รีวิวกล้องสมาร์ทโฟน Huawei P10

Tor Chanon
torcnn
Published in
6 min readMar 21, 2017

--

“สมาร์ทโฟนจากค่าย Huawei กลับมาอีกครั้งพร้อมกล้องที่ดีกว่าเดิม!”

สวัสดีครับ เรา @torcnn เอง ก่อนหน้านี้เราได้รีวิวกล้องสมาร์ทโฟน Huawei P9 ไป แต่เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนเจ้า Huawei P10 ก็เปิดตัวเฉ้ย เราได้มีโอกาสไปงานเปิดตัวของสมาร์ทโฟนตัวนี้และทดลองเล่นกล้องของมันมาเป็นเวลาประมาณ3อาทิตย์ครับ Huawei P10 ยังเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปสนุกเหมือนเดิม แถมรุ่นนี้ฟังก์ชั่นถ่ายรูปยังมีพัฒนาการหลายๆด้านด้วย

คนที่ไม่เคยใช้ Huawei มาก่อนอาจจะสงสัยว่ากล้องของสมาร์ทโฟนยี่ห้อนี้มันมีอะไรดีนักดีหนา ถึงได้เป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง เดี๋ยวเราจะอธิบายในบทความนี้ครับ

Background

Huawei P10 เป็นสมาร์ทโฟนจากค่ายจีนที่มีออกมาทั้งหมด2รุ่นหลักๆครับ ได้แก่

  • Huawei P10
  • Huawei P10 Plus

สองรุ่นนี้นอกจากจะมีสเปคภายในตัวสมาร์ทโฟนที่แตกต่างกัน ยังมีความแตกต่างเรื่องกล้องอีกเล็กน้อยด้วยครับ

Huawei P10 มีสีทั้งหมด 8 แบบ ได้แก่

  • Ceramic White
  • Graphite Black
  • Dazzling Gold
  • Rose Gold
  • Prestige Gold
  • Mystic Silver

โดยมี2สีที่ทาง Huawei ร่วมมือกับ Pantone Color Institute ได้แก่

  • Greenery
  • Dazzling Blue

หมายเหตุ: รีวิวนี้จะเป็นรีวิวของกล้องสมาร์ทโฟน Huawei P10 เท่านั้นนะครับ

กล้องหลัง

กล้องหลังของ Huawei P10 เป็นกล้องที่มีการออกแบบร่วมกันกับ LEICA ครับ ซึ่งแบรนด์ LEICA เนี่ยเป็นแบรนด์พรีเมียมจากเยอรมนีที่มีชื่อเสียงด้านกล้องและเลนส์ ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ LEICA จะราคาเหยียบแสน แต่เทคโนโลยีด้านกล้องของ LEICA ก็เข้ามาอยู่ใน Huawei P10 ที่ราคาไม่ถึงสองหมื่นได้

กล้องหลังทั้งสองตัวของ Huawei P10 จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปครับ คือ

  • กล้องตัวแรกไม่สามารถเก็บสีสันได้ แต่จะให้รายละเอียดที่ดีกว่า ตัวนี้ปริมาณพิกเซลเพิ่มขึ้นมาเป็น20ล้านพิกเซล(จากเดิม12ล้านพิกเซล)
  • กล้องตัวที่สองสามารถเก็บสีสันได้ ความละเอียด12ล้านพิกเซล

ลักษณะการทำงานของกล้องคู่จะเหมือนกับรุ่นที่แล้ว คือเมื่อ Huawei P10 ถ่าย กล้องจะทำการถ่ายพร้อมกันและนำผลลัพธ์ของกล้องทั้งสองมารวมกัน เพื่อให้ได้ภาพสีที่มีความคมชัดสูง

เราจะลองครอปภาพเข้าไปให้ดูนะครับ จะเห็นได้ว่าดีเทลของภาพดีมาก รายละเอียดเป็นเส้นๆชัดเจนดี

เลนส์ของกล้องเป็นเลนส์ LEICA SUMMARIT-H 1:2.2 / 27 ASPH

เลข 2.2 คือค่าขนาดของรูรับแสงครับ (ส่วนคำว่า Summarit เนี่ยเป็นชื่อของเลนส์ไลก้าที่มีค่ารูรับแสงอยู่ในช่วงประมาณ2.2) ขนาดของรูรับแสงขนาดนี้ถือว่ากว้าง ซึ่งจะช่วยให้ถ่ายในสภาวะแสงน้อยได้ดี ส่วนเลข27หมายถึงระยะของเลนส์ ซึ่งเป็นระยะเทียบเท่า27mm เป็นช่วงที่ให้องศาภาพกว้างๆ เหมาะใช้ถ่ายวิว ถ่ายสิ่งของทั่วๆไป และถ่ายภาพแนวสตรีทครับ

กล้องหลังก็จะมีฟังก์ชั่นหลายๆแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแฟลช โหมดหน้าชัดหลังเบลอ โหมดPortrait เมนูปรับความเข้มของสี เมนูปรับโทนของภาพ หรือแม้กระทั่งโหมดโปรที่ปรับค่าต่างๆของกล้องแบบแมนนวลได้

หมายเหตุ: จริงๆเวลาใช้กล้องหลังมันสามารถปรับเป็นความละเอียด20ล้านพิกเซลได้ แต่เราว่าใช้ความละเอียดที่12ล้านพิกเซลดีกว่า เพราะรายละเอียดที่20ล้านพิกเซล มันเหมือนอัดค่า Clarity มาสูงเกินไปจนลายเส้นดูเข้มไปหมด

ทดลองถ่าย20ล้าน
ซูมดู

โหมด Wide Aperture (หน้าชัดหลังเบลอ)

โหมดนี้เข้าได้ด้วยการกดไอคอนรูปรูรับแสง (ไอคอนกลมๆ มีรูตรงกลาง) ตอนถ่าย เราจะเลือกได้ว่าอยากให้เบลอเท่าไหร่ ถึงจะถ่ายมาแล้วก็สามารถกลับมาปรับเลเวลความเบลอทีหลังอีกรอบได้อยู่ดี

f0.95
f2.8
f4.0
f5.6

โหมดนี้ไม่ควรใช้ถ่ายภาพที่วัตถุมีความซับซ้อนครับ เช่น มีรูโหว่ที่วัตถุ หรือขอบวัตถุมีรอยหยักเยอะๆ เพราะนี่เป็นการเบลอด้วยซอฟต์แวร์ ไม่ใช่เบลอด้วยตัวเลนส์ ถ้าวัตถุซับซ้อนมาก ซอฟต์แวร์มันก็วิเคราะห์ระยะชัดลึกไม่ไหวเหมือนกัน

หากต้องการจะใช้โหมดนี้ให้มีประสิทธิภาพ ควรให้วัตถุอยู่ห่างจากกล้องไม่เกิน2เมตรด้วยนะครับ

โหมด Portrait (ถ่ายบุคคล)

โหมดนี้คือโหมดที่เกิดมาเพื่อถ่ายคนเลยครับ ทาง Huawei เคลมว่ามีการใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อที่จะปรับแสงต่างๆบนใบหน้าให้ดูดี มีความ Dramatic สไตล์ Leica มากขึ้น

เราไม่ค่อยอินกับเรื่องปรับแสงตรงนี้เท่าไหร่นัก เห็นรูปแล้วไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับการปรับแสงบนใบหน้าอะไรเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เราชอบมากๆคือการเบลอหลังในโหมดนี้ครับ ทำได้ดีมากทีเดียว

เรื่องการเบลอหลังนี่ต้องขออนุญาตกลับไปที่เรื่องเลนส์ เนื่องจากเลนส์ที่ติดมาเป็นช่วง 27mm ซึ่งคนที่เล่นกล้องจะพอทราบดีครับว่ามันเป็นช่วงเลนส์ที่เบลอหลังได้ แต่ว่าไม่ได้เบลอเยอะอะไรมากมาย การเบลอในโหมดนี้ของ Huawei P10 ทำได้น่าประทับใจครับ เพราะความเบลอมันอยู่ในระดับเหมาะสมกับช่วง 27mm ไม่หลอกตาจนเกินไป

บริเวณขอบของตัวแบบไม่ได้เนียนกริ๊บ100% แต่สำหรับเรา เราว่ายอมรับได้อยู่

การใช้โหมดนี้ในเวลากลางคืนหรือในที่ที่ไม่ใช่แสงธรรมชาติ(เช่นในห้าง)ถือว่าทำได้ดีครับ โบเก้ด้านหลังตัวแบบเบลอได้สวยและไม่หลอกจนเกินไปเช่นกัน

เรารู้สึกว่าภาพที่ได้จากสถานการณ์นี้(แสงน้อย)จะมืดกว่าปกตินิดนึง เลยขอใส่ Exposure กับ Shadows เข้าไป เพื่อให้แบบดูสว่างและเด่นขึ้นหน่อย ภาพตัวอย่างแต่งผ่านแอป Lightroom บนมือถือนะครับ

ปล.ขอบคุณพี่ซี เฟื่องลดา และวาฟเฟิลที่มาช่วยเป็นนางแบบให้เด้อ

โหมดปรับความเข้มสี

โหมดนี้จะช่วยปรับระดับความเข้มสีของภาพเราได้ โดยจะมีสองโหมดให้ปรับคือ Vivid Colors และ Smooth Colors

โหมด Vivid Colors จะเป็นประโยชน์โดยเฉพาะเวลาถ่ายอาหารและวิวที่มีสีสันซีดและไม่น่าสนใจ

ใช้โหมด Vivid กับไม่ใช้โหมด Vivid

จากการทดลองเล่น เราว่าโหมด Vivid Colors คือการอัด Saturation เข้าไปโต้งๆ มันจึงไม่เหมาะกับภาพบางแนวครับ ถ้าเอาไปถ่ายอะไรที่มีสีสันสดมากๆอยู่แล้วนี่หนักเลย แต่ถ้าใช้ถ่ายอะไรที่สีสันกลางๆ ไม่สดมาก เราว่าเวิร์ก จะทำให้ภาพน่าสนใจขึ้นเยอะครับ

ใช้โหมด Vivid Colors

ส่วนโหมด Smooth Colors เท่าที่ลองเราว่ามันคือการทำให้สีเข้มขึ้นเช่นกัน แต่เข้มขึ้นเพียงเล็กน้อย ไม่เท่าโหมด Vivid Colors ครับ

ใช้โหมด Smooth กับไม่ใช้โหมด Smooth

การใช้โหมดทั้งสองไม่ว่าจะ Vivid หรือ Smooth ภาพจะมีการเพิ่มเอฟเฟกต์ Vignette (ขอบดำ) เข้าไปด้วย เอฟเฟกต์นี้จะทำให้บริเวณขอบภาพมืดลง ทำให้สิ่งที่อยู่ตรงกลางโดดเด่นขึ้นครับ

โหมด Pro (ปรับทุกอย่างเอง)

โหมดนี้เมื่อเปิดใช้งานจะถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW และ JPEG โดยเราสามารถนำไฟล์ RAW มาแต่งต่อในโปรแกรมเฉพาะได้เพื่อให้มีความยืดหยุ่นของการแต่งที่ดีขึ้น

สิ่งที่เราสามารถปรับในโหมดนี้ได้คือ

  1. โหมดวัดแสง
  2. ค่า ISO
  3. ค่าความเร็วชัตเตอร์
  4. ระดับความสว่าง (EV)
  5. โหมดโฟกัส
  6. White Balance

ซึ่งค่ารูรับแสงไม่สามารถปรับได้ เพราะมันจะคงที่อยู่ที่ f2.2 ครับ

1/400 f2.2 iso125

ถึงเซนเซอร์กล้องสมาร์ทโฟนทั่วไปจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ไฟล์ RAW ของ Huawei P10 มีความยืดหยุ่นใช้ได้ครับ ถ่ายมาผิดๆถูกๆก็พอจะเอามาแก้ไขทีหลังได้ จากภาพนี้ถ่ายมาสว่างเกินเนื่องจากใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้า พอเอาเข้า Lightroom ก็กู้รายละเอียดกลับมาได้อยู่ น่าประทับใจเลยนะ

1/40 f2.2 iso50
1/1500 f2.2 iso50

หมายเหตุ: ปกติไฟล์ RAW จะไม่มีลายน้ำติดเข้ามาในภาพแบบนี้นะ เราแค่เอามาใส่เพิ่มทีหลัง

มีเรื่องที่เรารู้สึกว่าควรปรับปรุงอยู่อย่างนึง คือเรื่องการจัดการไฟล์ครับ เพราะหากถ่ายเป็นไฟล์ RAW+JPEG มันจะบันทึกไฟล์แบบไม่เป็นระเบียบนัก เวลาเข้าไปเช็คภาพใน Gallery เดี๋ยวไฟล์ RAW ก็ขึ้นก่อนบ้าง เดี๋ยวไฟล์ JPEG ก็ขึ้นก่อนบ้าง เวลาเลือกรูปเลยลำบากนิดนึง จริงๆควรจะสลับกันให้มีรูปแบบ หรือควรจะจับแยกโฟลเดอร์ไปเลย

โหมด Monochrome (ขาวดำ)

นี่เป็นโหมดยอดฮิตของ Huawei เลย เพราะมันถ่ายมาจากเซนเซอร์ขาวดำของจริง ไม่ได้มาจากการถ่ายภาพสีๆแล้วมาใส่ฟิลเตอร์ทีหลัง เป็นโหมดที่ถ่ายสนุก ให้รายละเอียดดี เพราะมันไม่มีชั้นสีภายในเซนเซอร์

สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในโหมดนี้คือมันสามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอร่วมกับโหมดขาวดำได้ จากเดิมที่แต่ก่อนต้องเลือกสักทางว่าจะเอาโหมดหลังเบลอหรือขาวดำ

กล้องหน้า

กล้องหน้าของ Huawei P10 เปลี่ยนเป็นกล้อง LEICA ขนาดรูรับแสง1.9 รุ่นที่แล้วไม่ใช่กล้องที่ออกแบบร่วมกับ LEICA นะครับ

การถ่ายด้วยกล้องหน้ามันมีสิ่งที่เพิ่มเข้ามาอย่างนึง คือเวลาที่เราถ่ายเซลฟี่แล้วถ้ากล้องมันจับได้ว่ามีคนอื่นเข้ามาถ่ายด้วยในเฟรม กล้องจะถอยหลังให้1สเต็ปเพื่อให้คนอื่นเข้ามาเซลฟี่กับเราได้ง่ายขึ้นครับ

สองภาพนี้เราถือถ่ายในระยะเดียวกันเลย ตอนแรกกล้องก็ให้มุมภาพปกติ แต่พอพี่ซีเข้ามาในเฟรม กล้องมันก็ถอยหลังให้ได้มุมภาพกว้างขึ้นโดยอัตโนมัติ

สีผิวที่ได้จากกล้องหน้ามีความฟรุ้งฟริ้งใช้ได้ คนน่าจะชอบกันเยอะเลย

ราคา

17,900 บาท ความจุ 32GB

19,900 บาท ความจุ 64GB

สรุป

ใครที่อยากจะได้สมาร์ทโฟนสักเครื่องที่ถ่ายรูปสวยๆ ลองมอง Huawei P10 ไว้เป็นตัวเลือกแรกๆเลยครับ นี่เป็นสมาร์ทโฟนที่ให้รายละเอียดของภาพดีมากๆ สีสันสวย คอนทราสต์สูง สามารถตั้งค่าถ่ายได้ตามต้องการ มีลูกเล่นหน้าชัดหลังเบลอ ราคาไม่ถึง2หมื่นอีกต่างหาก

เท่านี้ครับกับรีวิวกล้องสมาร์ทโฟน Huawei P10 เพื่อนๆสามารถติดตามบทความอื่นๆได้ทาง medium.com/torcnn และเข้ามาพูดคุยกันได้ไม่ว่าจะในช่องทาง Facebook, Twitter, Instagram นะครับ

ก่อนจากกัน ขอลาไปด้วยภาพจาก Huawei P10 ครับ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้า บ๊ายบายยยยยย :D

--

--

Tor Chanon
torcnn

ต่อ ชานนท์ โตเลี้ยง / Photography Tips and Reviews. Instagram & Twitter : @torcnn