รีวิว Lomomatic 110 กล้องฟิล์มตัวจิ๋วรุ่นใหม่ บนฟอร์แมต 110 ที่แทบไม่มีใครรู้จัก

Tor Chanon
torcnn
Published in
5 min read5 days ago

--

สวัสดีครับ Tor Chanon คนเดิมจ้า 😎

กลับมาอีกครั้งกับรีวิวกล้องที่นานๆเขียนทีจนอัลกอริธึมสาปไปแล้ว รอบนี้เป็นรีวิวกล้องจากโลโม่อีกแล้วครับ เพราะเป็นเจ้าเดียวที่ยังส่งของมาให้เล่น

ถ้าใครติดตามค่าย Lomography จะพอรู้ว่าค่ายนี้ชอบคืนชีพให้กับกล้องและเลนส์ชนิดต่างๆ จะล้มหายตายจากไปจากหน้าประวัติศาสตร์นับสิบหรือร้อยปี พี่แกชุบหมด เก่าแค่ไหนก็ผลิตหรือจำลองขึ้นมาให้เล่นใหม่ ดังนั้นใครที่ชอบประวัติศาสตร์ หรือเนิร์ดเทคโนโลยีเก่าๆ น่าจะโดนเส้นเป็นพิเศษ

ฟิล์ม 110 นี่ก็เป็นอีกฟอร์แมตนึงที่เกือบหลับแต่กลับมาได้เพราะ Lomography เลย เพราะรอบนี้เค้าผลิตกล้องฟิล์ม Lomomatic 110 ออกมา ไม่ต้องแปลกใจถ้าตัวเองไม่รู้จักฟิล์ม 110 ผมเองที่รีวิวกล้องอยู่เกือบ10ปี ก็ยังไม่เคยเลี้ยวเข้าวงการนี้มาก่อน

ฟิล์ม 110 คือไร?

ฟิล์ม 110 อ่านว่า วัน-เท็น นะครับ

เราอาจจะคุ้นเคยกับฟิล์ม 35mm และฟิล์ม 120 กันใช่มั้ย หลายคนที่เห็นตัวเลขคงคิดว่า เอ้อ ขนาดของฟิล์ม 110 จะต้องอยู่ระหว่าง 35 กับ 120 แน่เลย! แต่ผิดครับ ความจริงแล้วขนาดของฟิล์ม 110 มันเล็กกว่าฟิล์ม 35mm ด้วยซ้ำ

ฟิล์ม 110 เป็นฟอร์แมตที่เกิดขึ้นในปี 1972 (จงเปิดเพลงยุค70'sไปด้วยเพื่ออรรถรสในการอ่าน) ตอนนั้นโกดักเป็นผู้ผลิตสู่ตลาดครั้งแรก ด้วยความที่รูปแบบของมันเป็นตลับ มีความสำเร็จรูปสูง มันจึงโหลดฟิล์มง่ายมากๆ บวกกับขนาดกล้องยังเล็กกะทัดรัด ทำให้ฟิล์ม 110 เป็นฟิล์มฟอร์แมตที่ฮิตมากในยุคนั้น แต่เวลาผ่านไปก็ทำให้ความนิยมของมันลดลงครับ ฟูจิฟิล์มเองก็เลิกผลิตไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเหลือแค่ Lomography เจ้าเดียวที่ยังคงผลิตฟิล์ม 110 อยู่

ฟิล์ม 110 ของ Lomography สามารถถ่ายได้ 24 ภาพต่อ 1 ตลับนะครับ

Lomomatic 110

กล้อง Lomomatic 110 เป็นกล้องรุ่นใหม่ที่ Lomography เพิ่มเข้ามาในไลน์กล้องฟิล์ม 110 ของตัวเอง (ก่อนหน้านี้ในไลน์ 110 จะมีกล้อง Baby)

ตัวบอดี้น่ารักมากๆ ตอนเห็นคือไม่คิดว่ามันเป็นกล้องด้วยซ้ำ แต่ความพิเศษของกล้อง Lomomatic 110 ไม่ใช่แค่หน้าตาของมัน แต่คือประสบการณ์ในการใช้งานที่หาได้ยากจากกล้องฟิล์มทั่วๆไปครับ

การโหลดฟิล์ม

ปัญหาที่มือใหม่กล้องฟิล์มทั้งหลายกังวลคือเรื่องการโหลดฟิล์ม แต่การโหลดฟิล์มบน Lomomatic 110 นั้นง่ายมากครับ ถ้าถามว่า 1–10 ระดับความยากในการโหลดฟิล์มอยู่ที่เท่าไหร่ ผมมองว่าความยากอยู่ที่ติดลบ 100

สิ่งที่ต้องทำ

  1. เปิดฝาหลัง
  2. ใส่ฟิล์มเข้าไป
  3. ปิดฝา

แค่นี้เลย อยากจะเขียนให้ละเอียดกว่านี้ แต่มันแค่นี้อะ

การขึ้นฟิล์ม

หลังจากโหลดฟิล์มเสร็จ ให้เรา “ดึงกล้องออกด้านข้าง แล้วดันกลับที่เดิม”

ทำแบบนี้1–2ครั้ง จนช่องฟิล์มด้านหลังมันขึ้นเป็นตัวเลข

ก่อนเริ่มถ่ายรูปแรกให้เราตั้งค่าก่อน เมื่อเราดึงด้านข้างออกมา ที่ด้านบนมันจะมี ISO เขียนอยู่ หากเราใส่ฟิล์ม ISO เท่าไหร่ไป ก็ให้ปรับไปใช้ ISO อันนั้นครับ ใช้ปุ่มกลมๆในการปรับขึ้น-ลง

การถ่ายรูป

ทุกๆครั้งที่ถ่ายรูป เราจะต้องดึง Lomomatic 110 ออกด้านข้าง ให้อยู่ในลักษณะด้านล่างแบบนี้ก่อน เค้าถึงจะพร้อมใช้งาน จะเห็นว่าเมื่อดึงออก เลนส์มันจะออกมาด้วย

สิ่งที่ต้องคอยปรับอยู่เสมอ มีอยู่2เรื่องครับ เรื่องที่1 คือ ปรับโฟกัส ต้องคอยเตือนตัวเองให้ไม่ลืมตลอด เราสามารถเลื่อนปรับระยะโฟกัสได้ที่ด้านข้าง มีทั้ง 0.8 / 1.5 / 3 (หน่วยเป็นเมตร) และอินฟินิตี้

เรื่องที่2คือ โหมด Night/Day จริงๆมันคือรูรับแสงของกล้องครับ

  • Night — f2.8
  • Day — f5.6

จริงๆเราจะใช้โหมด Night ไปตลอดเลยก็ได้ แต่ถ้าใช้โหมด Day อย่าลืมเปลี่ยนกลับเป็น Night ด้วยเวลาแสงน้อย ไม่งั้นงานงอก

เมื่อเราเลือกค่าต่างๆเหมาะสมแล้ว ก็ส่องที่ช่องมองภาพ แล้วกดชัตเตอร์ได้เลยครับ

กดถ่ายไปแล้ว จะถ่ายรูปถัดไปยังไง

วิธีเหมือนการขึ้นฟิล์มที่บอกไปก่อนหน้านี้ ถ่ายปุ๊บให้เรา “ดันเข้า แล้วดึงออก”

พอตัวเลข film count เปลี่ยนไปปุ๊บ เท่านี้ก็พร้อมกดถ่ายภาพถัดไปแล้ว แต่เวลาขึ้นฟิล์มไปรูปถัดไปอาจจะสัมผัสได้ถึงความติดขัดนิดหน่อยนะครับ ถ้าดันไม่เข้า ให้ดึงออก แล้วค่อยดันกลับเข้าไปใหม่

ซ้อนภาพ

ด้านล่างของ Night / Day จะมีเครื่องหมาย MX อยู่ อันนี้เอาไว้ถ่ายภาพซ้อน

วิธีใช้ปุ่ม MX ซ้อนภาพ : ถ้าเราถ่ายรูปไปแล้ว อย่าเพิ่งขึ้นฟิล์ม เลื่อน MX 1 ที แล้วกล้องมันจะอนุญาตให้เราถ่ายทับอีกรอบนึง

ภาพที่ได้

เราเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าฟิล์ม 110 จะได้ภาพทรงประมาณไหน ตอนที่ถ่ายแล้วส่งล้างนี่ไม่ได้คาดหวังไรเลย แต่พอเห็นภาพที่ออกมา เราว่า Quality มันดีอะ ทั้งเรื่องความคม รายละเอียดต่างๆก็ใช้ได้เลย

ฟิล์ม Tiger 200

ฟิล์ม Metropolis 100–400

ฟิล์ม Turquoise 100–400

Lomomatic 110 พอเอาไปถ่ายจริง ทุกคนรอบตัวงงครับ น้องที่พาไปถ่ายก็งง ว่าพี่หยิบไรออกมาถ่ายวะ มันเป็นกล้องฟิล์มที่ไม่เหมือนใครในยุคนี้ ทั้งหน้าตา ลักษณะการใช้งาน และภาพที่ออกมาเลย

ปัจจุบัน Lomography มีฟิล์มให้เลือกหลายตัวนะครับ นอกจาก Tiger, Metropolis, Turquoise ที่โชว์ไปข้างบน เค้ายังมีฟิล์ม Color ’92, Purple, Lobster Redscale, B&W Orca และตัวที่เพิ่งออกใหม่เลยคือ Color’92 Sunkissed

ข้อดี

  1. ได้ลองเล่นเทคโนโลยีกล้องสุดเฟี้ยว สมัยคุณปู่ยังหนุ่ม
  2. รูปไม่เหมือนใคร แถมขอบฟิล์มดูมีกิมมิคมากๆ
  3. ตัวเล็ก โคตรเบา พกพาง่ายมาก มั่นใจได้เลยว่าใส่กระเป๋าไซส์เล็กของผู้หญิงได้แบบ 99.99% อีก 0.01% ที่ใส่ไม่ได้คือกระเป๋า Jacquemus Le Chiquito
  4. รายละเอียดภาพไม่แย่ ถึงแม้จะตัวเล็กก็ตาม
  5. ถ้าเรามึนเปิดฝาฟิล์มออกมา ภาพจะเสียแค่ภาพเดียว ฟิล์ม 110 มันปลอดภัยเรื่องแสงรั่วมากกว่า 35mm เยอะครับ

ข้อสังเกตก่อนซื้อ

  1. ไม่ใช่ทุกร้านที่ยังรับล้างสแกนฟิล์ม 110 ตรวจสอบร้านให้ดีก่อนนะ
  2. เวลาขึ้นฟิล์มหลังถ่ายภาพ อาจรู้สึกว่ากลไกมันติดขัด แต่จริงๆแล้วไม่เป็นอะไร ไม่ได้พัง แค่ดึงออกแล้วดันกลับเข้าไปใหม่จนตัวเลข film count มันเปลี่ยนก็ใช้ได้
  3. ตลับนึงถ่ายได้ 24 รูป
  4. มีผู้ผลิตฟิล์ม110อยู่เจ้าเดียวตอนนี้
  5. มีภาพเสียอยู่บ้าง(ส่วนน้อย) อาจเป็นเพราะกลไกชัตเตอร์ทำงานผิดพลาด

ช่องทางสั่งซื้อและราคา

ซื้อได้ที่เว็บออฟฟิเชียล Lomography จ้า ⭐️

มี 2 สี คือ Golden Gate (สีที่นำมารีวิว) และ Metal

Lomomatic 110 มันจะมีเวอร์ชั่นที่มีแฟลชด้วย ซึ่งจริงๆถ้าใครซื้อ แนะนำให้เอารุ่นที่มีแฟลชมาด้วยเถอะ เผื่อถ่ายแสงน้อยจะได้รอด ตัวแฟลชสามารถถอดออกได้เผื่อใครอยากให้มันกะทัดรัดกว่าเดิม แต่ติดไว้เถอะ มันไม่ได้ใหญ่เลย

ค่าตัว 3,480 บาท(รุ่นไม่มีแฟลช) 4,380 บาท(มีแฟลช)

สรุป

เอาความเห็นส่วนตัวเลยนะครับ Lomomatic 110 เป็นกล้องที่เล่นสนุกมากๆตัวนึงนะ ชอบเลย โดยเฉพาะความรู้สึกที่ได้ควบคุมกลไกของกล้องด้วยวิธีการแปลกๆ อย่างการดึงและดันกล้องให้ยืดหด เป็นอะไรที่หาสัมผัสได้ยากในยุคนี้ครับ

จบรีวิวเท่านี้นะ อาจมาไม่บ่อย แต่ยังสนุกกับกล้องอยู่ ดังนั้นจะมาเรื่อยๆแน่นอน!

--

--

Tor Chanon
torcnn

ต่อ ชานนท์ โตเลี้ยง / Photography Tips and Reviews. Instagram & Twitter : @torcnn