ซื้อกล้อง Mirrorless ตัวไหนดี? คู่มือเลือกซื้อกล้องประจำปี2017 (by @torcnn)

Tor Chanon
torcnn
Published in
14 min readMar 13, 2017

--

อยากได้กล้อง Mirrorless สักตัวแต่ไม่รู้จะซื้อตัวไหนดี? มาครับ เดี๋ยวช่วยเลือก

สวัสดีครับเพื่อนๆ เรา @torcnn คนเดิม เมื่อต้นปีที่แล้วเราได้เขียนบทความนึง เรื่อง “ซื้อกล้อง Mirrorless ตัวไหนดี? ของปี2016” พอเข้าปี2017ก็มีคนแห่ถามกันเข้ามาเยอะครับว่าเมื่อไหร่บทความนี้ของปี2017จะออกบ้าง โอเค! มาครับ!

กล้อง Mirrorless คือกล้องดิจิตอลชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ที่ไม่มีกระจกสะท้อนภาพอยู่ภายในตัวกล้อง (กล้องDSLRจะมีกระจกที่ว่านี้ไว้เพื่อสะท้อนภาพจากเลนส์ขึ้นไปยังช่องมองภาพ ก่อนจะเข้าสู่ตาของเรา)

ด้วยความที่ Mirrorless มันไม่มีกระจกสะท้อนภาพ ทำให้ขนาดของกล้อง Mirrorless มักจะเล็ก พกพาไปเที่ยวได้สะดวก แถมกล้อง Mirrorless จำนวนมากยังมีขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ มอบคุณภาพไฟล์ที่ดีอีกด้วย

บทความนี้เราจะแบ่งกล้องตามลักษณะการใช้งานของเพื่อนๆก่อน จำแนกกล้องตามความต้องการที่เพื่อนๆถามกันเข้ามาบ่อยๆ โดยลักษณะการใช้งานจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 9 หมวด ก็คือ

  1. สเปคพอดี เซลฟี่ไม่เน้น
  2. ถ่ายเล่นๆ เน้นเซลฟี่ได้
  3. พกพาง่าย ไม่เปลืองพื้นที่
  4. ภาพนิ่งก็ดี แต่งานวิดีโอต้องเด่น
  5. ถ่ายวิดีโอเล่นๆ เผื่อเป็นVlogger
  6. หน้าชัดหลังเบลอ ไฟล์ยืดหยุ่น
  7. ไม่เกี่ยงรุ่น เน้นหน้าตา
  8. ใช้ส่องโอปป้าเวลาติ่ง
  9. อึดจริง พาไปไหนก็ได้

****ขอหมายเหตุตัวโตๆว่าบทความนี้ยาวสุดๆ ถ้าอ่านหมดได้นี่เก่งมาก ดังนั้นเลือกอ่านเฉพาะหมวดที่เราสนใจได้เลย เราจะเน้นพูดถึงกล้องที่ยังไม่ตกรุ่นนะครับ****

1. สเปคพอดี เซลฟี่ไม่เน้น

หลายๆคนจะชอบเข้ามาถามหากล้องประเภทนี้จากเราครับ เจอบ่อยเว่อ เราเลยเขียนให้เป็นหมวดแรกเลย ผู้ที่เลือกใช้กล้องหมวดนี้ คือผู้ที่อยากได้กล้องสเปคโอเคในราคาไม่แพงเกินไป เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก อาจจะเป็นคนที่มีประสบการณ์การใช้กล้องอยู่แล้วประมาณหนึ่ง หรืออาจจะเป็นคนที่ไม่มีประสบการณ์เลยแต่อยากลงทุนเพื่อฝึกฝนสกิลการถ่ายรูปของตัวเอง ไม่ได้แคร์เรื่องเซลฟี่ แต่ให้น้ำหนักกับเรื่องของช่องมองภาพมากกว่า

ถ้าไม่รู้ว่าช่องมองภาพมีไว้ทำอะไร คืองี้ เคยมองหน้าจอมือถือเวลากลางวันใช่มะ แสงมันจะจ้าเกินจนมองหน้าจอไม่เห็น ช่องมองภาพก็จะเป็นประโยชน์ในตอนนี้แหละ มันใช้ส่องดูภาพก่อนกดถ่าย จะได้ไม่มีแสงมารบกวนสายตาเราครับ

ช่องมองภาพ

มาเริ่มกันที่รุ่นแรกเลยนะ

Sony A6000

อยู่มานาน และก็ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญเหมือนเดิมสำหรับเจ้า Sony A6000 ตัวนี้ รุ่นนี้เรายังยกให้เป็นหนึ่งในรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด ถึงแม้จะออกมาแล้ว3ปี ย้ำว่า3ปี! แต่สเปคก็ยังทัดเทียมชาวบ้านในปัจจุบันได้อย่างโคตรสบาย

เซนเซอร์ของเค้ามีขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.5เท่า) ใส่ความละเอียดมา24ล้าน จุดเด่นคือมีระบบโฟกัส2แบบ คือ Contrast Detection (25จุด) กับ Phase Detection (179จุด) ซึ่งเร็วใช้ได้ การโฟกัสต่อเนื่องทำได้โอเค ไม่ได้ถึงขั้นเร็วแบบบ้าคลั่งอย่างรุ่น A6300 กับ A6500 แต่ก็เหลือเฟือสุดๆต่อการใช้งานทั่วไป มีช่องมองภาพให้ใช้งาน วิดีโอเป็น Full HD ที่ 60fps ซึ่งแค่นี้ก็ละเอียดและsmoothพอละ

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 16–50mm ราคา 27,990 บาท ซึ่ง ณ เวลานี้ไม่มีใครซื้อราคาเต็มอะ โปรโมชั่นเพียบ หากันเอาเองเด้อ

Panasonic Lumix GX85

มาถึงค่ายที่ตั้งชื่อกล้องได้งงมากๆค่ายนึงครับ รุ่นนี้เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจาก GX7 ในประเทศไทยจะเรียกรุ่นนี้ว่า GX85 บางประเทศจะเรียกรุ่นนี้ว่า GX80 และในญี่ปุ่นจะเรียกรุ่นนี้ว่า GX7 Mark II ครับ งงไปหมด 555

เซนเซอร์ของ GX85 เป็นเซนเซอร์ขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ความละเอียดอยู่ที่ 16ล้าน ซึ่งเหลือเฟือแล้วแหละสำหรับเซนเซอร์ขนาดนี้ ความโดดเด่นก็คือกล้องตัวนี้สามารถถ่ายวิดีโอ4Kได้ที่30fps แถมมีกันสั่น5แกนมาให้ใช้งานด้วย งานวิดีโอของพานาโซนิกนี่แจ่มแมวอยู่แล้วครับ (เสียดายที่รุ่นนี้ไม่มีช่องเสียบไมค์มาให้ และก็พลิก180องศาดูหน้าตัวเองเวลาถ่ายวิดีโอไม่ได้) รุ่นนี้มีฟังก์ชั่นสนับสนุนงานภาพนิ่งอย่าง 4K Photo และ Post Focus ด้วย

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 12–32mm ราคา 29,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ 20mm f1.7 ราคา 33,990 บาท

Fujifilm X-T20

เป็นรุ่นที่ต่อยอดจาก X-T10 (ซึ่งเป็นรุ่นสุดฮิตของชาวฟูจิเลย) ชื่อ X-T เป็นชื่อของซีรีส์กล้องฟูจิที่เน้นด้าน Performance ครับ โดยถ้าชื่อรุ่นมันมีเลข0ลงท้าย แปลว่าราคามันจะจับต้องง่ายนิดนึง

เซนเซอร์เป็นเซนเซอร์ X-Trans CMOS II มีขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม 1.5เท่า) ความละเอียด 24ล้าน ความโดดเด่นตลอดกาลของฟูจิคือเรื่องสีของไฟล์ภาพJPEGที่นุ่มนวลสวยงาม กับปุ่มปรับต่างๆนานาที่ทำมาให้ปรับได้จากด้านนอกตัวกล้องได้เลย

ตัว Fujifilm X-T20 นี้มาพร้อมชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ มีหน้าจอทัชสกรีน สามารถโฟกัสได้เร็วขึ้นกว่ารุ่น X-T10 และที่สำคัญคือสามารถถ่ายวิดีโอ4Kได้ที่30fps นี่คือกล้องมิเรอร์เลสวิดีโอ4Kของฟูจิที่ราคาถูกที่สุดในตอนนี้เลยแหละ

บอดี้เปล่า ราคา 33,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 16–50 mm ราคา 37,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 18–55 mm ราคา 45,990 บาท

Fujifilm X-E2s

กล้องรุ่นนี้เป็นกล้องที่มีความคล้ายคลึงกับรุ่น X-T10 อย่างมาก สเปคด้านในต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เซนเซอร์เป็นเซนเซอร์ X-Trans CMOS II ขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม 1.5เท่า) ความละเอียด 16ล้าน แต่ความต่างของมันกับ X-T10 หลักๆเลยก็คือเรื่องดีไซน์กับหน้าจอด้านหลังที่พลิกไม่ได้(ในขณะที่ X-T10 จอพลิกได้) และหน้าจอของ X-E2s จะมีความละเอียดสูงกว่านิดหน่อย ส่วนการถ่ายภาพต่อเนื่องจะได้ที่ 7 ภาพต่อวินาที (เทียบกับ X-T10 ที่ 8 ภาพต่อวินาที)

บอดี้เปล่า ราคา 24,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 18–55mm ราคา 36,990 บาท

Olympus OM-D E-M10 III

ถ้าใครถามเราว่าอยากได้กล้อง Olympus ที่ดีคุ้มราคาสักตัว เอาตัวไหนดี? เจ้า Olympus OM-D E-M10 III นี่แหละจะเป็นกล้องที่เราเลือกมาแนะนำครับ รุ่นนี้เพิ่งวางขายเดือนกันยา2017นี่เอง

เซนเซอร์เป็นขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ความละเอียด16ล้าน ความโดดเด่นคือมีกันสั่น5แกนที่ช่วยให้ถ่ายภาพที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆได้ เป็นกล้องที่เหมาะใช้ถ่ายสตรีทเลยแหละ เพราะมันโฟกัสได้รวดเร็วมาก มีชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่เงียบ หน้าจอพลิกได้หลายองศา หน้าจอมันทัชสกรีนด้วย แตะๆเลือกจุดโฟกัสได้เลย รุ่นนี้เล่นฟังก์ชั่นต่างๆง่ายกว่ารุ่นที่แล้วเยอะ

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 14–42mm ราคา 29,990 บาท

เคยรีวิวไว้อยู่ ถ้าสนใจก็กดอ่านข้างล่างนี้จ้ะ

2. ถ่ายเล่นๆ เน้นเซลฟี่ได้

มาถึงหมวดที่2 ซึ่งน่าจะเป็นหมวดที่คนนิยมมากที่สุด ผู้ที่เลือกใช้กล้องหมวดนี้ คือผู้ที่ไม่ได้จริงจังกับการถ่ายภาพมากนัก ไม่ได้ต้องการลงทุนกับเรื่องนี้เยอะ แค่อยากได้กล้อง Mirrorless เอาไว้ใช้ถ่ายทั่วๆไป และเอาไว้ใช้เซลฟี่ด้วย กล้องหมวดนี้จะเป็นกล้องที่ราคาถูกที่สุดครับ

Fujifilm X-A3

ถ้าไม่พูดถึงคงไม่ได้ กับกล้องมิเรอร์เลสเซลฟี่ตัวใหม่จากทางฟูจิ รุ่นนี้ไม่ได้มาแทน Fujifilm X-A2 แต่อย่างใด แต่ว่าถูกวางไว้ในระดับสูงกว่านะ

เซนเซอร์มีขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.5เท่า) ความละเอียด24ล้าน ความโดดเด่นของรุ่นนี้คือสีสันของภาพนี่แหละ แต่รุ่นนี้ไม่ได้ฟรุ้งฟริ้งเว่อนะ มันฟรุ้งฟริ้งน้อยกว่า X-A2 เท่าที่เล่นคือจะให้ผิวชมพูแบบมีสีเหลืองๆส้มๆนิดหน่อยเวลาเซลฟี่ แต่ก็ยังคงสีสันสไตล์ของฟูจิไว้อยู่ หน้าจอสามารถทัชได้ มีชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ให้ใช้ด้วย เผื่อใครอยากกดถ่ายแบบเงียบๆ

บอดี้พร้อมเลนส์คิต16–50mm ราคา 23,990 บาท

มีรีวิวด้วยนะฮะ ถ้าสนใจลองอ่านดูก่อนได้เน้อ

Panasonic Lumix GF9

เรายกให้นี่เป็นกล้องที่สเปคเกินหน้าเกินตาชาวบ้านสุดละ เนื่องจากมันมีวิดีโอ4Kเข้ามาด้วย ซึ่งในกล้องระดับนี้ไม่มีใครเค้าใส่เข้ามาให้ใช้กันหรอก ยกเว้นเจ้านี้ 555

เซนเซอร์มีขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ความละเอียด 16 ล้าน สามารถถ่ายวิดีโอ4Kที่30fpsได้ แต่การโฟกัสยังเป็นแบบ Contrast Detection อยู่หน้าจอสามารถพลิกเพื่อเซลฟี่ได้ การทัชสกรีนตอบสนองรวดเร็วดี มีฟังก์ชั่นสนับสนุนงานภาพนิ่งอย่าง 4K Photo, Focus Stacking, 4K Selfie และ Panorama Selfie นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นแต่งหน้าด้วย คือถ่ายมาก่อนแล้วค่อยแต่งหน้าทีหลังในกล้อง สะพรึงมาก

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 12–32 mm ราคา 23,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ 20mm f1.7 ราคา 27,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ 12–32 mm และ 35–100 mm ราคา 29,900 บาท

Sony A5100

อยู่ยงคงกระพันสุดๆสำหรับ Sony A5100 ที่ออกมานานแล้วแต่ก็ยังขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอยู่ทุกปี สำหรับคนที่อยู่ในวงการของกล้องมิเรอร์เลส รุ่นนี้น่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีเลย ในวงการของบล็อกเกอร์ โดยเฉพาะสายบิวตี้ก็จะนิยมใช้ตัวนี้กัน

เซนเซอร์มีขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.5เท่า) ความละเอียด24ล้าน ถ่ายวิดีโอ Full HD ได้ที่60fps ความโดดเด่นของกล้องตัวนี้คือมันให้สีสันที่ไม่หนีจากความเป็นจริง และระบบโฟกัสแบบ Phase Detection ที่ช่วยจับวัตถุที่เคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้ความสามารถในการถ่ายวิดีโอของกล้องตัวนี้อยู่ในระดับดี แม้วัตถุจะเคลื่อนที่เข้าออก มันจับโฟกัสให้หมดและsmoothมากๆด้วย สามารถทัชโฟกัสได้ มีขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัด สามารถจับโยนๆใส่กระเป๋าได้โดยเปลืองพื้นที่ไม่มากนัก

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 16–50mm ราคา 24,990 บาท จะลดมั้ยนี่แล้วแต่อารมณ์ของโซนี่เค้า เพราะบางทีของมีน้อยก็ขายราคาเต็ม ในขณะที่บางทีก็ลดแหลกแจกแถม แต่ที่แน่ๆมันจะมีแพคเกจซื้อเลนส์ตัวที่สองในราคาพิเศษ ลองถามรายละเอียดจากพนักงานดูครับ

Olympus PEN E-PL8

เป็นรุ่นที่เรางงมากเพราะมันออกมาแทนรุ่น E-PL7 แต่สเปคข้างในเหมือนกันมาก เหมือนเอามาปรับหน้าตาใหม่แล้วขายเลย ยังไงถ้าถามเรื่องหน้าตานี่ชนะขาด เพราะเราว่าดีไซน์ออกมาสวยน่าใช้กว่าเดิมเยอะ

เซนเซอร์เป็นขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ความละเอียด 16 ล้าน มีหน้าจอทัชสกรีน สามารถพับจอเซลฟี่ได้โดยที่หน้าจอจะพับลงไปด้านล่าง ความโดดเด่นสุดคือมีกันสั่น ปกติแล้วฟังก์ชั่นกันสั่นมักจะถูกใส่มาในกล้องที่ระดับสูงกว่านี้ครับ แต่โอลิมปัสเค้าใส่มาให้ตั้งแต่กล้องระดับเริ่มต้นเลย ซึ่งนี่จะเป็นประโยชน์มากๆเวลาที่เราต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้าๆถ่ายในสภาวะแสงน้อยๆ

บอดี้พร้อมเลนส์ 14–42mm ราคา 24,990 บาท

Fujifilm X-A10

อันนี้เป็นกล้องเซลฟี่น้องเล็กจากค่ายฟูจิที่เกิดมาแทน Fujifilm X-A2 ครับ ซึ่งเป็นรุ่นที่เป็นกระแสกันอยู่พักใหญ่ๆเลยทีเดียว

เซนเซอร์มีขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.5เท่า) ความละเอียด16ล้าน ความโดดเด่นก็คือเรื่องสีสันสไตล์ฟูจิที่มาในราคาที่จับต้องได้ง่ายมาก กล้องตัวนี้ไม่สามารถทัชสกรีนได้เหมือน Fujifilm X-A3 นะครับ และไม่มี Hotshoe ไว้ติดแฟลชนอกด้วย (ซึ่งสำหรับคนที่ถ่ายขำๆคงไม่ได้จำเป็นเท่าไหร่) ถ้าใครอยากจะได้กล้องฟูจิสักตัว มีงบจำกัด และไม่ได้ซีเรียสเรื่องสเปคมากนัก ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่โอเคเลยนะ

บอดี้พร้อมเลนส์คิต16–50mm ราคา 19,990 บาท

Canon EOS M10

กล้องตัวนี้เป็นกล้องมิเรอร์เลสระดับล่างสุดของค่ายแคนอนที่พวกเราคุ้นเคยกันดีครับ หน้าตาน่ารักมุ้งมิ้ง มีปุ่มต่างๆน้อยมาก และราคาถูกมากด้วย

เซนเซอร์มีขนาด APS-C (ขนาดAPS-Cของแคนอนจะเล็กกว่าฟูลเฟรม1.6เท่า) ความละเอียด18ล้าน ความโดดเด่นคือมีขนาดเล็ก มีน้ำหนักเบามาก ปุ่มน้อย ถ่ายเซลฟี่ให้ผิวอมชมพู และสามารถซื้อเคสมาแต่งตัวให้กล้องได้! 5555 ซีรีส์นี้อาจจะด้อยนิดนึงเรื่องปริมาณตัวเลือกของเลนส์ แต่พี่แกขายเลนส์ถูกกว่าชาวบ้านทั้งหมดทั้งมวล เราสามารถซื้ออแดปเตอร์มาต่อเลนส์ DSLR ของแคนอนได้ด้วย สาวๆขี้เกียจออกเลนส์จะไปจิ๊กเลนส์แคนอนของพ่อหรือของแฟนมาใช้ก็ได้ เพียงแค่มีอแดปเตอร์

บอดี้พร้อมเลนส์คิต15–45mm 3.5–6.3 ราคา 16,390 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 15–45mm และเลนส์ฟิกซ์ 22mm f2 ราคา 20,190 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์2ตัว 15–45mm กับเลนส์ซูม 55–200mm ราคา 25,190 บาท

Canon EOS M3

กล้องตัวนี้เป็นกล้องมิเรอร์เลสที่ระดับสูงขึ้นมาจากรุ่น M10 หนึ่งสเต็ป โดยจะมีปุ่มและdialต่างๆที่มีความซับซ้อนมากขึ้น แต่ทำให้สามารถปรับค่าต่างๆได้รวดเร็วกว่า

เซนเซอร์มีขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.6เท่า) ความละเอียด24ล้าน หน้าจอพลิกได้หลากหลายองศากว่า M10 เซลฟี่ได้ ถึงแม้ตัวกล้องจะไม่มีviewfinder แต่สามารถซื้อมาติดได้

เช่นเดียวกับ Canon EOS M10 คือเลนส์ยังมีให้เลือกน้อยอยู่ แต่ราคาถูก และสามารถซื้ออแดปเตอร์มาติดเพื่อใช้เลนส์ DSLR ของค่ายแคนอนได้

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 18–55mm 3.5–5.6 ราคา 22,900 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์คิตแบบมี viewfinder ด้วย ราคา 24,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์สองตัว 18–55mm กับ 55–200mm ราคา 31,900 บาท

Sony A5000

รุ่นนี้อยู่มานานและเป็นเสมือนน้องของ Sony A5100 ครับ ความสามารถจะคล้ายๆกันแต่ถูกดาวน์เกรดสเปคบางส่วนลงไป พร้อมกับราคาที่ถูกลงแบบเด็กมัธยมก็ทำงานเก็บตังซื้อได้

เซนเซอร์มีขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.5เท่า) ความละเอียด20ล้าน สิ่งที่แตกต่างจาก A5100 หลักๆเลยคือระบบโฟกัสของตัวนี้จะเป็นแบบ Contrast Detection ทำให้การ Track วัตถุอาจจะไม่ดีเท่า A5100 และตัวนี้ทัชสกรีนไม่ได้นะ ความละเอียดหน้าจอต่ำกว่าด้วย แต่สำหรับใครที่อยากจะได้กล้องมาถ่ายรูปทั่วๆไป เซลฟี่ได้ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องสเปคที่ว่ามากนัก เน้นราคาถูกกว่า จะซื้อตัวนี้แทนก็ไม่เลวเลยนะครับ คุณภาพของไฟล์นี่ไม่ได้ด้อยไปกว่า A5100 เท่าไหร่เลย

บอดี้พร้อมเลนส์คิต16–50mm ราคา 18,990 บาท

Yi M1

นี่เป็นกล้องมิเรอร์เลสน้องใหม่ และเป็นกล้องมิเรอร์เลสตัวแรกจากค่าย Yi (จะอ่านว่า อี่ หรือ วาย-ไอ ก็ได้) เป็นค่ายกล้องจีนซึ่งหลายๆคนน่าจะรู้จักในชื่อ Xiaomi ครับ ไม่มีใครคิดหรอกว่าค่ายนี้จะมาเอาจริงเอาจังกับกล้องมิเรอร์เลส เพราะเห็นอยู่แต่ในตลาดแอคชั่นแคมมาก่อน

เซนเซอร์เป็นขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ความละเอียด 20 ล้าน มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีน ความโดดเด่นคือมีปุ่มน้อยมากๆ คือกะให้เน้นแตะหน้าจออย่างเดียวเลย สามารถถ่ายวิดีโอ4K ที่30fpsได้ และมีฟังก์ชั่นสอนการโพสท่าของนางแบบด้วย แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมทางการตลาด ทำให้กล้องตัวนี้ไม่เป็นที่พูดถึงเท่าไหร่ แต่ถ้าใครชอบลองอะไรแปลกใหม่ แบบที่ชาวบ้านเค้าไม่มีกัน ก็ต้องตัวนี้แหละ ราคาไม่แพงด้วย เห็นมีโปรโมชั่นอยู่เรื่อยๆ

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 12–40mm ราคา 17,590 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 12–40mm และ 42.5 mm f1.8 ราคา 24,590 บาท

3. พกพาง่าย ไม่เปลืองพื้นที่

มาถึงหมวดที่3กันบ้าง ผู้ที่เลือกใช้กล้องหมวดนี้ คือผู้ที่อยากพกกล้องติดตัวไปในหลายๆที่โดยไม่เป็นภาระ สามารถหยิบใส่กระเป๋าได้โดยไม่เปลืองพื้นที่ แม้สะพายติดตัวก็ไม่รู้สึกหนัก อาจจะเอาพื้นที่ที่เหลือไปพกเลนส์ให้ได้มากขึ้นแทน

จริงๆโลกเรามีกล้องมิเรอร์เลสขนาดเล็กจิ๋วหลายตัวครับ (เช่นพวก Pentax Q) แต่ธรรมชาติของกล้องขนาดเล็กคือมันมักจะมีขนาดเซนเซอร์ที่เล็ก และพอเซนเซอร์ยิ่งเล็ก คุณภาพไฟล์ก็จะยิ่งดรอปลง กล้องขนาดจิ๋วๆเลยมักไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไหร่และหลายๆรุ่นก็เลิกขายไปตามกลไกตลาด

เราขอเลือกกล้องที่เราเคยมีประสบการณ์ในการเล่นมาก่อนละพบว่ามันมีขนาดเล็ก พกพาง่าย โดยเอาเฉพาะรุ่นที่ยังมีขายอยู่ในปัจจุบัน ดังต่อไปนี้ครับ

Nikon1 J5

นี่เป็นหนึ่งในกล้องมิเรอร์เลสที่เล็กที่สุดที่หาได้ในปัจจุบัน คนอาจจะไม่ได้กล่าวถึงค่าย Nikon มากนักหากพูดถึงกล้องมิเรอร์เลส แต่จริงๆแล้วเค้าก็มีมิเรอร์เลสของเค้าเหมือนกันนะ เพียงแต่ว่าเค้าออกจะอินดี้ไปสักหน่อย

เซนเซอร์ของกล้อง Nikon1 J5 มีขนาด 1 นิ้ว (เล็กกว่าฟูลเฟรม 2.7 เท่า) ซึ่งเป็นขนาดที่ถือว่าเล็ก และชาวบ้านยี่ห้ออื่นเค้าไม่นิยมทำกันครับ ส่วนมากเซนเซอร์ขนาดนี้จะอยู่ในกล้องประเภทคอมแพค หรือกล้องดิจิตอลอื่นๆที่เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ทั้งหลาย อย่างไรก็ตามจุดแข็งของเซนเซอร์ขนาดนี้คือโฟกัสเร็ว แถมขนาดบอดี้จะเล็กสุดๆ แม้แต่ขนาดของเลนส์ก็เล็กมากเช่นกัน ทำให้สามารถพกเลนส์ได้หลายตัว หรือพกกล้องได้โดยที่ไม่รู้สึกว่าชีวิตถูกรบกวนอะไรเลย สเปคของกล้องตัวนี้ออกจะแปลกประหลาด ขาดๆเกินๆ คือถ่ายวิดีโอ 4K ได้ แต่แค่ที่ 15fps และถ่ายภาพต่อเนื่องได้รัวมากที่ 60 ภาพต่อวินาที

บอดี้มีน้ำหนัก 231 กรัมเท่านั้นเอง

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 10–30mm f3.5–5.6 ราคา 21,990 บาท เดี๋ยวนี้น่าจะไม่ใช่ราคานี้แล้ว น่าจะมีลดจากป้ายอีกพอสมควรครับ

Sony A5100/A5000

นอกจากทั้ง2รุ่นนี้จะอยู่ในหมวดตะกี๊(2.ถ่ายเล่นๆเน้นเซลฟี่ได้)ก็ยังมาโผล่อยู่ในหมวดนี้ด้วย นอกจากสเปคจะโอเคแล้ว ขนาดของตัวกล้องก็ยังเล็ก โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับเลนส์คิต 16–50mm ที่ยืดหดได้ ทำให้มันกินเนื้อที่กระเป๋าน้อยมาก

ทีนี้จะเอารุ่นไหนระหว่าง Sony A5100 หรือ Sony A5000 ก็ลองคิดดูว่าอยากได้ระบบโฟกัสแบบ Phase Detection แค่ไหน ระบบโฟกัสนี้จะช่วยให้ถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น เป็นประโยชน์กับงานวิดีโอ ถ้าเรื่องนี้สำคัญก็ไป Sony A5100 แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ จะไปจัด Sony A5000 ก็เป็นทางเลือกที่ประหยัดเงินไปได้จำนวนนึง

Sony A5100 กับ A5000 มีน้ำหนัก 283 กรัม และ 269 กรัม ตามลำดับ

Sony A5100 บอดี้พร้อมเลนส์คิต16–50mm ราคา 24,990 บาท

Sony A5000 บอดี้พร้อมเลนส์คิต16–50mm ราคา 18,990 บาท

Panasonic Lumix GF9

ด้วยเซนเซอร์ขนาด Micro Four Thirds ทำให้ขนาดบอดี้ของ Panasonic Lumix GF9 เล็กมากๆ แถมยังได้เปรียบสุดๆเรื่องขนาดเลนส์ ขนาดของเลนส์ Micro Four Thirds ล้วนมีขนาดเล็กทั้งสิ้น ทำให้ไม่เปลืองพื้นที่ในการพกพาครับ

บอดี้มีน้ำหนัก 269 กรัม

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 12–32 mm ราคา 23,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ 20mm f1.7 ราคา 27,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ 12–32 mm และ 35–100 mm ราคา 29,900 บาท

Canon EOS M10

คอนเซปของกล้องตัวนี้คือตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่จำเป็นออกหมดเพื่อให้ตัวกล้องมีความซับซ้อนน้อยที่สุด ซึ่งการตัดทุกอย่างออกก็ทำให้มันมีขนาดตัวที่เล็กมากด้วย

กล้องตัวนี้ถ้าอยากได้ขนาดตัวที่เล็กจริงๆ เราแนะนำให้จับคู่กับเลนส์ 22mm f2 ครับ หากซื้อเป็นแพคเกจ ราคามันจะถูกมาก เลนส์เหลืออยู่ที่ประมาณ 4000 บาทเท่านั้นเอง เลนส์ 22mm ตัวนี้สามารถทำหน้าชัดหลังเบลอได้ประมาณหนึ่ง มีความไวแสง ถ่ายในสภาวะแสงน้อยได้ ตัวเลนส์จะให้องศาภาพที่ค่อนข้างกว้าง ถ่ายได้หลากหลายแนวครับ

น้ำหนัก 301 กรัม

บอดี้พร้อมเลนส์คิต15–45mm 3.5–6.3 ราคา 16,390 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 15–45mm และเลนส์ฟิกซ์ 22mm f2 ราคา 20,190 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์2ตัว 15–45mm กับเลนส์ซูม 55–200mm ราคา 25,190 บาท

Z Cam E1

อันนี้ออกจะหลุดจากชาวบ้านชาวช่องไปนิดนึง นี่เป็นกล้องที่ถือกำเนิดใน KickStarter มาก่อนครับ จนวันนึงก็ได้พัฒนาและผลิตออกมาเป็นๆให้ได้ใช้งานกัน กล้องตัวนี้เป็นกล้อง Mirrorless กึ่ง Action Camera เพราะขนาดมันเล็กมาก แต่ว่ามันสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ด้วย

เซนเซอร์ที่ใช้มีขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ทำให้กล้องตัวนี้สามารถใช้เลนส์ของทั้ง Olympus และ Panasonic ได้หมด ความละเอียดที่ใส่มาคือ 16 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอ4K ควบคุมการใช้งานกล้องผ่านสมาร์ทโฟนได้

น้ำหนัก 216 กรัม

ไม่มีเจ้าไหนในไทยที่นำเข้ามานะครับ ต้องซื้อผ่านเว็บนอกเพียงอย่างเดียว

บอดี้เปล่า ราคา $699 หรือประมาณ 24,000 บาท

4. ภาพนิ่งก็ดี แต่งานวิดีโอต้องเด่น

ผู้ที่เลือกกล้องหมวดนี้ คือผู้ที่ทำมาหากินกับงานถ่ายวิดีโอ คุณภาพของวิดีโอที่ได้ต้องดี ปริมาณพิกเซลไม่สำคัญเท่าขนาดของพิกเซล กล้องที่ใช้ต้องมีคุณสมบัติต่างๆที่ช่วยเหลืองานวิดีโอ อาจจะเป็นความละเอียดระดับ4K กันสั่นภายในตัวกล้อง มีช่องเสียบไมค์ หรือถ้าคนไหนจริงจังมากหน่อยอาจต้องถ่ายวิดีโอเป็นโปรไฟล์LOGได้เพื่อมาทำ Color Grading ในภายหลัง

Panasonic GH5

ถ้าถามหางานวิดีโอก็ต้องพูดถึงซีรีส์เรือธง GH นี่แหละ ซีรีส์ GH ของ Panasonic กับงานวิดีโอระดับโปรเป็นเหมือนสิ่งที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานาน ผลิตภัณฑ์ของเค้าทำมาถูกจริตมนุษย์สายวิดีโอซะเยอะ รุ่นที่แล้ว(GH4)นี่ถือว่าได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากเลย พอมีรุ่น GH5 ออกมานี่น่าจะถูกใจกันกว่าเดิมอีก

เซนเซอร์มีขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ความละเอียด20ล้าน มีกันสั่น5แกนภายในตัวกล้องมาให้ มีจุดโฟกัสเพิ่มขึ้นเป็น 225 จุด (จากรุ่น GH4 ที่มี 49 จุด) ถ่ายพร้อมโฟกัสต่อเนื่องได้ที่9ภาพต่อวินาที มีฟังก์ชั่น 4K Photo และ 6K Photo ด้วย

เรื่องสำคัญสุดที่ต้องพูดถึงคือสเปคงานด้านวิดีโอ คือมันสามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ที่ 60 fps เลย มี V-Log ด้วย (ต้องซื้อเพิ่ม) แต่ที่เหนือกว่านั้นคือหากถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 30 fps กล้องจะสามารถบันทึกสีแบบ 10-bit 4:2:2 ได้ แล้วมันมีอะไรพิเศษล่ะ? คือการถ่ายวิดีโอทั่วๆไปในปัจจุบันมักจะเป็นแบบ 8-bit ซึ่งหมายถึงว่าเราจะสามารถบันทึกสีแดงได้256เฉด สีน้ำเงินได้256เฉด และสีเขียวได้256เฉด เมื่อนำสามสีนี้มาคูณกันก็จะได้สีประมาณ16ล้านรูปแบบ แต่สำหรับ 10-bit นั้น จะบันทึกได้สีละ1024เฉด เมื่อนำสีทั้งสามมาคูณกันก็จะได้สีประมาณ1000ล้านรูปแบบ มากกว่ากันแบบมหาศาลเลย

ส่วน 4:2:2 เนี่ยเป็นลักษณะการบันทึกสีของพิกเซล ปกติกล้องของเราจะไม่บันทึกสีครบหมดทุกพิกเซลนะ แต่ใช้วิธีบันทึกจริงๆแค่บางพิกเซลแล้วจำลองสีพิกเซลที่เหลือขึ้นมาเอง กล้องทั่วๆไปในปัจจุบันจะบันทึกที่ 4:2:0 ครับ ซึ่งข้อมูลสีที่เก็บได้รวมๆแล้วจะน้อยกว่า 4:2:2 ของ Panasonic GH5 อยู่2เท่า การเก็บข้อมูลมาได้มากกว่า ก็ทำให้ได้เปรียบในการ Post-process ครับ

บอดี้เปล่า ราคา 72,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ 12–60mm f2.8–4 ราคา 95,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ 12–35 f2.8 ราคา 101,990 บาท

Panasonic Lumix G85

นี่เป็นกล้องที่ครบเครื่องมากสำหรับมนุษย์สายวิดีโอครับ ราคาไม่แพงเลยด้วย เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่ได้เป็นที่พูดถึงมากนัก

กล้อง Panasonic Lumix G85 เป็นกล้องที่ใช้เซนเซอร์ Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ความละเอียด 16 ล้าน ถึงแม้เซนเซอร์จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ว่าฟังก์ชั่นอื่นๆถือว่ามาเต็ม เพราะมันมีวิดีโอ4K แถมใส่กันสั่น5แกนมาให้พร้อมช่องเสียบไมค์สำหรับอัดเสียงใส่วิดีโอ แค่ฟังก์ชั่นทั้งหลายเหล่านี้ในราคาไม่เกินสี่หมื่น ก็ไม่สามารถหาได้ง่ายๆในกล้องตัวอื่นๆแล้ว สำหรับงานภาพนิ่งก็มีโหมด 4K Photo กับ Focus Stacking ให้เล่น

ตัวกล้องมีปุ่มควบคุมต่างๆที่ใช้งานสะดวก แรกๆอาจจะงงเพราะเยอะ แต่ถ้ามีเวลาศึกษาสักพักจะทำให้ปรับค่าต่างๆได้รวดเร็ว บอดี้ของกล้องมี Weather Sealing ด้วย ทำให้สามารถนำไปลุยสภาวะอากาศแย่ๆได้

บอดี้พร้อมเลนส์ 14–42 mm f3.5–5.6 ราคา 37,990 บาท

มีรีวิวให้ด้วย ใครสนใจก็ไปอ่านได้เด้อ

Sony A6300

เป็นกล้องมิเรอร์เลสระดับ Semi-pro ของโซนี่ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2016 นี้เอง ตอนแรกคนคิดว่ามันจะมาแทนรุ่น A6000 แต่ไม่ใช่ครับ รุ่นนี้โหดกว่ากันเยอะ

เซนเซอร์มีขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.5เท่า) ความละเอียด24ล้าน ความโดดเด่นคือสามารถถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 30fps ได้ และมีจุดโฟกัสแบบ Phase Detection 425 จุด ซึ่งทำให้โฟกัสสิ่งที่เคลื่อนไหวได้เร็วและแม่นยำมาก ซึ่งเค้ามีเทคโนโลยี 4D Focus ที่ช่วยคาดเดาทิศทางเคลื่อนไหวของวัตถุได้ด้วย

Sony A6300 สามารถถ่ายวิดีโอเป็นโปรไฟล์ S-log2, S-log3 ให้เอาวิดีโอไปถลุงภายหลังได้ นอกจากนี้บอดี้ยังเป็นแบบ Weather Sealing ทำให้สามารถพาไปทำงานในสภาวะอากาศทรหดได้

บอดี้เปล่า ราคา 39,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 16–50mm ราคา 46,990 บาท

Sony A6500

ตัวนี้สเปคจะคล้ายๆ Sony A6300 ข้างบน แต่ว่า Sony A6500 มีพัฒนาการเพิ่มเข้ามาในหลายๆส่วน หลักๆเลยคือมีกันสั่น5แกนเพิ่มเข้ามา และมีขนาด buffer ที่เพิ่มขึ้น

เซนเซอร์มีขนาด APS-C ความละเอียด24ล้านเหมือนกัน ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 30fps ได้เหมือนกัน และมีจุดโฟกัสเยอะหฤโหดเหมือนกัน แต่การเพิ่มกันสั่น5แกนเข้ามาจะเป็นการสนับสนุนงานของเราได้ เพราะมันทำให้เราสามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้าๆได้ในงานภาพนิ่ง และงานวิดีโอก็มีความสั่นไหวน้อยลงด้วย

เรื่องขนาด buffer ที่เพิ่มขึ้น คือมันเพิ่มเยอะมาก เดิมที Sony A6300 ถ่ายไฟล์ RAW รัวต่อเนื่อง(11fps)ได้ประมาณ3วินาที แต่ Sony A6500 สามารถรัวได้ต่อเนื่องที่ประมาณ10วินาที รวมแล้วประมาณ100กว่ารูปกล้องถึงจะเริ่มแผ่วลง

นอกจากนี้กล้องยังสามารถถ่ายวิดีโอ4Kและเลือกเฟรมภาพมาใช้ได้ (เหมือนฟังก์ชั่น 4K Photo ของ Panasonic) และหน้าจอสามารถทัชสกรีนได้แล้วนะ

บอดี้เปล่า ราคา 51,990 บาท

Sony A7S II

กล้องฟูลเฟรมจากโซนี่ตัวนี้เกิดมาเพื่อถ่ายในสภาวะแสงน้อยครับ เป็นพัฒนาการต่อจาก Sony A7S รุ่นแรกซึ่งเป็นที่นิยมมากๆในหมู่ตากล้องสายวิดีโอ

เซนเซอร์มีขนาดฟูลเฟรม หรือเทียบเท่ากล้องฟิล์มขนาด 35mm มีปริมาณพิกเซลแค่12ล้าน ยิ่งผนวกกับขนาดเซ็นเซอร์นี้ทำให้ขนาดของแต่ละพิกเซลใหญ่มาก สามารถเก็บแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล้องตัวนี้สามารถดันค่า ISO ได้มากถึง 409,600 ซึ่งมีกล้องน้อยมากที่สามารถดันค่า ISO ได้เยอะขนาดนี้ พูดง่ายๆคือเปลี่ยนกลางคืนเป็นกลางวันได้เลย สะดวกมากสำหรับสายวิดีโอ ช่วยลดปริมาณการแบกไฟได้อะไรได้

กล้อง Sony A7S II มีกันสั่นเพิ่มเข้ามาทำให้เราใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้าๆได้ และช่วยให้งานวิดีโอนิ่งขึ้นด้วย แต่ระบบโฟกัสของกล้องตัวนี้ยังเป็นแบบ Contrast Detection อยู่ที่ 169 จุด ซึ่งอาจจะทำให้โฟกัสสิ่งเคลื่อนไหวได้แบบไม่ทันทีทันใดนัก แต่สำหรับสายวิดีโอหลายคนที่แมนนวลโฟกัสเป็นกิจวัตรก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรครับ

บอดี้เปล่า ราคา 114,990 บาท

Sony A7R II

กล้องตัวนี้ดูเหมือนจะเกิดมาเพื่องานภาพนิ่งมากกว่า เพราะเค้าใส่ความละเอียดมาให้ที่42ล้าน แต่ด้วยความที่มันมีวิดีโอ 4K พร้อมระบบโฟกัสแบบ Phase Detection 399 จุด แถมมีกันสั่น5แกนช่วยอีก จึงทำให้มันจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับงานวิดีโอเหมือนกันครับ การถ่ายในที่แสงน้อยยังแพ้ให้กับ Sony A7S II อยู่ แต่ลักษณะการใช้งานของ Sony A7R II จะหลากหลายกว่ามาก กล้องตัวนี้จึงเหมาะกับคนที่อยากถ่ายวิดีโอแต่ก็อยากได้กล้องไว้ถ่ายงานประเภทอื่นๆด้วยเช่นกัน

บอดี้เปล่า ราคา 109,990 บาท

Fujifilm X-T2

เป็นกล้อง APS-C ที่ดีที่สุดของฟูจิฟิล์ม ณ ปัจจุบัน นี่เป็นก้าวแรกๆของฟูจิฟิล์มในการเข้ามาจริงจังกับงานวิดีโอครับ หลังจากแล้วไงใครแคร์มานานแสนนาน ถึงแม้ฟูจิฟิล์มจะยังไม่มีชื่อด้านวิดีโอนัก แต่ตัวนี้แหละที่จะมาช่วยกู้ชื่อให้เค้า

เซนเซอร์ที่ใช้คือเซนเซอร์ X-Trans CMOS III แบบเดียวกับรุ่น X-Pro2 ขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.5เท่า) ความละเอียด 24 ล้าน ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องอยู่ที่ 8 ภาพต่อวินาที มีระบบโฟกัสแบบ Phase Detection ที่ 325 จุด ทำให้สามารถโฟกัสวัตถุเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว สำคัญคือสามารถถ่ายวิดีโอ4Kที่30fpsได้ และมีโปรไฟล์ F-Log ให้สำหรับคนที่อยากเอาไปดึงสีวิดีโอ

หน้าจอของ Fujifilm X-T2 นอกจากจะสามารถพับขึ้นลงประมาณ 45 องศาได้ ยังสามารถพับแนวตะแคงได้อีกนิดหน่อย เผื่อมีโอกาสที่อยากจะถ่ายภาพแนวตั้งแต่จำเป็นต้องใช้มุมต่ำๆ

กล้อง Fujifilm X-T2 สามารถนำ Grip มาติดได้ ซึ่ง Grip นี่เป็นเหมือนไอเทมที่ต้องมีสำหรับคนที่จะใช้กล้อง X-T2 ถ่ายวิดีโอครับ เพราะตัว Grip มีผลให้ถ่ายวิดีโอ 4K ได้นานยิ่งขึ้น

บอดี้เปล่า ราคา 59,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 18–55mm ราคา 69,990 บาท

5. ถ่ายวิดีโอเล่นๆ เผื่อเป็นVlogger

ถ้าพูดถึงการถ่าย Vlog มันจะเหลือกล้องไม่กี่ตัวครับที่คนนิยมใช้กันจริงๆ หลายคนเลือกที่จะไปใช้กล้องระดับ Compact แทน (เช่น Sony RX100, Panasonic LX10 หรือ Canon G7X II) เนื่องจากมันมีขนาดเล็ก แต่บ้างก็เลือกที่จะใช้กล้องระดับ Mirrorless เพื่อให้ได้คุณภาพไฟล์ที่ดีกว่า บวกกับการเปลี่ยนเลนส์ได้ ทำให้ได้ฟุตเทจที่มีมุมมองที่หลากหลายกว่าครับ

สิ่งสำคัญของการ Vlogging ในความเห็นของเรามีอยู่2เรื่องหลักๆครับ

  1. หน้าจอพับได้ เพราะส่วนมากเวลาที่เราถ่าย Vlog เรามักจะถ่ายหน้าตัวเอง ทำให้การมีหน้าจอพลิกได้เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อจะได้รู้ว่ามีอะไรอยู่ในเฟรมบ้าง
  2. ระบบโฟกัสแบบ Phase Detection เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายๆคนมองข้าม แต่มันทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะครับ การมีระบบโฟกัสแบบนี้ทำให้โฟกัสวัตถุต่อเนื่องได้ดี ไม่ต้องหมดเวลาถ่ายฟุตเทจไปกับการรอกล้องโฟกัสวืดๆอยู่ได้

และเมื่อเราไปลองหากล้องที่มีคุณสมบัติทั้ง2อย่างนี้ควบคู่กัน กลับพบว่ามีให้เลือกน้อยอย่างน่าตกใจครับ เพราะกล้องส่วนมากจะมีคุณสมบัติอย่างหนึ่ง แต่ไม่มีอีกอย่างหนึ่ง มาเริ่มที่ตัวแรกเลยละกัน

Sony A5100

โผล่มาทั้งในหมวด2และหมวด3 (2.ถ่ายเล่นๆ เน้นเซลฟี่ได้ 3.พกพาง่าย ไม่เปลืองพื้นที่) แต่จะไม่พูดถึงอีกไม่ได้ เนื่องจากมันเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่คนไทยที่ถ่าย Vlog ครับ ด้วยระบบโฟกัสแบบ Phase Detection (ที่ไม่ค่อยมีมาในกล้องระดับเริ่มต้น) ทำให้กล้องรุ่นนี้สามารถจับโฟกัสวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ดีไม่ว่าจะขยับเข้าหรือออกจากกล้อง

วิดีโอที่ถ่ายได้เป็นความละเอียดระดับ Full HD ที่ 60fps ซึ่งเป็นความละเอียดที่นิยมใช้กันบนอินเตอร์เน็ต อัปโหลดง่าย เสพง่าย ขนาดไฟล์ไม่ได้ใหญ่นัก วิดีโอมีสีสันที่ไม่หลอกตา และหน้าจอสามารถพับมาดูหน้าตัวเองเวลาพูดใส่กล้องได้ เลยไม่จำเป็นต้องหาคนมาช่วยถ่ายให้เสมอไป

ข้อเสียคือมันไม่มีกันสั่นภายในตัวกล้อง จึงอาจจะต้องใช้อุปกรณ์พวก Gimbal ช่วย หรืออาจจะต้องใช้เลนส์ที่มีกันสั่น(OSS)ช่วยครับ

บอดี้พร้อมเลนส์คิต16–50mm ราคา 24,990 บาท

Canon EOS M5

ถึงแม้หลายๆคนจะไม่คุ้นเคยกับกล้องมิเรอร์เลสจาก Canon นัก แต่รุ่นนี้ผ่านคุณสมบัติทั้งสองข้อที่เราตั้งไว้ครับ

เซนเซอร์ที่ใช้เป็นเซนเซอร์ขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.6เท่า) ความละเอียด 24ล้าน เรื่องดีงามคือมันมีช่องเสียบไมโครโฟนมาให้ ทำให้เราสามารถนำไมโครโฟนมาติดและได้คุณภาพเสียงในวิดีโอที่ดี ระบบออโต้โฟกัสเป็นแบบ Dual Pixel (มีPhase Detection) ซึ่งทำให้สามารถโฟกัสได้รวดเร็วกว่า EOS M รุ่นก่อนหน้านี้ทุกรุ่น ตัวกล้องมีขนาดเล็ก และมีGripที่ทำให้การจับถือสะดวก หน้าจอรองรับระบบสัมผัส ทำให้แตะเลือกจุดโฟกัสได้รวดเร็ว ถึงแม้กล้องตัวนี้จะไม่มีกันสั่นแบบ Optical ภายในตัวกล้อง แต่มันมีกันสั่นแบบ Digital ที่เป็นการครอปภาพเข้าไปเพื่อลดการสั่นไหวของภาพได้

หน้าจอพับเซลฟี่ได้ อย่างไรก็ตาม หน้าจอมันพับลงมาด้านล่าง ทำให้เวลาใช้ขาตั้งกล้องก็อาจจะไม่เห็นหน้าจอได้ ถ้าหากถือถ่ายปกติก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จะลงไปเล่นรุ่น Canon EOS M3 แทนก็ได้เพราะหน้าจอพับขึ้นด้านบน(และมีช่องเสียบไมค์) แต่ความเร็วในการโฟกัสนี่ไม่ได้ครึ่งของรุ่น M5 นะครับ

สีผิวที่ได้จาก Canon จะออกชมพูๆครับ เราแนะนำให้ไปลองทดสอบดูว่าชอบมั้ย เพราะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบครับ

เลนส์ยังมีให้เลือกเล่นไม่เยอะนัก แต่เลนส์ Canon EF-M จะมีราคาเข้าถึงง่ายมากๆ

บอดี้เปล่า ราคา 36,990 บาท

Canon EOS M6

ง่ายๆเลยนะครับ รุ่นนี้คือ Canon EOS M5 ที่ดาวน์เกรดลงมานิดหน่อย โดยที่ไส้ในคล้ายกัน หลักๆเลยคือตัวนี้จะไม่มีช่องมองภาพ(ซื้อมาติดได้อยู่ดี) และหน้าจอพลิกขึ้นข้างบนเพื่อเซลฟี่ได้

บอดี้พร้อมเลนส์ 15–45mm ราคา 32,900 บาท

Panasonic Lumix G85

รุ่นนี้ผ่านคุณสมบัติเพียงแค่มีหน้าจอพลิกได้ แต่มันไม่มีระบบโฟกัสแบบ Phase Detection ครับ เอ้า! แล้วทำไมเราถึงเลือกที่จะใส่มันเข้ามารวมอยู่ด้วย? นั่นเพราะว่าจริงๆแล้วถึงแม้มันจะเป็นระบบโฟกัสแบบ Contrast Detection แต่มันสามารถติดตามวัตถุได้รวดเร็วอยู่ดี ถ้ารู้วิธีใช้มันครับ

หน้าจอของ Panasonic Lumix G85 สามารถพลิกออกด้านข้างได้ และสามารถปรับได้หลากหลายองศา เหมาะกับการถ่ายหลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะใช้พลิกจอดูหน้าตัวเอง หรือจะถ่ายมุมสูง-ต่ำ

ค่า Default (เริ่มต้น) ของการโฟกัสกล้องตัวนี้ไม่ได้เร็วครับ ออกจะช้าด้วยซ้ำ แต่จริงๆแล้วมันสามารถปรับได้ โดยการเข้าไปปรับเมนู AF Sensitivity ให้สูงขึ้น หากปรับใช้ที่ระดับ +2 เราว่ามันสามารถ Track วัตถุได้รวดเร็วไม่แพ้กล้อง Phase Detection เลยนะ

Panasonic Lumix G85 สามารถถ่ายวิดีโอ4Kได้ มีกันสั่นภายในตัวกล้องที่ช่วยลดอาการสั่นไหว และมีช่องเสียบไมค์ให้ใช้ ถ้าลงทุนซื้อไมค์มาติดซักหน่อย ก็จะได้คุณภาพเสียงที่ดีครับ

บอดี้พร้อมเลนส์ 14–42 mm f3.5–5.6 ราคา 37,990 บาท

6. หน้าชัดหลังเบลอ ไฟล์ยืดหยุ่น

ผู้ที่เลือกกล้องหมวดนี้ คือผู้ที่ทำมาหากินกับงานถ่ายภาพนิ่งเป็นหลัก ดังนั้นไฟล์ภาพต้องนำมาขุดได้อย่างหนักหน่วง สามารถนำภาพไปขยายเพื่อใช้งาน Commercial ได้ การที่เซนเซอร์มีขนาดใหญ่ยังทำให้ถ่ายในสภาวะแสงน้อยได้ดี นอกจากนี้ถ้าใครที่ต้องการเน้นถ่ายให้เกิดหน้าชัดหลังเบลอ ขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ก็จะช่วยให้เกิดเอฟเฟกต์การเบลอหลังที่ง่ายยิ่งขึ้น

Sony A7R II

นี่เป็นกล้องมิเรอร์เลสเซนเซอร์ฟูลเฟรมยอดฮิตของช่างภาพระดับมืออาชีพ ความละเอียดที่ใส่เข้ามาคือ 42.4 ล้านพิกเซล ซึ่งสามารถอัดภาพขยายขนาดใหญ่ทำ Print Ad ก็ได้ นอกจากนี้เซนเซอร์ยังมีการผนวกเทคโนโลยี Back-side Illumination ที่ทำให้เซนเซอร์รับแสงได้ดีขึ้นด้วย

กล้อง Sony A7R II มีจุดโฟกัสเป็นแบบ Phase Detection 399 จุด และแบบ Contrast Detection อีก 25 จุด ทำให้โฟกัสวัตถุเคลื่อนไหวได้ดี กล้องตัวนี้สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 30 fps และสามารถถ่ายภาพนิ่งเป็นแบบ 14-bit Uncompressed RAW ได้ ให้ไปถลุงกันเพลินๆในโปรแกรมตกแต่งภาพ (ซึ่งขนาดไฟล์อลังการมาก ประมาณ 80mb ต่อภาพ)

ด้วยความที่กล้องตัวนี้มีความละเอียดสูงมาก ทำให้เลนส์ที่ใช้ควรจะมีความละเอียดสูงไปด้วย ไม่งั้นอาจจะใช้เซนเซอร์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เราแนะนำให้ใช้เลนส์ซีรีส์ G Master เพราะมันถูกออกแบบมาสำหรับเซนเซอร์ความละเอียดสูง อย่างไรก็ตาม เลนส์ซีรีส์นี้มีราคาแพงมาก วางแผนค่าใช้จ่ายกันดีๆนะครับ

บอดี้เปล่า ราคา 109,990 บาท

Sony A7 II

เป็นกล้องที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก Sony A7 ถือว่าเป็นกล้องฟูลเฟรมที่คุ้มค่าสุดๆในปัจจุบัน เพราะนอกจากเรื่องของขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ มันยังมีกันสั่นมาช่วยสนับสนุนงานภาพนิ่งด้วย

เซนเซอร์ที่ใช้เป็นเซนเซอร์ฟูลเฟรมตัวใหม่ที่พัฒนาขึ้นนิดหน่อยจากรุ่น Sony A7 ให้สามารถรับแสงได้ดียิ่งขึ้น การโฟกัสพัฒนาขึ้นเป็น Phase Detection 117 จุด ทำให้ถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

ถ้าใครจะซื้อกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมราคาไม่แพงสักตัว กล้อง Sony รุ่น A7 II นี่แหละที่จะเข้ามาเป็นตัวเลือกหลักๆอยู่เสมอ

บอดี้เปล่า ราคา 59,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์คิต 28–70mm ราคา 69,990 บาท

Leica SL (Typ 601)

นี่เป็นกล้องมิเรอร์เลสเซนเซอร์ฟูลเฟรมจากค่าย Leica ครับ อัดสเปคมาแรงเลยทีเดียว แต่ว่าขนาดตัวเค้าจะใหญ่อยู่พอสมควร เทียบเท่ากล้อง DSLR เลยก็ว่าได้

เริ่มที่เซนเซอร์ เป็นขนาดฟูลเฟรม ความละเอียด 24 ล้าน สามารถถ่าย 14 Bit RAW ได้ มีวิดีโอ 4K (4096 x 2160) ที่ 24fps สามารถบันทึกวิดีโอแบบ 10 bit 4:2:2 ได้(ถ้าต่อสายHDMIในการบันทึก) มีโปรไฟล์ L-Log ให้ใช้งาน และถ้าถ่าย Full HD สามารถเลือกได้ที่ 120 fps

ภาพนิ่งสามารถถ่ายต่อเนื่องได้ที่ 11 ภาพต่อวินาที หน้าจอทัชสกรีน บอดี้ป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ น้ำหนักบอดี้เปล่าๆประมาณ800กรัม

เลนส์ที่ใช้ได้คือเลนส์ L-mount ซึ่งยังมีให้เลือกไม่เยอะนัก เพราะซีรีส์นี้ยังใหม่อยู่ แต่สามารถต่อ adapter ใช้เลนส์ไลก้าตัวอื่นๆได้ครับ

บอดี้เปล่า ราคาประมาณ 270,000 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ 24–90mm ราคาประมาณ 400,000 บาท ++

Hasselblad X1D

Hasselblad เป็นยี่ห้อกล้องจากสวีเดนที่วนเวียนอยู่ในตลาดกล้องเซนเซอร์ Medium Format มาก่อน วันนึงเมื่อเค้าเห็นโอกาสในตลาดมิเรอร์เลส เค้าก็เอาเซนเซอร์ Medium Format มาลงเล่นในตลาดมิเรอร์เลสบ้าง ซึ่ง Hasselblad X1D เป็นกล้องมิเรอร์เลสเซนเซอร์ขนาด Medium Format ตัวแรกของโลกเลยครับ

เซนเซอร์เป็นขนาด Medium Format 44 x 33mm (ที่ต้องบอกขนาดกำกับไว้เพราะจริงๆมีเซนเซอร์ Medium Format ที่ขนาดใหญ่กว่านี้) เซนเซอร์มีขนาดใหญ่กว่าฟูลเฟรม 68% หากจะคูณระยะต้องคูณด้วย 0.79 จึงจะได้ระยะเทียบเท่ากล้องฟูลเฟรม เซนเซอร์ให้ความละเอียด 51 ล้าน ในขนาดบอดี้ที่เล็กและน้ำหนักเบา แค่ 725 กรัมเอง ใครที่อยากจะได้ไฟล์ภาพนิ่งโหดๆ เอามาถลุงได้ถึงขีดสุด แถมพกพาสะดวก กล้องตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดีเลยครับ

บอดี้เปล่า ราคา 450,000 บาท

Fujifilm GFX 50S

หลังจาก Fujifilm ทำกล้องเซนเซอร์ขนาด APS-C มาเป็นเวลานาน ก็เริ่มมีแฟนๆ Fujifilm หลายๆท่านร้องเรียกให้บริษัททำกล้องเซนเซอร์ขนาดใหญ่ๆมาขายบ้าง แต่ว่า Fujifilm มองข้ามการทำกล้องเซนเซอร์ขนาดฟูลเฟรม และล่วงหน้าไปทำกล้องเซนเซอร์ขนาด Medium Format แทน และแน่นอนว่านี่คือคู่แข่งทางตรงของ Hasselblad X1D ที่เราพูดถึงไปด้านบน

เซนเซอร์เป็นขนาด Medium Format 44 x 33mm ใหญ่กว่าฟูลเฟรม 68% เวลาคูณระยะต้องคูณด้วย 0.79 ความละเอียดที่อัดมาคือ 51 ล้าน น้ำหนักของตัวกล้องคือ 740 กรัม ซึ่งถือว่าเบามากสำหรับกล้องเซนเซอร์ Medium Format ครับ

บอดี้เปล่า ราคา 249,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ GF 63mm f2.8 ราคา 289,990 บาท

ราคาน่าประทับใจมากครับ สำหรับเซนเซอร์ขนาดนี้

Sony A9

นี่เป็นกล้อง Mirrorless แห่งปีจากค่าย Sony ครับ เครื่องแรงและเหมาะกับสายสปอร์ตกับสายข่าวสุดๆ เซนเซอร์ฟูลเฟรม ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องอยู่ที่ 20 ภาพต่อวินาที จุดโฟกัส 693 จุด ครอบคลุม 93% ของเฟรมภาพ กล้องสามารถที่จะคำนวนค่าแสงและคำนวนการโฟกัสได้ที่60ครั้งต่อวินาที ละเอียดมาก การถ่ายก็เงียบด้วย ทำให้ไม่รบกวนนักกีฬา การถ่ายภาพจะสามารถใช้ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ได้โดยไม่เกิดอาการ “ภาพล้ม” เหมือนที่พบในกล้องรุ่นอื่นๆ ถือว่านี่เป็นก้าวใหม่ๆเรื่องชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ของวงการถ่ายภาพเลยครับ เรื่องการควบคุม ตัวกล้องจะมีจอยสติ๊กให้ใช้งานด้วย ทำให้ปรับจุดโฟกัสได้รวดเร็วขึ้น

บอดี้เปล่า ราคา 159,990 บาท

7. ไม่เกี่ยงรุ่น เน้นหน้าตา

เอาจริงๆเรื่องหน้าตาเนี่ยเป็นอะไรที่จับต้องยากสุดๆ ดังนั้นเราจะลิสต์กล้องมิเรอร์เลสในปัจจุบันที่เราเห็นว่าหน้าตาถูกใจเราเป็นพิเศษครับ (พูดง่ายๆคือความชอบส่วนตัวนั่นแหละ 555) ถ้าไม่มีรุ่นไหนในใจพวกเธอก็อย่าว่ากันนะ

Leica M10

ถ้าพูดเรื่องหน้าตา แล้วไม่มียี่ห้อกล้องจากเยอรมันค่ายนี้ ถือว่าผิดครับ กล้องตัวนี้เป็นกล้อง Digital Rangefinder-style mirrorless ที่ใส่เซนเซอร์ขนาดฟูลเฟรมมาให้ ถึงแม้เซนเซอร์จะเป็นขนาดฟูลเฟรมแต่เหตุผลที่เราไม่จับมันโยนเข้าไปเข้าหมวด6 (6.หน้าชัดหลังเบลอ ไฟล์ยืดหยุ่น) เพราะมันออโต้โฟกัสไม่ได้ครับ มันจึงไม่เหมาะกับการใช้ทำงาน แต่เหมาะที่จะเป็นของเล่นตอบสนองอารมณ์มากกว่า

ของเล่นราคาแพงชิ้นนี้ถึงแม้จะไม่ได้ใช้งานง่ายเหมือนกล้องทั่วๆไปในตลาด แต่ความลำบากในการใช้งานที่เพิ่มขึ้นมานี่แหละ ที่ทำให้การถ่ายรูปไม่น่าเบื่อ

กล้องตัวนี้ใช้เซนเซอร์ความละเอียด 24 ล้าน ถูกถอดฟังก์ชั่นวิดีโอออกไปเพราะทางไลก้าเห็นว่าไม่จำเป็น (ซึ่งก็จริงของเขา) การโฟกัสจะต้องโฟกัสแบบแมนนวลเท่านั้นโดยการหมุนเลนส์และมองผ่านช่องมองแบบRangefinder ถึงจะมีขั้นตอนก่อนกดชัตเตอร์ที่ซับซ้อนกว่ากล้องดิจิตอลปกติทั่วๆไป แต่มันก็เป็นกล้องที่สวย มีเสน่ห์ และน่าสะพายออกไปเล่นสุดๆ

บอดี้เปล่า ราคา 256,000 บาท

Leica TL

ยังอยู่กับไลก้ายี่ห้อเดิม แต่ตัวนี้จะเป็นคนละซีรีส์กันครับ กล้อง Leica TL ตัวนี้เปิดตัวเมื่อปลายปี 2016 เป็นกล้องที่พัฒนาต่อจากกล้อง Leica T ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนกันมาก แต่รุ่นนี้มีสีใหม่ด้วย เป็นสี Titanium

เซนเซอร์มีขนาด APS-C ความละเอียด 16 ล้าน ความโดดเด่นหลักๆของกล้องตัวนี้เลยคือดีไซน์เรียบง่ายสุดๆ หน้าจอมีขนาดใหญ่มาก ไม่มีปุ่มด้านหลังเลย เน้นควบคุมด้วยการการทัชสกรีน การโฟกัสแบบ AF-C สามารถทำได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว และมีหน่วยความจำภายในตัวกล้องที่ 32 GB

บอดี้เปล่าราคา 65,000 บาท

Hasselblad X1D

มีกล้อง Medium Format ติดโผเข้ามาด้วย นอกจากขนาดเซนเซอร์จะใหญ่แล้ว ส่วนตัวเรายังมองว่านี่เป็นกล้องที่ดีไซน์สวยน่าใช้สุดๆ ไม่เสียแรงที่ Hasselblad เคยทำกล้องดีไซน์สวยๆมาหลายตัวในอดีต

บอดี้เปล่า ราคา 450,000 บาท

Fujifilm X-Pro2

นี่เป็นกล้องจาก Fujifilm ที่เราว่าเท่สุดๆ เล่นแล้วติดใจมาก นอกจากภายนอกจะดูดีแล้ว การใช้งานกล้องตัวนี้ยังสนุกอีกด้วย

เซนเซอร์เป็น X-Trans CMOS III ขนาด APS-C ความละเอียด 24 ล้าน สิ่งที่ทำให้กล้องตัวนี้เล่นสนุกคือช่องมองภาพแบบ Rangefinder ครับ ช่องมองภาพนี้นอกจากจะใช้งานแบบ Electronic ได้ ยังสามารถปรับเป็นแบบ Optical ได้ด้วย นอกจากนี้ปุ่มและ Dial ต่างๆยังทำให้ปรับค่าต่างๆได้มันมือสุดๆ

บอดี้เปล่า ราคา 59,990 บาท

Olympus PEN-F

Olympus เป็นยี่ห้อที่อยู่ในตลาด Imaging มานานแสนนานตั้งแต่รุ่นพ่อ ซึ่ง PEN-F นี่ก็เป็นกล้องตัวนึงที่มีมาตั้งแต่สมัยกล้องฟิล์มครับ วันเวลาผ่านไป เค้าก็เอากลับมาทำใหม่อีกทีให้เป็นกล้องดิจิตอลที่สเปคทันสมัยขึ้น ผนวกกับดีไซน์เก่าๆให้ชาวกล้องฟิล์มได้หายคิดถึงกัน

เซนเซอร์มีขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ความละเอียด20ล้าน มีกันสั่น5แกน โฟกัสรวดเร็ว หน้าจอทัชสกรีน สามารถพับมาด้านหน้าได้ และมีช่องมองภาพให้ใช้งาน

รวมๆแล้วกล้องตัวนี้สวยมาก เราเองก็อยากจะหามาติดไว้สักตัวนึงเหมือนกัน

บอดี้เปล่า ราคา 47,990 บาท

บอดี้พร้อมเลนส์ 17mm f1.8 ราคา 59,990 บาท

Olympus PEN E-PL8

Olympus PEN E-PL8 เป็นกล้องระดับ Entry-Level ที่เราว่าสวยเกินหน้าเกินตากล้องในระดับเดียวกันมากๆครับ กล้องตัวนี้เป็นกล้องที่ได้คะแนนนิยมจากสาวๆอยู่พอสมควรเลยนะ เหตุผลเพราะมันหน้าตาดีนี่แหละ

เซนเซอร์เป็นขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ความละเอียด 16 ล้าน มีหน้าจอทัชสกรีน สามารถพับจอเซลฟี่ได้ ความโดดเด่นคือมีกันสั่นในตัวกล้อง ซึ่งปกติฟังก์ชั่นนี้จะหาได้ยากในกล้องระดับเริ่มต้น

บอดี้พร้อมเลนส์ 14–42mm ราคา 24,990 บาท

8. ใช้ส่องโอปป้าเวลาติ่ง

มีน้องๆทั้งหลายถามกันเข้ามาเยอะมากครับ ว่าหนูจะไปติ่งดาราที่สนามบินหรืออีเวนต์ต่างๆควรจะเลือกกล้องแบบไหนไปถ่ายดี จริงๆแล้วการถ่ายภาพประเภทนี้ส่วนสำคัญที่สุดคือเรื่องเลนส์ เลนส์ที่เลือกใช้ควรจะเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ที่เอาไว้ถ่ายสิ่งที่อยู่ระยะไกลๆครับ รองลงมาคือเรื่องขนาดของเซนเซอร์ เพราะขนาดของเซนเซอร์นี่แหละที่เป็นตัวกำหนดระยะและขนาดของเลนส์ที่น้องๆจะต้องใช้

การใช้กล้องที่มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่ จะทำให้ได้คุณภาพของไฟล์ที่ดีขึ้นก็จริง แต่มันจะทำให้เลนส์ที่เราต้องใช้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นไปด้วย ยิ่งเป็นเลนส์ระยะเทเลโฟโต้ของเซนเซอร์ฟูลเฟรมนี่ขนาดอย่างกับบาซูก้าอะครับ เรากลัวว่าชีวิตน้องๆจะลำบาก เลยแนะนำให้ใช้กล้องที่มีเซนเซอร์ขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) หรือ APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.5เท่า) จะดีกว่า

ทั้งเซนเซอร์ Micro Four Thirds และ APS-C นี้มีข้อดีที่แตกต่างกันไปครับ ถ้าเลือก Micro Four Thirds เลนส์ที่มีให้เลือกใช้จะมีขนาดเล็กมากแม้จะเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ก็ตาม สามารถทุ่นแรงในการแบกได้เยอะเลย อีกทั้งกล้องหลายๆรุ่นยังมีกันสั่น ทำให้ใช้เลนส์ระยะไกลๆถ่ายได้โดยไม่สั่นไหว แต่ถ้าเลือกเซนเซอร์ APS-C ไฟล์ภาพที่ได้จะสามารถนำกลับมาแต่งต่อได้ดีกว่า มีสัญญาณรบกวนภาพ(noise)ที่ต่ำกว่าหากถ่ายในสภาวะแสงน้อย แต่เลนส์ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย

กล้อง Micro Four Thirds ที่เราเลือกมาแนะนำ เป็นกล้องที่มีคุณสมบัติด้านกันสั่น เพื่อให้กล้องสามารถใช้ร่วมกับเลนส์เทเลโฟโต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องโฟกัสได้รวดเร็ว และสามารถถ่ายรัวเพื่อเก็บโมเมนต์ฟินๆให้ได้เยอะที่สุดนะครับ

ส่วนกล้อง APS-C ที่เราเลือกมาแนะนำ จะเน้นว่าเป็นกล้องที่มีคุณสมบัติการโฟกัสที่รวดเร็ว และต้องถ่ายรัวๆได้ เพื่อให้เราสามารถเก็บภาพกลับมาให้ได้เยอะที่สุดครับ

ก่อนตัดสินใจเลือกกล้อง ให้คำนวณค่าเลนส์ที่ต้องซื้อด้วยนะครับ อย่างที่บอกไป ว่าเรื่องเลนส์นี่สำคัญที่สุดแล้ว อย่าเปย์กะกล้องจนไม่เหลือตังไปคอนนะ

Olympus O-MD E-M1 II

กล้องตัวนี้คือปีศาจที่เกิดมาเพื่อถ่ายภาพกีฬาในระดับ Professional เลย สเปคนี่บ้าคลั่งสุดๆ เพราะนอกจากจะมีกันสั่นที่มีประสิทธิภาพมากๆที่ลดการสั่นไหวได้5.5สต๊อป ยังสามารถกดถ่ายรัวได้ที่ 60ภาพต่อวินาที (หรือ18ภาพต่อวินาทีหากโฟกัสต่อเนื่อง) ถ่ายให้จุใจไปเลย

กล้อง Olympus O-MD E-M1 II ใช้เซนเซอร์ขนาด Micro Four Thirds (เล็กกว่าฟูลเฟรม2เท่า) ให้ความละเอียด20ล้าน มีระบบโฟกัสทั้งแบบ Contrast Detection และ Phase Detection ซึ่งจากการทดลองเล่นแล้วพบว่าสามารถโฟกัสวัตถุเคลื่อนไหวได้รวดเร็วดีมากครับ

นอกจากนี้บอดี้ยังมี Weather Sealing ทำให้ไม่ว่าจะตามโอปป้าจนไปเจอสภาวะอากาศแย่แค่ไหน กล้องก็ไม่งอแงแน่นอน

บอดี้เปล่าราคา 76,990 บาท เลนส์ที่แนะนำคือ

  • 40–150mm f2.8 ราคา 49,990 บาท ตัวนี้จะถ่ายเบลอหลังได้ดี ขนาดใหญ่นิดนึง แต่ตัวนี้เราเชียร์ที่สุด
  • 14–150mm f4.0–5.6 II ราคา 26,990 บาท ตัวนี้จะขนาดเล็กกว่าตัวบนมากเนื่องจากเลนส์เป็นแบบยืดหด แต่เบลอหลังได้ไม่เท่า
  • 75–300mm f4.8–6.7 ราคา 22,990 บาท ถ่ายได้ระยะไกลมาก เล็ก ยืดหดได้ ราคาไม่แพง แต่ขนาดรูรับแสงแคบ อาจติดปัญหาเวลาถ่ายในที่แสงน้อย

ถ้างบประมาณไม่ถึง หรืออยากเจียดค่ากล้องไปซื้อเลนส์ที่อยากได้ จะลงไปใช้ Olympus O-MD EM5 II หรือ Olympus O-MD EM10 II แทนก็พอได้อยู่ครับ

Sony A6500

นี่คือกล้องมิเรอร์เลสที่โฟกัสโหดบรรลัยเลยครับ เนื่องจากมันอัดจุดโฟกัสแบบ Phase Detection มาให้ 425 จุด และมีเทคโนโลยี 4D Focus ที่ช่วยคาดเดาทิศทางการเคลื่อนไหวของวัตถุได้ ทำให้สามารถโฟกัสวัตถุเคลื่อนไหวได้ดีมาก เว้นแต่โอปป้าของเราจะวิ่งแบบไร้ทิศทางน่ะนะ

กล้อง Sony A6500 ใช้เซนเซอร์ขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.5เท่า) ความละเอียด 24 ล้าน ความดีงามคือมีกันสั่นภายในตัวกล้อง ทำให้ใช้เลนส์เทเลโฟโต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถถ่ายต่อเนื่องได้ที่ 11 ภาพต่อวินาที และมีขนาด buffer ที่อลังการงานสร้างสุด ทำให้กล้องสามารถถ่ายต่อเนื่องได้เป็นไฟล์ JPEG 300 ภาพ หรือ RAW 100 ภาพ กล้องถึงจะหยุดถ่ายเพื่อประมวลผล

กล้องตัวนี้ยังมี Weather Sealing ด้วยนะ

บอดี้เปล่าราคา 51,990 บาท เลนส์ที่ใช้ถ่ายแนวนี้ได้คือ

  • E 18–200mm f3.5–6.3 มีสองเวอร์ชั่น ราคา 28,990 บาท และ 25,990 ช่วงถ่ายได้ทั้งใกล้ไกล แต่รูรับแสงไม่กว้างนัก อาจติดปัญหาเวลาถ่ายในสภาวะแสงน้อย
  • E 55–210mm f4.5–6.3 ราคา 13,990บาท ราคาถูก เล็ก รูรับแสงแคบ
  • FE 24–240mm f3.5–6.3 ราคา 32,990 บาท ถ่ายได้ไกล แต่ขนาดใหญ่หน่อยเนื่องจากเป็นเลนส์ฟูลเฟรม
  • FE 70–300mm f4.5–5.6 ราคา 46,990 บาท เป็นเลนส์ฟูลเฟรม มีขนาดใหญ่ แต่ถ่ายได้ระยะไกลมาก
  • FE 70–200mm f4 G ราคา 46,990 บาท เลนส์ฟูลเฟรม คุณภาพดี ขนาดมหึมา
  • FE 70–200mm F2.8 GM ราคา 99,990 บาท อันนี้พูดถึงเฉยๆละกันครับ นอกจากราคาจะอลังการแล้ว ขนาดเลนส์ยังใหญ่มากด้วย ถ้าแบกตัวนี้อาจจะไม่ทันกิน แต่ถ้าไหว คุณภาพของภาพที่ได้นี่ดีแน่นอน

ข้อเสียของการเลือกกล้อง Sony มาถ่ายภาพแนวนี้คือ เลนส์เทเลโฟโต้ของ E-mount มีให้เลือกน้อย ทำให้อาจจะต้องหันไปใช้เลนส์FEแทน ซึ่งเลนส์ส่วนใหญ่จะราคาค่อนข้างแพงครับ ถ้างบประมาณไม่ถึง หรืออยากเจียดค่ากล้องไปซื้อเลนส์ที่อยากได้ จะลงไปใช้ Sony A6300 หรือ Sony A6000 ก็ได้ แต่จะไม่มีกันสั่นในตัวกล้องนะ

Fujifilm X-T2

นี่เป็นกล้อง APS-C ที่ดีที่สุดของฟูจิในขณะนี้ ความโดดเด่นคือมีระบบโฟกัสแบบ Phase Detection ที่ 325 จุด ทำให้สามารถโฟกัสวัตถุที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว

กล้อง Fujifilm X-T2 มีเซนเซอร์ X-Trans CMOS III ขนาด APS-C (เล็กกว่าฟูลเฟรม1.5เท่า) มีความละเอียด 24 ล้าน สามารถถ่ายภาพได้ต่อเนื่องที่8ภาพต่อวินาที และจะสามารถถ่ายต่อเนื่องได้เร็วขึ้นไปอีกที่ 11 ภาพต่อวินาทีหากติด Grip เข้าไป

บอดี้เปล่า ราคา 59,990 บาท โดยเลนส์ที่แนะนำคือ

  • 100–400mm f4.5–5.6 ราคาประมาณ 70,000 บาท ครอบคลุมทุกระยะ ได้ตัวนี้คือจบ จะอยู่ไกลแค่ไหนก็ซูมถึงหมด แบกไปถ่ายสัตวโลกแถวทวีปแอฟริกายังได้
  • 55–200mm f3.5–4.8 ราคา 23,990 บาท ราคาไม่แพงมาก
  • 50–230mm f4.5–6.7 II ราคา 17,990 บาท เลนส์ซูมราคาประหยัดสุด น้ำหนักเบา
  • 50–140mm f2.8 ราคา 56,990 บาท เลนส์คุณภาพสูง รูรับแสงกว้าง ระยะไม่ได้ซูมเยอะนัก แต่เอาไว้ใช้ถ่ายPortraitได้ด้วย

9. อึดจริง พาไปไหนก็ได้

โดยปกติกล้องทั่วๆไปจะสามารถกันฝุ่นและละอองน้ำในปริมาณน้อยๆ พอกรุบกริบ ซึ่งถ้ามากๆเข้ามันก็มีโอกาสที่จะพังครับ แต่มันจะมีกล้องประเภทนึงที่สามารถป้องกันฝุ่นและละอองน้ำในปริมาณที่มากกว่าได้ กล้องพวกนี้คือกล้องที่มี Weather Sealing ซึ่งทำให้เราสามารถพากล้องพวกนี้ไปลุยในสภาวะอากาศที่ย่ำแย่อย่างอุ่นใจได้ว่าตัวกล้องจะไม่เป็นอะไร

กล้องประเภทนี้มีปริมาณเยอะมาก ดังนั้นเราจะลิสต์เป็นชื่อเอาไว้พอนะครับ

  • Olympus OMD E-M1 II
  • Olympus OMD E-M5 II
  • Sony A7R II
  • Sony A7S II
  • Sony A7 II
  • Sony A6500
  • Sony A6300
  • Panasonic G85
  • Panasonic GH5
  • Panasonic GH4
  • Fujifilm GFX 50S
  • Fujifilm X-T2
  • Fujifilm X-Pro2
  • Hasselblad X1D
  • Leica SL (Typ 601)

สรุป

จบแล้วกับ “ซื้อกล้อง Mirrorless ตัวไหนดี? คู่มือเลือกซื้อกล้องประจำปี2017” ครับ กล้องเยอะมากเลยเนอะ เขียนเสร็จนี่ตาลายไปหมด 555 แต่เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆได้รู้จักกล้องมิเรอร์เลสรุ่นปัจจุบันมากขึ้น และสามารถเลือกกล้องได้ตรงตามความต้องการของตัวเองกันนะครับ

ถ้าคิดว่าเรามองข้ามรุ่นไหนไป หรือมีกล้องที่อยากให้เพิ่มเข้ามาในหมวดไหนก็บอกกันเข้ามาได้นะครับ เพื่อนๆสามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ทั้งทาง Facebook, Twitter และ Instagram เลย แต่แนะนำให้คอมเมนต์หรือเมนชั่นมานะ เพราะมีบ่อยครั้งที่เราไม่เห็นInbox และหากใครอยากอ่านบทความอื่นๆ สามารถติดตามได้ที่ medium.com/torcnn นะจ๊ะ

สุดท้ายนี้ขอให้เพื่อนๆทุกคนอย่ายึดติดกับอุปกรณ์มากเกินไป พยายามฝึกฝนการถ่ายภาพบ่อยๆ และสนุกกับการถ่ายภาพเข้าไว้นะครับ ไปละ บรัย

--

--

Tor Chanon
torcnn

ต่อ ชานนท์ โตเลี้ยง / Photography Tips and Reviews. Instagram & Twitter : @torcnn