รีวิว Canon EOS R กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมตัวแรกจากค่าย Canon

Tor Chanon
torcnn
Published in
6 min readMar 10, 2019

--

“หนึ่งในกล้องที่ชาวหนอนรอคอยกันมากที่สุด”

สวัสดีครับ เรา @torcnn เอง

หากพูดถึงกล้องยี่ห้อ Canon ค่ายนี้เค้าใช้ DSLR เป็นตัวขับเคลื่อนมาโดยตลอดครับ แต่ด้วยความต้องการของตลาดมิเรอร์เลสที่สูงขึ้นเรื่อยๆ พักหลังก็หันมาลงทุนกับตลาดนี้โดยเริ่มด้วยเซนเซอร์ขนาด APS-C ก่อน แต่ท้ายที่สุดก็ทนเสียงเรียกร้องของแฟนๆไม่ไหว ออกกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมมาจนได้ 😌

Canon EOS R

Canon เปิดชื่อซีรีส์ให้ใหม่เลยครับ ไม่เอาไปรวมกับมิเรอร์เลสเซนเซอร์ APS-C อย่าง EOS M โดยเลนส์ที่ใช้จะเป็นระบบใหม่ทั้งหมด ใช้ชื่อว่าเลนส์ RF แต่ใครที่มีเลนส์ EF อยู่แล้วไม่ต้องเสียใจนะ กล้องมันต่อ Adapter เพื่อใช้เลนส์ EF ได้

เรามีเวลาอยู่กับกล้องตัวนี้ค่อนข้างน้อย ต้องขออภัยหากบางประเด็นไม่ได้ลงลึกมากนัก แต่จะพยายามเขียนให้ครอบคลุมครับ ขอบคุณทาง Canon Thailand ที่ให้เรายืมกล้องตัวนี้นะครับ 😅

เซนเซอร์

เซนเซอร์ขนาดฟูลเฟรมความละเอียด 30.3 ล้าน เท่ากับกล้องรุ่น 5D Mark IV เลย ความละเอียดเท่านี้จัดว่าสูงกว่ากล้องทั่วๆไปในตลาดครับ ประโยชน์คือทำให้อัดภาพขยายใหญ่ได้ดีกว่า

เวลาปิดกล้องและหมุนเลนส์ออก ม่านชัตเตอร์จะปิดอัตโนมัติเพื่อไม่ให้ฝุ่นเข้าไปเกาะเซนเซอร์ ลดปัญหาเรื่องฝุ่นบนเซนเซอร์ไปได้ระดับนึงเลย

ไฟล์ JPEG

ทำบุญสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้ แต่ถ้ามีกล้องค่าย Canon คือสวยทันทีที่ถ่าย ถ้าเจอแสงธรรมชาติปกติ บางภาพนี่แทบไม่ต้องแต่ง

Canon EOS R เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากจะถ่ายคนแล้วจบหลังกล้องง่ายๆ ให้โทนผิวที่สวย เอารางวัลกล้องมิเรอร์เลสสายสันติภาพไปเลย นางแบบไม่ด่าชัวร์

ไฟล์ RAW

สามารถถ่ายไฟล์ C-RAW ได้ ซึ่งเป็นไฟล์ RAW ที่มีขนาดเล็กกว่า RAW ปกติ ช่วยลดขนาดของไฟล์ลง ถ่ายได้มากขึ้น

ส่วนตัวเรามีความเห็นว่าไฟล์ของกล้อง Canon EOS R มีความแตกต่างไปจากกล้องค่ายอื่นๆพอสมควร เมื่อมองภาพรวม เราว่าส่วน Shadows ของเค้าจะให้โทนมืดทึบๆกว่าเจ้าอื่น และให้สกินโทนตั้งต้นคล้ายๆไฟล์ JPEG เพียงแต่ซีดกว่าหน่อย

ภาพข้างล่างนี้คือเรา Export ไฟล์ RAW โล้นๆไม่ได้แต่งอะไรลงไปเลย โทนโดยรวมของมันสวยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องนี้ช่วยให้เวลา Post Process ภาพ Portrait ส่งลูกค้า เราจะสามารถลดระยะเวลาในการปรับผิวไปได้อย่างมาก

พอเรามี Workflow ที่ไวขึ้น ถุงใต้ตาของเราก็ลดลงครับ

ความยืดหยุ่นไฟล์จัดว่าดึงได้ปานกลาง เมื่อดึงชดเชยส่วน Shadows ที่มืดหน่อยระดับ -2 EV อาจจะได้รายละเอียดส่วนทึบคืนมาไม่มากนัก มันเลยอาจจะยังไม่เหมาะกับคนที่ชอบดึงภาพแบบหนักมากๆ

ได้ชื่อว่าเซนเซอร์ฟูลเฟรม Canon EOS R จัดการ Noise โดยรวมได้โอเค อันนี้ทดลองที่ ISO 6400 รายละเอียดถูกรบกวนบ้าง แต่ก็ไม่แย่ครับ

หากใครใช้ Lightroom ในการแต่งภาพ ปัจจุบันเลนส์ RF ยังไม่มี Profile Correction ให้ใช้(มีนา2019) เลนส์บางตัวอย่างเช่น RF 35mm f1.8 ที่มีขอบมืด (Vignette) นิดๆจะยิ่งทำให้ภาพโดยรวมดูมืดลงไปอีก นี่เป็นข้อควรระวังอย่างนึงครับ

Silent Shutter

มี Silent Shutter ให้ใช้งาน ฟังก์ชั่นนี้สำคัญมากกับงานในระดับมืออาชีพ เพราะมันช่วยให้เราถ่ายในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนได้ เช่น ถ่ายกีฬากอล์ฟ ถ่ายงานประชุมผู้บริหาร ถ่ายเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ห้ามมีเสียงชัตเตอร์รบกวนเป็นอันขาด

ระบบประมวลผล Digic 8

Digic 8 เป็นระบบประมวลผลตัวใหม่ของ Canon ครับ ก่อนหน้านี้ก็มี Canon EOS M50 ที่ใช้ระบบนี้ หลักๆคือช่วยเรื่องการโฟกัสในที่แสงน้อย

ระบบโฟกัส

ได้ชื่อว่า Canon แน่นอนว่าต้องมาพร้อมระบบโฟกัส Dual Pixel ครับ เป็นชื่อเฉพาะของ Canon ที่ใช้เรียกระบบโฟกัส Phase Detection ระบบนี้จะเหมาะเอาไว้ถ่ายอะไรที่เคลื่อนไหว ซึ่งมักจะจับวัตถุได้เร็วกว่าระบบโฟกัสดั้งเดิมอย่าง Contrast Detection

Canon EOS R มีจุดโฟกัสทั้งหมด 5,655 จุด แต่ที่สำคัญคือมี Eye-Detection มา สนับสนุน Face-Detection ทำให้เวลาถ่ายคนมันจะโฟกัสเข้าได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากมีกรอบจับหน้า ยังมีกรอบเล็กๆสีขาวๆมาจับดวงตาด้วย แต่ฟังก์ชั่นนี้จะมีผลเมื่อนางแบบอยู่ไม่ห่างจนเกินไปเท่านั้น

การโฟกัสในที่แสงน้อยจัดว่าใช้ได้อยู่ครับ ได้ลองเอาไปถ่ายคอนเสิร์ตมืดๆก็ไม่มีหลุดนะ ทาง Canon เค้าเคลมว่ามันสามารถโฟกัสได้แม้จะมืดระดับ -5 EV

การถ่ายภาพต่อเนื่อง

มันจะมีให้เลือกระหว่าง (1)เน้นปริมาณช็อต ยิงได้ที่ 8 ภาพต่อวินาที กับ (2)เน้นtracking ยิงได้ที่ 5 ภาพต่อวินาที อย่างหลังจะจับโฟกัสได้แม่นยำมากกว่า

ช่องมองภาพ

ความละเอียด 3.69 ล้าน สว่างสดใสดี เวลาที่เราจับกล้องตั้งฉาก รายละเอียดข้อมูลต่างๆเช่นพวก Exposure Value (EV) มันก็จะหมุนตามไปด้วย

ช่องมองภาพของเค้าจะยื่นไปด้านหลังอีกนิดหน่อย ลดโอกาสในการที่ใบหน้าเราจะบังเอิญไปโดนหน้าจอและปรับค่าอะไรต่างๆเอง

หน้าจอ

หน้าจอ Clear View LCD II ความละเอียด 2.1 ล้านจุด เรื่องหน้าจอนี่ดีแบบเห็นได้ชัดมากๆๆๆ โคตรสดใส ทั้งรายละเอียด สีสัน ความสว่าง

นอกจากนี้หน้าจอมันยังพลิกได้ครบทุกองศา มีประโยชน์มากเวลาเราจะถ่ายภาพมุมกด มุมช้อน หรือแม้กระทั่งตอนจะถ่ายตัวเอง

นอกจากเราจะสามารถสัมผัสหน้าจอเพื่อลั่นชัตเตอร์ได้ เรายังสามารถกดหน้าจอเพื่อเลือกบริเวณโฟกัส เลื่อนดูรูป หรือเลือกปรับฟังก์ชั่นต่างๆในเมนู Settings ได้อีกด้วย การแตะหน้าจอเพื่อควบคุมสิ่งต่างๆก็รวดเร็วมาก เหมือนกดสมาร์ทโฟนอะ

ตอนเราส่องช่องมองภาพ เราสามารถใช้นิ้วปัดหน้าจอเพื่อเลื่อนจุดโฟกัสไปมาได้ แต่มันจะช้ากว่าตอนจิ้มหน้าจอปกติ

Canon EOS R ไม่ได้มีแค่หน้าจอด้านหลังอย่างเดียว แต่ยังมีหน้าจอแสดงผลด้านบนคอยบอกข้อมูลต่างๆที่จำเป็น หน้าตาคล้ายๆทามาก๊อดจิ แม้เวลาเราปิดกล้องไปแล้ว หน้าจอแสดงผลนี้ก็ยังทำงานอยู่ ไม่ดับไป ช่วยบอกว่าก่อนหน้านั้นเราใช้โหมดอะไรไว้

ข้างๆหน้าจอด้านบนจะมีปุ่มหน้าตาเหมือนดวงไฟ เอาไว้กดให้หน้าจอเปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างครับ

ปุ่มต่างๆและการควบคุม

มีปุ่มเยอะเลย จัดว่าเยอะกว่ากล้องมิเรอร์เลสทั่วๆไป แต่ยังน้อยกว่า DSLR หลายๆตัวของ Canon อยู่ ความดีงามคือปุ่มต่างๆสามารถ Customize หน้าที่ตามความชอบของผู้ใช้ได้หมด

เริ่มที่ปุ่มชัตเตอร์ ปุ่มชัตเตอร์วางอยู่ด้านหน้า ยื่นออกมาจากตัวกริป องศาของปุ่มชัตเตอร์เอียงลงนิดนึง ถ้าดูดีๆเค้าออกแบบกริปมาใหญ่และอยู่สูง การทำชัตเตอร์ให้เอียงลงก็จะทำให้นิ้วชี้กดปุ่มได้ง่ายขึ้น

เราสามารถปรับความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงด้วยวงแหวนทั้ง2วงด้านบน

ด้านหลังกล้องดูผิวเผินอาจไม่มีไร แต่ความพิเศษมันอยู่ตรง Touch Pad ที่วางอยู่ด้านขวาช่องมองภาพครับ มันเอาไว้ปรับค่าต่างๆได้แบบไร้เสียงรบกวนเลย จะเอาไว้ปรับพื้นที่โฟกัสหรือใช้เลื่อนดูรูปก็ได้ การใช้งานก็ลื่นไหลไม่ต่างจากเวลาเราใช้นิ้วปัดหน้าจอสมาร์ทโฟน

ปรับพื้นที่โฟกัสด้วย Touch Pad

เลื่อนดูรูปด้วย Touch Pad ก็ได้

ค่าเริ่มต้นของบอดี้กล้องไม่ได้มีปุ่มปรับ ISO มาให้ ปกติมันจะต้องปรับบนเลนส์หรือจิ้มหน้าจอเอา แต่เรา Customize ปุ่ม ISO เอาเองได้ครับ อยู่ในเมนูสีน้ำตาลๆ ส่วนตัวเราใช้เป็นปุ่มดอกจัน (*) ส่วนใครอยากใช้ Touch Pad ปรับ ISO ก็ได้เหมือนกัน

วิดีโอ

มีวิดีโอ 4K 30fps แต่จะถูกครอป 1.8 เท่า และไม่สามารถใช้งาน Dual Pixel ได้ ทำให้การถ่ายวิดีโอ 4K บนกล้องตัวนี้อาจจะยังไม่เหมาะนัก แนะนำให้ใช้ Full HD 60fps จะเหมาะกว่า

กันสั่นอิเล็กทรอนิกส์

ในตัวกล้องไม่ได้มีกันสั่นแบบ Optical แต่ใช้กันสั่นแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งส่งผลดีมากกับวิดีโอ สามารถเดินเบาๆถ่ายวิดีโอได้และได้งานที่ลื่นไหล ไม่กระแทกกระทั้นจนรบกวนฟุตเทจ

บอดี้ น้ำหนัก และการจับถือ

ถ้าเทียบขนาดบอดี้กับกล้อง DSLR คือมันเล็กกว่า แต่ถ้าหากเทียบกับกล้องมิเรอร์เลสจะรู้สึกว่ากริปมันใหญ่มากครับ

วัสดุของบอดี้ประกอบด้วยแมกนีเซียมอัลลอยและโพลีคาร์บอเนต น้ำหนักตัวอยู่ที่ 580 กรัม (660กรัม หากใส่การ์ดและแบตเตอรี่)

การจับถือดีมาก!! ก็พี่เล่นให้กริปมาเต็มมือขนาดนี้ แม้แต่นิ้วก้อยก็มีที่ให้เค้าอยู่ ผู้ชายมือใหญ่ๆนี่ถือกันสบาย จับถือได้ด้วยมือเดียวไม่ต้องกลัวหล่น แต่กับผู้หญิงตัวจิ๋วๆอาจจะรู้สึกว่ามันใหญ่ไป

การจัดเก็บใส่กระเป๋ายังกินเนื้อที่มากกว่ากล้องมิเรอร์เลสทั่วๆไปอยู่พอสมควร แต่เมื่อได้ลองจับจริงๆจะรู้สึกว่ามันไม่ได้หนักอะไรเลย

แบตเตอรี่

ใช้แบตเตอรี่รุ่น LP-E6 เป็นแบตรุ่นเดียวกันกับกล้อง DSLR ของ Canon เลย ส่วนใหญ่คนที่เล่นกล้อง Canon มาก่อนจะมีกันอยู่แล้ว อันนี้ดีเลย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม

ตามข้อมูลในโบชัวร์เค้าบอกว่ามันถ่ายได้ 370 ภาพถึงจะแบตหมด แต่เราถ่ายมามากกว่านั้นก็ยังไม่หมดนะ

การเชื่อมต่อ

มีช่องต่อ HDMI รวมถึงช่อง USB Type-C เพื่อการส่งข้อมูลที่รวดเร็ว มีช่องเสียบไมค์ ช่องเสียบหูฟัง และช่องเสียบรีโมตคอนโทรล

เลนส์คิต

เลนส์คิตเป็น 24–105mm f4 ครับ เป็นเลนส์ L ด้วย ซึ่งจัดเป็นเลนส์คุณภาพสูงของ Canon เลย ขนาดจะใหญ่หน่อยด้วยความที่มันเป็นเลนส์ซูม f คงที่ Dial ตรงขอบแดงๆสามารถหมุนเพื่อปรับค่า ISO ได้ด้วย

เวลาซูม กระบอกด้านในมันจะยืดออกไปด้านหน้า

เลนส์ตัวนี้เหมาะกับการนำไปเที่ยวแบบตัวเดียวจบครับ เพราะช่วงมันครบคลุมตั้งแต่ช่วงไวด์ยันเทเลโฟโต้ ถ่ายไรก็ได้ แต่กลางคืนอาจจะเสียเปรียบหน่อยเพราะ f4

ถ่ายคนได้อยู่นะ ซูมหน่อยก็ละลายหลังได้เหมือนกัน อันนี้ซูมสุดกระบอกที่ 105mm

เลนส์แนะนำ

ส่วนตัวเราแนะนำเป็น Canon RF 35mm f1.8 ครับ ช่วงนี้ถ่ายง่ายมากๆๆ ใช้เป็นเลนส์ติดกล้องได้เลย ใครชอบพกกล้องไปเที่ยวกับเพื่อน-แฟนตามคาเฟ่หรือร้านอาหารจะถ่ายรูปสนุกมากๆเพราะมันแทบไม่ต้องถอยหลังให้ลำบาก

ถ่ายอาหารก็ใช้ได้

เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์มาโครด้วย ทำให้มันสามารถใช้ถ่ายวัตถุที่มีขนาดเล็กๆ และสามารถจ่อโฟกัสใกล้ๆได้

อแดปเตอร์สำหรับเลนส์ EF

อแดปเตอร์นี้เป็นเหมือนประตูเชื่อมให้คนที่มีเลนส์ EF อยู่เป็นกองทัพ สามารถขยับมาเล่นกล้อง Canon R Series ได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ ขี้เกียจซื้อเลนส์ RF เหรอ ซื้ออแดปเตอร์สิ ตัวเดียวจบ

อแดปเตอร์ปัจจุบันมี 3 แบบครับ อย่างที่เราใช้คือแบบธรรมดา ไม่ได้มีฟังก์ชั่นอะไรเพิ่ม แบบที่2คืออแดปเตอร์ที่มี Control Ring รอบๆ ซึ่งสามารถเอาไว้ปรับ ISO หรือค่าอื่นๆได้ แบบที่3คือแบบที่สามารถใส่ฟิลเตอร์ได้

เมื่อติดกับเลนส์ก็จะได้หน้าตาแบบนี้ครับ โดยรวมจะยาวเพิ่มขึ้นจากเดิม ที่ต้องเป็นแบบนี้เพราะกล้องมิเรอร์เลสมันไม่มีกระจกในบอดี้ พอบอดี้หนาน้อยลง ระยะระหว่างเซนเซอร์กับเลนส์เลยใกล้กัน ต้องใช้อแดปเตอร์เพื่อปรับให้ได้ระยะที่เหมาะสม

ความเร็วในการโฟกัสผ่านอแดปเตอร์ เท่าที่ลองก็รู้สึกปกติครับ ไม่ได้มีหน่วงอะไร

ราคา

บอดี้เปล่าๆราคา 82,900 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ RF 24–105 mm f/4 L IS USM ราคา 122,900 บาท

สรุป

กล้อง Canon EOS R เป็นก้าวแรกที่ดีของ Canon กับการเข้ามาแข่งขันในตลาดกล้องมิเรอร์เลสเซนเซอร์ขนาดฟูลเฟรมครับ มันอาจจะยังไม่ได้โหดสุด แต่มันก็มาพร้อมกับคุณสมบัติหลายๆอย่างที่กล้องหลายๆตัวมาทดแทนไม่ได้ เท่าที่ได้ลองจับก็รู้สึกว่าเป็นกล้องที่เล่นสนุก ให้ความรู้สึกการกดชัตเตอร์ที่คล้ายๆ DSLR เลย ถ้าคุณรักกล้อง DSLR ของ Canon ก็ไม่ยากที่จะรัก Canon EOS R แหละ

เราจะสรุปข้อดีและข้อสังเกตต่างๆเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจนะ

ข้อดี

  1. ไฟล์ JPEG สีผิวสวย เหมาะกับการสาย Portrait อย่างมาก
  2. ไฟล์ RAW ก็ให้ Base สีผิวที่แต่งต่อได้ง่าย ลดเวลาในการทำงาน
  3. การโฟกัสทำได้รวดเร็ว มี Eye-Detection
  4. มี Silent Shutter
  5. การจับถือมั่นคงสุดๆ บอดี้มิเรอร์เลสก็จริงแต่กริป DSLR ชัดๆ
  6. มีปุ่มให้เยอะกว่ากล้องมิเรอร์เลสอื่นๆหลายๆตัวในตลาด ปุ่มต่างๆสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามชอบเลย เมื่อใช้จนชำนาญแล้วจะทำให้ปรับอะไรต่างๆได้ง่าย
  7. มี Touch Pad ที่บังคับได้ลื่นไหลและไร้เสียงรบกวน
  8. หน้าจอสว่างสดใส การทัชหน้าจอตอบสนองก็รวดเร็ว สามารถพลิกหน้าจอได้หลายทิศทาง
  9. มีช่องเสียบไมค์ หูฟัง HDMI และ USB-C
  10. มีเลนส์ให้เลือกหลากหลาย เพราะสามารถต่ออแดปเตอร์ใช้เลนส์ EF ได้เต็มระบบ มีอแดปเตอร์ให้เลือกอีกหลายแบบตามความชอบด้วย ส่วนเลนส์ RF ใหม่ๆก็เห็นผลิตออกมาเรื่อยๆ

ข้อสังเกต

  1. ขนาดตัวจัดว่าใหญ่สำหรับตลาดกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม
  2. ไม่มีกันสั่น Optical แต่ใช้กันสั่นอิเล็กทรอนิกส์แทนซึ่งจะต้องครอปภาพนิดหน่อยหากใช้งาน แต่ก็ช่วยได้เยอะในงานวิดีโอ
  3. ให้ส่วน Shadows ที่ค่อนข้างทึบ การดึงรายละเอียดในส่วนมืดมีปริมาณ Noise พอสมควร อาจไม่เหมาะกับคนที่ชอบถลุงไฟล์ RAW แบบหนักๆ
  4. Eye-AF ใช้ได้ต่อเมื่อตัวแบบอยู่ในระยะใกล้ๆ
  5. 4K มีการครอปค่อนข้างเยอะ และไม่สามารถโฟกัส Dual Pixel ได้

เท่านี้ครับกับรีวิว Canon EOS R สิบปากว่าไม่เท่าลองเอง ดังนั้นใครที่สนใจก็ไปเล่นที่ร้านดูก่อนนะครับ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้าจ้ะ บ๊ายบาย

--

--

Tor Chanon
torcnn

ต่อ ชานนท์ โตเลี้ยง / Photography Tips and Reviews. Instagram & Twitter : @torcnn