ระยะ 200mm ครับ

  • 22 mm f2

นี่เป็นเลนส์ฟิกซ์ที่เราเชียร์สุดๆเลยครับ มุมภาพของเลนส์ตัวนี้จะค่อนข้างกว้าง คูณ1.6ได้ระยะจริงประมาณ35mm ซึ่งเป็นช่วงที่ถ่ายง่ายบรมเลย และf2ก็ทำให้เราสามารถเบลอหลังได้ประมาณหนึ่ง ตัวนี้ใช้เป็นเลนส์ติดกล้องได้เลย เพราะมันจะเอาไปถ่ายอะไรก็ได้ วัตถุก็ถ่ายง่าย ถ่ายคนก็โอเค ทิวทัศน์ก็พอไหว เราแนะนำว่าเป็นเลนส์ที่ผู้ใช้ Mirrorless Canon ควรมีไว้เลย ด้วยความที่มันมีโอกาสถูกหยิบออกมาใช้เยอะมากแถมราคามันโคตรถูกอีกด้วย (หากใช้ยี่ห้ออื่นและอยากได้เลนส์ฟิกซ์ช่วงนี้นี่มีทะลุหมื่นสองหมื่นแน่นอน)

  • 28 mm f3.5 Macro

เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์มาโคร คำว่ามาโครเนี่ยคือการถ่ายวัตถุที่มีขนาดเล็กจิ๋วๆ เลนส์มาโครจะได้เปรียบกว่าเลนส์อื่นๆตรงที่มันสามารถโฟกัสวัตถุระยะใกล้ๆได้ ปกติเวลาใช้เลนส์มาโคร คนมักจะใช้รูรับแสงแคบๆหน่อย เพื่อไม่ให้เกิดการเบลอหลังมากเกินไป จึงประสบปัญหาแสงไม่พอในบางครั้ง แต่ความคูลของเลนส์ตัวนี้คือมันมีไฟมาให้ที่หน้าเลนส์เลย เปิดปิดได้ สามารถเปิดไฟได้2ระดับด้วย

อันนี้เราถ่ายหยดน้ำมา หยดนี้เล็กมากเลยนะ แต่เลนส์นี้ถ่ายได้ (รูปนี้ผ่านการcropนิดหน่อย)

  • 18–55mm f3.5–5.6

ตัวนี้เป็นเลนส์ที่มากับกล้อง แต่ไม่ได้มากับกล้อง Canon EOS M10 นะ มันมากับกล้องรุ่นพี่อย่าง Canon EOS M3 การนำไปใช้งานจะคล้ายๆเลนส์คิต 15–45mm f3.5–6.3 ของ Canon EOS M10 ครับ คือใช้เอาไปถ่ายทั่วๆไป ถึงแม้เขาจะไม่ได้แถมมากับ M10 แต่หากใครมีเลนส์ตัวนี้ก็สามารถนำมาใช้กับ M10 ได้อย่างเต็มระบบ

  • 18–150mm f3.5–6.3

เป็นเลนส์ซูมสารพัดประโยชน์ เพราะมันครอบคลุมตั้งแต่ช่วงกว้างไปจนช่วงซูมระยะไกลๆ เอาเป็นว่าวัตถุที่เราถ่ายอยู่ตรงไหน จะใกล้จะไกล เจ้าเลนส์ตัวนี้ก็เก็บได้สบาย เลนส์ตัวนี้เรายังไม่เคยลองนะครับ เลยไม่มีภาพมาให้ชมกัน

รวมๆแล้วเรื่องเลนส์ถึงจะมีให้เลือกยังไม่มากนัก แต่เลนส์ Canon EF-M ยังคงมีการพัฒนารุ่นใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ณ วันนึงมันจะครบช่วงตามความต้องการแน่นอน

7.มีเลนส์ DSLR Canon อยู่แล้ว เอามาใช้ด้วยกันได้มั้ย

คำตอบคือได้ แต่ต้องมี Adapter นะครับ เรารู้ว่าที่บ้านหลายๆคนมีคุณพ่อ พี่ชาย หรือคุณสามีที่เล่นกล้องมาก่อน และในตู้เก็บของที่บ้านนั้นเรียงรายไปด้วยเลนส์จากค่าย Canon หากมือใหม่ขี้เกียจไปซื้อเลนส์ให้เปลืองตัง อยากใช้เลนส์ที่ที่บ้านมีอยู่แล้วก็ซื้อAdapterตัวเดียว จบข่าว ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมอีกเลย

วิธีใช้งานก็ไม่ยาก แค่ติดAdapterไว้ที่กล้อง เราก็ใช้เลนส์ของ DSLR Canon ได้ละ

8.วิธีเล่นกับสารพัดโทนสี

อันนี้เป็นเรื่องที่ Canon EOS M10 เน้นอย่างหนักหน่วงมาก คือเรื่องการเล่นกับโทนสีต่างๆ ไม่รู้ตอนซื้อมาเพื่อนๆได้ทดลองใช้กันบ้างรึเปล่านะ นอกจากจะมีลูกเล่นเรื่องโทน มันยังสามารถเซฟโทนนั้นๆให้เพื่อนได้ เดี๋ยวเราจะค่อยๆอธิบายเป็นส่วนๆ

  1. ปรับโทนสีของตัวเอง+เซฟค่าเอาไว้ใช้ต่อ
  2. เซฟโทนสีที่แคนอนมีให้บนหน้าเว็บ
  3. แชร์โทนสีให้เพื่อน

เริ่มเลยนะ

1.ปรับโทนสีของตัวเอง+เซฟค่าเอาไว้ใช้ต่อ

ให้เรากดเข้าMenu > Rec. Mode > เลือก Creative Assist (เมนูภาษาไทยจะใช้คำว่า “ช่วยภาพสร้างสรรค์” 5555 ตรงตัวเฟร่อ)

เราจะเห็นตัว Q อยู่ทางด้านขวาบน เมื่อกดปุ่มนี้แล้ว เราจะสามารถปรับแต่งภาพได้ตั้งแต่ก่อนถ่ายเลย

ซึ่งสิ่งที่เราปรับได้จะมี

  • Exposure : ความสว่าง
  • Contrast : ความตัดกันระหว่างส่วนมืดและส่วนสว่าง
  • Saturation : ความสดของสี
  • Color Tone : โทนเย็น/โทนอุ่น

การปรับภาพตั้งแต่ในกล้องเลยจะช่วยให้ขั้นตอนการแต่งภาพของเราลดลงไปเยอะเลยครับ หลายๆคนเวลาลงรูปจะชอบคุมโทนกันอยู่แล้ว ฟังก์ชั่นนี้ก็ทำให้ง่ายขึ้นต่อการคุมโทนด้วย

ถ้าเราตั้งค่าแล้วเราชอบ เราสามารถเซฟค่านี้ไว้ใช้งานต่อได้ด้วยการคลิกที่ซ้ายบน รูปกล้องที่มีดาวครับ

2.เซฟโทนสีที่แคนอนมีให้บนหน้าเว็บ

โทนของภาพพวกนี้จะเป็นโทนภาพที่ทางแคนอนจัดให้เองเลยครับ เราสามารถเซฟมาใช้ได้เลย เริ่มที่การเข้าเว็บด้านล่างนี้

จากนั้นให้เลื่อนลงไปดูข้างล่างสุด จะเห็นว่ามีรูปอยู่ทั้งหมด10รูป 10โทน ชอบโทนไหนก็กดเข้าไปดูแล้วเซฟรูปนั้นลงคอม เสียบ SD Card เข้ากับคอม แล้วก็ย้ายรูปนั้นเข้าไปใน SD Card ของเรา

ชอบโทนไหนก็เซฟรูปนั้นเข้า SD Card ไปเลย

เมื่อเราเอา SD Card ใส่กลับเข้าไปในกล้อง ให้เรากดดูรูป จากนั้นก็กดปุ่มSET(ปุ่มกลาง) และกด Apply Setting (ไอคอนรูปกล้องที่มีดาว) เท่านั้นแหละ โทนภาพนั้นก็จะถูกเซฟไว้ในเครื่อง Canon EOS M10 ของเราแล้ว

3.แชร์โทนสีให้เพื่อน

ถ้าเราใช้ Canon EOS M10 และมีเพื่อนใช้ Canon EOS M10 เหมือนกัน เราจะสามารถส่งโทนสีให้เพื่อนใช้ได้ครับ วิธีการไม่ยากเลย ให้กดส่งรูปที่เราถ่ายด้วยโทนสีนั้นๆให้เพื่อนผ่านทางWifiครับ

  • กดดูรูปที่ใช้โทนสีที่เพื่อนจะเอา
  • กดปุ่มตรงกลาง(SET)

จะมาที่หน้านี้

  • เลือก Wifi (ไอคอนรูปเสาสัญญาณ) พอเราเชื่อมต่อกับกล้องของเพื่อนก็ส่งรูปที่เราถ่ายด้วยโทนสีนั้นๆให้เพื่อนครับ เท่านี้เลยจริงๆ ขั้นตอนของคนส่งโทนสีหมดเท่านี้

ถ้าเราเป็นผู้รับภาพมาผ่าน Wifi ขั้นตอนก็ไม่ยากครับ เหมือนข้อ2เป๊ะๆ เริ่มจาก

  • ให้เรากดดูรูปที่ได้รับมา
  • กดปุ่มตรงกลาง(SET)
  • กด Apply Setting (ไอคอนรูปกล้องที่มีดาว) เท่านี้แหละ โทนสีก็จะถูกเซฟลงเครื่องทันที

9.ถ่ายคนกลางคืนยังไงให้รอด

ก่อนถ่าย ถ้ามีเลนส์ 22mm f2 มาติดไว้ก็จะช่วยให้แสงเข้ามาในภาพได้เยอะครับ เพราะมันเป็นเลนส์รูรับแสงกว้าง(f2) แต่ไม่ต้องห่วงนะ จริงๆเลนส์อื่นๆก็ใช้ถ่ายกลางคืนได้

ถ้าตัวแบบของเรามีแสงยิงเข้าใบหน้าอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องทำไรมากครับ ดันค่าISOหน่อยแล้วถ่ายตรงๆได้เลย แต่ถ้าไม่มีแสงช่วยนี่สิ งานแฟลชอาจจะต้องออกโรงแล้ว

การใช้แฟลช

ก่อนอื่นให้เราใช้โหมด Av (เพื่อความง่าย) เลื่อนให้แฟลชเด้งขึ้นมา แล้วก็กดปุ่มขวาที่เป็นรูปแฟลชเพื่อเข้าสู่หน้าของการปรับโหมดแฟลชครับ จากนั้นให้เราเลือก แฟลชความเร็วต่ำ(Slow Synchro) การทำงานของแฟลชโหมดนี้จะเหมาะกับการถ่ายกลางคืนที่สุดครับ

จากนั้นให้เราใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้าๆหน่อย ประมาณ 1/50 หรือ 1/60 เลือกใช้รูรับแสงกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้(fต่ำๆ) แล้วลองกดถ่ายดูก่อนครับ

ถ้าแสงน้อยไปก็ลองเพิ่ม ISO ดู หรือถ้าแสงมากไปก็ลองลด ISO หรือใช้วิธีการอีกอย่างคือการ Bounce Flash ครับ

Bounce Flash คืออะไร?

การ Bounce Flash คือการยิงแฟลชให้ตกกระทบสิ่งอื่นก่อนจะเด้งเข้าหาตัวแบบ วิธีนี้จะทำให้แสงแฟลชอ่อนลงและทำให้ได้ภาพที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าก้านแฟลชของ Canon EOS M10 สามารถเอานิ้วดันขึ้นด้านบนได้ ดังนั้นเวลาจะ Bounce Flash ลองมองดูเพดานบนหัวเราดูครับ หาเพดานสีขาวๆได้ยิ่งดี เพดานนี่แหละจะเป็นตัวช่วยให้แฟลชของเราดูเป็นธรรมชาติขึ้น

(source: http://www.kgl-hga.eu/20100831_01/html/Ballroom_en_20100831_01_01.html)

วิธีการก็ไม่ยาก ให้เราเอานิ้วดันก้านแฟลชขึ้นด้านบน แล้วกะองศาให้ได้มุมที่ตกกระทบกับเพดานแล้วสะท้อนลงมาที่ตัวแบบพอดีครับ เท่านี้เราก็จะได้แสงแฟลชที่อ่อน นุ่มนวลขึ้น นางแบบไม่หน้าผีอีกต่อไป

นอกจากเทคนิคการ Bounce Flash ยังมีเทคนิคอีกอย่าง คือเทคนิคการลากไฟเส้นๆ วิธีนั้นไม่ยาก คือใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้าๆ อาจจะซัก 0.3 วินาที ให้เรายิงแฟลชแล้วขยับกล้องในทันที(จะขยับทิศทางไหนก็ได้ หรือจะซูมเลนส์ก็ยังได้) ก็จะได้ไฟเป็นเส้นๆในขณะที่ตัวแบบก็ยังชัดครับ หากว่าเราถ่ายมาสว่างหรือมืดไป ก็ปรับชดเชยแสงด้วย ISO เหมือนเดิม

10.วิธีโฟกัสภาพให้แม่นยำ

กล้องตัวนี้ไม่ใช่กล้องระดับ High Performance โหดเว่อวังอะไร ดังนั้นมันอาจจะมีบ้างที่กล้องโฟกัสได้ไม่ถูกใจเราครับ ดังนั้นถ้าเราสามารถช่วยกล้องโฟกัสได้ อะไรๆก็จะเร็วขึ้น ก่อนอื่นให้เราไปที่เมนู แล้วปรับโฟกัสให้เป็นแบบ AF+MF

ลักษณะของการโฟกัสแบบนี้คือเมื่อเรากดโฟกัสครึ่งหนึ่ง กล้องจะทำการโฟกัสแบบออโต้ไปก่อน จากนั้นหากเราไม่พอใจการโฟกัสที่กล้องคิดให้ เราสามารถที่จะหมุนวงแหวนบนตัวเลนส์เพื่อโฟกัสได้ตามใจชอบครับ (ระหว่างนี้ต้องกดโฟกัสไว้ครึ่งนึงตลอดเวลานะ)

วิธีแบบนี้ดีกว่าการที่เรากดออโต้โฟกัสไปเรื่อยๆแบบไร้จุดหมายเยอะเลย เพราะบางทีกล้องเขาก็โฟกัสอย่างอื่นให้เราเพราะเขาไม่รู้จริงๆ แนะนำให้ทดลองใช้วิธีนี้กันดู ไม่ยาก ฝึกนิดหน่อย หากใช้เป็นแล้วจะโฟกัสเร็วขึ้นมากๆเลยครับ หรือถ้าในอนาคตใครอยากจะไปเล่นเลนส์มือหมุน ก็ควรหัดโฟกัสในรูปแบบนี้ให้ชินนะ

11.วิธีต่อ Wifi กับมือถือ ส่งรูปหรือใช้เป็นรีโมตชัตเตอร์

เริ่มด้วยการโหลด App ชื่อว่า Canon Camera Connect ก่อน

จากนั้นให้เรากดปุ่ม Wifi บนกล้อง แล้วก็ไป Register มือถือเรา กล้องมันจะได้จำได้ คราวหลังกดปุ่ม Wifi ทีเดียวมันจะได้เชื่อมกันเร็ว

เมื่อเลือกเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราก็ไปที่ App Canon Camera Connect ตัว App จะมีทางเลือกให้เราว่าต้องการที่จะส่งรูป หรือต้องการที่จะใช้ Smartphone ของเราเป็นรีโมต

เมื่อเลือกส่งรูป กล้องจะแสดงรูปที่เราถ่าย ให้เราคลิกเลือกแล้วก็ส่ง ภาพที่เข้ามาในมือถือจะเป็นภาพที่ถูกย่อลงแล้วนะครับ(แต่ใหญ่พอใช้งานทั่วไป) ถ้าต้องการภาพใหญ่ต้องเสียบ SD Card เข้าคอมตามปกตินะ

ส่วนถ้าเลือกรีโมต เราจะสามารถควบคุมค่าทุกอย่างรวมถึงจุดที่อยากจะโฟกัสได้ผ่านสมาร์ทโฟนเลย

ใช้สมาร์ทโฟนเป็นรีโมตได้

แถมให้นิดนึง: นอกจากเราจะสามารถส่งรูปเข้ามือถือแล้ว เรายังสามารถอัพรูปลง Facebook ด้วยกล้อง Canon EOS M10 ได้เลยทันที การส่งเข้า Facebook ครั้งแรกมีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยากนิดนึง อาจต้องใช้ความอดทนหน่อย แต่หลังจากทำสำเร็จแล้ว1ครั้ง ครั้งต่อๆไปก็จะง่ายดายมากครับ ให้เราเอากล้องและมือถือ(หรือคอม)มาไว้ใกล้ๆกันในพื้นที่ที่มีสัญญาณWifi

ให้เราเริ่มจากการเปิด Browser ของเรา (จะเปิดทางมือถือหรือคอมก็ได้)

  • ลงทะเบียนที่ canon.com/cig กรอกข้อมูล สมัครใช้งาน และยืนยันอีเมลให้เรียบร้อย
  • ลงชื่อเข้าใช้ และเลือก “Enter Authentication Code Here” หากเป็นภาษาไทยก็จะเป็นคำว่า “เพิ่มผลิตภัณฑ์ Wifi ใหม่”
  • เราจะเห็นว่ามันให้เรากรอกรหัสความถูกต้อง มีช่องว่างๆเว้นไว้ ยังไม่ต้องไปสนใจมันนะ

กลับมาที่กล้องของเรากัน

  • ให้เราดูรูปที่เราอยากจะอัพลง Facebook
  • กดปุ่ม SET (ปุ่มกลาง)
  • เลือกปุ่มเสาสัญญาณ
  • เลื่อนไปทางซ้าย เลือกไอคอนรูปก้อนเมฆ
  • เชื่อมต่อกล้องเข้ากับ Wifi แถวนั้น
  • มันจะมี Code ขึ้นมาให้

กลับมาที่ canon.com/cig ที่มันให้กรอก Code

  • ให้เราเอา Code ที่แสดงบนกล้องไปกรอกใส่ช่องที่เว้นไว้ตอนแรก

กลับมาที่กล้องของเรา(อีกแล้ว)

  • กดคอนเฟิร์ม กดตกลงไปเรื่อยๆตามขั้นตอน

กลับมาที่ canon.com/cig หน้าเว็บจะเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้

  • ให้ตั้งค่า Settings Facebook ก่อน จากนั้นทำตามขั้นตอนที่เค้าบอกไปเรื่อยๆ แล้วจะเห็นปุ่ม OFF ปรากฏทางขวา ให้เรากดเปลี่ยนจาก OFF เป็น ON

กลับมาที่กล้องของเรา

  • ให้เรากดอัปเดตบริการบนเว็บ (โลโก้ที่เป็นรูปก้อนเมฆ มีรูปลูกศรอยู่ด้านใน) พอเรากดปุ๊บ จะมีโลโก้ของ Facebook โผล่เข้ามาในกล้อง
  • พอกดไอคอนรูป Facebook กล้องจะสามารถเลือกรูปส่งเข้า Facebook ของเราได้เลย และเราสามารถที่จะกดใส่แคปชั่นหรือย่อขนาดภาพก่อนลงได้ด้วยนะ
ไปอยู่บนเฟสบุ๊กแล้ววววว

งงมั้ย ย้ายไปย้ายมา 5555 แต่มันเหนื่อยแค่เปิดใช้บริการครั้งแรกเท่านั้นแหละ หลังๆก็จะสบายแล้ว แค่เลือกรูปและกลับมากดไอคอน Facebook เอาอย่างเดียว

12.อยากจับถนัดขึ้น? ซื้อเคสมาใส่สิ

Accessories อื่นๆที่เราสามารถเอามาติดกับ Canon EOS M10 ก็คือเคสครับ

เคสของกล้อง Canon EOS M10 เนี่ยมาในหลากหลายสีสันมาก เห็นสีแล้วเรานึกถึงน้ำหอมติดรถยนต์ 5555 (จริงๆสีแบบปกติๆก็มี) แต่นอกจากความแฟชั่นตรงนี้ ข้อดีคือมันจะส่วนที่นูนๆขึ้นมานิดนึงในบริเวณที่เราใช้มือขวาจับครับ เสมือนเป็นGrip ทำให้เราจับถนัดมากขึ้น ลักษณะของเคสจะเป็นพลาสติก หุ้มตั้งแต่ด้านล่างยาวขึ้นไปตรงกลางตัวบอดี้ ครอบคลุมหมดตั้งแต่ช่องเสียบแบตยาวไปจนถึงช่องเสียบ SD Card ป้องกันกล้องกระทบกระทั่งได้ แต่ถ้าหากเราจะเปลี่ยนแบตหรือ SD Card ก็ต้องถอดเคสออกก่อนด้วย

สรุป

นี่ก็เป็นคู่มือการใช้งาน Canon EOS M10 เท่าที่เราพอจะนึกได้ครับว่าคนมีกล้องตัวนี้ควรจะทราบเรื่องอะไรบ้างถึงจะใช้ได้อย่างคุ้มค่า หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ

ทุกคนสามารถอ่านบทความอื่นๆของเราได้ทาง medium.com/torcnn และหากอยากพูดคุยกันเรื่อง Canon EOS M10 เพิ่มเติม สามารถเข้ามาคุยกันได้ในช่องทาง Facebook, Twitter, Instagram ได้เลยนะ คอมเม้นหรือเมนชั่นเข้ามาได้เลย เพราะบางทีเราไม่เห็นInboxครับ ส่วนถ้าคุยเล่นสนุกๆ เชิญช่องทาง ask.fm เลยเน้อ

สำหรับบทความนี้เราขอจบเท่านี้ก่อน เขียนมายืดยาวมากแล้ว ไว้เจอกันใหม่บทความหน้านะครับ บ๊ายบาย

--

--

Tor Chanon
torcnn

ต่อ ชานนท์ โตเลี้ยง / Photography Tips and Reviews. Instagram & Twitter : @torcnn