รีวิวควบ Canon EOS M5 vs Canon EOS M6 กล้องมิเรอร์เลสฝาแฝดจากค่ายแคนนอน

Tor Chanon
torcnn
Published in
6 min readJul 1, 2017

--

“มิเรอร์เลสจากค่ายแคนนอนสองตัวแรกที่มาพร้อมระบบโฟกัส Dual Pixel”

สวัสดีครับ เรา @torcnn เอง

ล่าสุดเราได้กล้อง Canon EOS M5 กับ Canon EOS M6 จากทางแคนนอนมารีวิวครับ กล้องสองตัวนี้เป็นกล้องที่เปิดตัวได้ไม่นาน ตอนแรกเรานึกว่ามันจะมาแทน Canon EOS M3 กับ M10 ที่ขายอยู่ก่อนหน้า แต่ที่ไหนได้ มันออกมาเป็นซีรีส์ที่อยู่ระดับสูงกว่านั้นแทน

ด้วยความที่ “กล้องสองตัวนี้มีความคล้ายคลึงกันมาก” ในหลายๆด้าน เราจึงขอจับทั้งสองตัวนี้มารีวิวควบกันไปเลย ผู้ที่สนใจจะได้รู้ว่ามันเหมือนและต่างกันยังไงบ้าง และทราบว่าตัวไหนจะเหมาะกับตัวเองมากที่สุดนะครับ

Background

กล้อง Canon EOS M5 และ Canon EOS M6 เป็นกล้องชนิด Mirrorless ทั้งคู่ นั่นหมายความว่ามันไม่มีกระจกภายในตัวกล้อง ส่งผลให้มันมีขนาดที่เล็กกว่ากล้องประเภท DSLR ครับ

กล้อง Canon EOS M5 เปิดตัวในช่วงปลายปี 2016 และกล้อง Canon EOS M6 เปิดตัวในช่วงต้นปี 2017 เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาเลย

สิ่งที่เหมือนกัน

ขอว่าด้วยเรื่องความเป็นฝาแฝดของมันก่อน กล้องทั้งสองตัวใส่เครื่องในมาเหมือนกันแทบจะเป๊ะๆ ทั้งเซนเซอร์ ระบบโฟกัส หรือภาพก็ถ่ายออกมาเหมือนกันอย่างกับแกะ เราจะกล่าวถึงแต่ละเรื่องที่เหมือนกันเป็นลำดับไปนะครับ

เซนเซอร์

เซนเซอร์เป็นเซนเซอร์ขนาด APS-C ความละเอียด 24 ล้านทั้งคู่ เท่านี้ก็เหลือๆแล้วครับสำหรับการถ่ายในชีวิตประจำวัน

หมายเหตุ: APS-C ของแคนนอนจะมีขนาดเล็กกว่า APS-C ของชาวบ้านอยู่นิดหน่อย คือจะมีคุณสมบัติคูณ1.6 ในขณะที่เจ้าอื่นจะคูณ1.5กัน ถึงต่างกัน แต่ไม่ได้ต่างแบบมีนัยสำคัญอะไรขนาดนั้นครับ

หมายเหตุ2: คูณ1.6 แปลว่าเวลาเอาเลนส์อะไรมาติดต้องจับคูณด้วย1.6ถึงจะได้ระยะที่แท้จริงนะครับ เช่นติดเลนส์ 22mm ก็จะได้ระยะจริงที่ 35.2mm (22 x 1.6)

ระบบปฏิบัติการ Digic 7

เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นและเปิดตัวในปี 2016 กับกล้องคอมแพค Canon G7X II ครับ ตอนนี้ยังมีกล้อง Canon ไม่เยอะที่ใช้ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ แต่ Canon EOS M5 กับ Canon EOS M6 ก็ใส่ระบบปฏิบัติการนี้มาให้ทั้งคู่

ประโยชน์ก็คือ มันทำให้ภาพคมชัดยิ่งขึ้น และจับโฟกัสได้ดีขึ้นด้วย

ค่า ISO

ปรับได้ที่ 100–25,600 และสามารถปรับเป็นค่ายิบย่อยอย่างเช่น 640 ได้ ไม่ต้องปรับเป็นสต๊อปอย่าง 100, 200, 400, 800, 1600 ไปตลอด

การโฟกัส

มีจุดโฟกัส 49 จุด และใช้ระบบโฟกัสแบบ Dual Pixel ทั้งคู่ โดยนี่เป็นครั้งแรกที่เค้าหยิบระบบนี้มาใส่ในกล้อง Mirrorless

ระบบโฟกัสแบบนี้พูดง่ายๆก็คือระบบ Phase Detection ที่เจ้าอื่นเค้าเรียกกัน ซึ่งประโยชน์ที่ได้จากระบบโฟกัสแบบนี้คือมันช่วยให้โฟกัสเข้าเป้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการโฟกัสวัตถุที่เคลื่อนไหว

จากการทดสอบกล้องทั้งสองตัว พบว่าการโฟกัสวัตถุเคลื่อนไหวทำได้รวดเร็วดี นอกจากภาพนิ่งแล้วยังส่งผลกับเรื่องวิดีโอด้วย

กล้องทั้งสองจะมีปุ่ม MF ไว้ปรับโหมดโฟกัสเป็นทั้งแบบออโต้และแมนนวล ส่วนตัวเราไม่ค่อยปลื้มปุ่มนี้เท่าไหร่ เพราะมันกดง่ายเกิน บางทีนิ้วมันก็ไปโดนเอง กดปุ่มนี้ปุ๊บจะกลายเป็นการโฟกัสแบบแมนนวลทันที ถ้ามองในแง่ดีก็คือสลับ AF Mode ไปมาง่าย

การโฟกัสหลักๆจะมีสองแบบ คือ ONE SHOT กับ SERVO

  • ONE SHOT คือ โฟกัสครั้งเดียว
  • SERVO คือ โฟกัสต่อเนื่อง

ชื่อที่เค้าใช้จะแปลกไปจากชาวบ้านนิดนึง แต่จริงๆไม่มีไรมาก

วิดีโอ

วิดีโอของทั้งสองเป็นแบบ Full HD ที่ 60 fps ยังไม่ใส่ 4K มาให้นะครับ

สืบเนื่องจากการโฟกัส Dual Pixel ข้างบน ทำให้การโฟกัสวิดีโอทำได้ดีบนกล้องทั้งสองตัวครับ อันนี้เราใช้เลนส์ 15–45mm ลองดูเป็น GIF คร่าวๆก็น่าจะเห็นว่ากล้องมีการโฟกัสสลับไปมาระหว่างหน้านางแบบกับมือโดยใช้เวลาไม่นานนัก

อันนี้ถ่ายด้วย Canon EOS M5

M5

ส่วนอันนี้ถ่ายด้วย Canon EOS M6

M6

การถ่ายภาพต่อเนื่อง

สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ที่ 7 ภาพต่อวินาที จัดว่าเร็วปานกลางครับ

กันสั่นดิจิตอล

กันสั่นดิจิตอลก็คือการครอปภาพเพื่อให้ภาพออกมาสั่นไหวน้อยลง ปกติเราจะเห็นเครื่องมือครอปภาพเพื่อลดการสั่นไหวในพวกโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ แต่อันนี้กล้องจะทำให้เลย

โทนสี

ในพาร์ทนี้ เราจะยังไม่บอกว่าภาพไหนถ่ายด้วย Canon EOS M5 หรือ Canon EOS M6 นะครับ ลองดูภาพกันก่อน

โทนสีโดยรวมมีความใกล้เคียงกันครับ โทนของผิวก็อย่างที่เห็น จะออกชมพูๆทั้งคู่สไตล์แคนนอนเค้า แต่ถ้าใครเบื่อโทนสีแบบเดิมๆ สามารถไปปรับโหมด Creative Assist หรือ Creative Filters เพื่อใส่เอฟเฟกต์ลงไปในภาพได้

อะ ได้เวลาเฉลย ภาพที่มีวงกลมสีดำคือ M5 ส่วนสีขาวคือ M6 แยกออกมะ

หากว่าใครอยากจะเห็นตัวอย่างภาพอื่นๆให้เลื่อนไปดูในส่วนท้ายของบทความนะ เราแปะรูปไว้เยอะเลย

สิ่งที่ไม่เหมือนกัน

สิ่งที่ต่างกันระหว่างกล้องสองตัวนี้จะเป็นเรื่องภายนอกและประสบการณ์การใช้งานครับ เช่นพวกช่องมองภาพ หน้าจอ หรือการควบคุมใช้งาน

ช่องมองภาพ

เอาสิ่งที่เห็นชัดสุดก่อนเลย นั่นก็คือช่องมองภาพ กล้อง Canon EOS M5 มีช่องมองภาพติดมาให้(ความละเอียด2.36ล้านจุด) ในขณะที่ Canon EOS M6 จะไม่มีช่องมองภาพ อย่างไรก็ตาม กล้อง Canon EOS M6 สามารถซื้อช่องมองภาพมาติดได้

ถึงแม้กล้อง Canon EOS M6 จะซื้อช่องมองภาพมาติดได้ แต่ว่ามันไม่สามารถเข้าถึงฟังก์ชั่น touch and drag (หรือการเลื่อนจุดโฟกัสด้วยการสัมผัสหน้าจอขณะส่องช่องมองภาพ) เหมือนกล้อง Canon EOS M5

หน้าตา Viewfinder ของ Canon EOS M6 ก็ประมาณนี้

หมายเหตุ: ช่องมองภาพของกล้อง Canon EOS M5 จะให้สีโทนอุ่นกว่าภาพจริงที่ได้นิดนึง หวังว่าในอนาคตจะมีเฟิร์มแวร์มาสนับสนุนให้ปรับโทนสีให้ตรงขึ้นนะครับ

หน้าจอ

อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่แตกต่างกันชัดเจน ถึงหน้าจอจะเป็นแบบทัชสกรีนทั้งคู่ แต่เมื่อใช้เซลฟี่ หน้าจอของกล้อง Canon EOS M5 จะพับลงด้านล่าง ในขณะที่หน้าจอของ Canon EOS M6 จะพับขึ้นข้างบนเหมือนกล้องส่วนใหญ่ในตลาด

เรื่องพับขึ้นพับลงเนี่ยจริงๆมันไม่ได้มีผลอะไรกับภาพหรอก แต่มันจะมีผลกับสายตาเราเวลาเรามองหน้าตัวเองเพื่อเซลฟี่ เพราะคนเรามีแนวโน้มสูงที่จะมองหน้าจอก่อนกดชัตเตอร์ จอพับล่างคนก็ชอบมองลงล่าง จอพับบนคนก็ชอบมองขึ้นบน

ถึงจะไม่มีผลกับภาพ แต่มันจะมีผลกับการใช้งานในระดับ Production อยู่นิดนึง ตรงที่ Canon EOS M5 พอพับจอลงข้างล่าง มันจะไม่สามารถเห็นหน้าจอได้หากเราต่อมันเข้ากับขาตั้งกล้อง (ขาตั้งจะบังหน้าจอ) ในขณะที่ Canon EOS M6 พอพับจอขึ้นข้างบน พวกไมค์ขนฟูๆที่เขาชอบเอามาติดตรง Hot Shoe มันก็จะบังหน้าจอซะมิด ดังนั้นจงคิดให้ดีว่าเราจะใช้อุปกรณ์พวกนี้มั้ย ถ้าไม่ ก็ตัดสินตามความชอบเลยก็ได้

ความต่างยังไม่หมดเท่านี้ ความละเอียดของหน้าจอทั้งสองก็ไม่เท่ากัน ความละเอียดของหน้าจอ Canon EOS M5 จะละเอียดกว่า Canon EOS M6 (1,620,000 จุด กับ 1,040,000 จุด) ไปลองเทียบความต่างดูเองได้เลย แต่เราว่ามันไม่ได้เห็นชัดเจนอะไรขนาดนั้นหรอก

การควบคุม

กล้องทั้งสองตัวมีปุ่มและวงแหวนมากเพียงพอให้ปรับความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงได้อย่างรวดเร็ว มีวงแหวนปรับ EV (ปรับค่าแสงบวกลบ3) เหมือนๆกัน แต่จะต่างกันนิดหน่อยเรื่องตำแหน่งการวางปุ่ม

กล้อง Canon EOS M5 จะวางวงแหวนปรับโหมดไว้ด้านซ้าย แต่กล้อง Canon EOS M6 จะวางไว้ด้านขวา โดยรุ่น M5 จะแถมปุ่มล็อคโหมดมาให้ด้วย ซึ่งถามว่าจำเป็นมั้ย ก็ไม่ขนาดนั้นครับ 555

ตำแหน่งของวงแหวนปรับรูรับแสงนี่แหละที่อยากให้ไปลองเปรียบเทียบกันเอง วงแหวนปรับรูรับแสงของ Canon EOS M6 จะอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้นิ้วโป้งมากกว่า ซึ่งสำหรับเราแล้วมันสะดวกกว่าอยู่นิดหน่อย

กล้อง Canon EOS M5 จะมีปุ่ม Dial Func. มาให้ ปุ่มนี้จะมีหน้าที่ในการปรับเปลี่ยนได้ทั้ง ISO และ White Balance ครับ กดทีนึงก็จะปรับ ISO กดอีกทีก็จะปรับ White Balance สลับกันไปเรื่อย แล้วแต่คนจะชอบนะ ซึ่งจริงๆเราสามารถปรับค่าISOนี้ได้ด้วยปุ่ม ISO ด้านหลังกล้อง หรืออาจจะกดที่หน้าจอเอาเลยก็ได้

แฟลช

ทั้งคู่มีแฟลชมาให้ก็จริง แต่ Canon EOS M6 จะเป็นแฟลชแบบ Pop-up และใช้นิ้วขี้โกงดัน Bounce กับเพดานได้ ขณะที่ Canon EOS M5 ทำไม่ได้เพราะตัวแฟลชมันติดอยู่กับบอดี้

บอดี้

ขนาดของบอดี้กล้อง Canon EOS M5 จะใหญ่กว่าอยู่นิดหน่อย น้ำหนักก็มากกว่าที่ 427 กรัม ขณะที่ Canon EOS M6 หนักเพียง 343 กรัม (รวมแบตแล้วนะ)

บอดี้ของ Canon EOS M6 จะดูมีความวินเทจนิดๆ สวยดี

ถ้าว่าด้วยเรื่องการจับถือ Canon EOS M5 จะมีกริปด้านหน้าและที่วางนิ้วโป้งที่ยื่นออกมามากกว่า ซึ่งนี่จะเหมาะยิ่งกว่ากับมือผู้ชาย

ราคา

ราคา Canon EOS M5 เฉพาะบอดี้ : 36,990 บาท

ราคา Canon EOS M5 + เลนส์ 15–45mm : 40,990 บาท

ราคา Canon EOS M5 + เลนส์ 18–150mm : 51,990 บาท

ราคา Canon EOS M6 เฉพาะบอดี้ : 29,900 บาท

ราคา Canon EOS M6 + เลนส์ 15–45mm : 33,900 บาท

ราคา Canon EOS M6 + เลนส์ 18–150mm : 48,900 บาท

สรุป

เราจะสรุปข้อดีและข้อสังเกตให้เป็นข้อๆนะครับ

ข้อดีร่วมกัน

  • โฟกัสเร็วทั้งคู่
  • เซนเซอร์ขนาดค่อนข้างใหญ่(APS-C) ให้ไฟล์ภาพที่ดี
  • โทนสีผิวออกชมพูๆ สาวๆน่าจะชอบกัน
  • มีกันสั่นอิเล็กทรอนิกส์ให้ใช้งาน
  • วงแหวนและปุ่มครบครัน ปรับค่าเบสิกต่างๆได้อย่างรวดเร็ว (อันนี้ชอบ)
  • หน้าจอทัชสกรีนทั้งคู่ ง่ายต่อการเข้าถึงเมนู
  • กริปทำมาดี (อันนี้ก็ชอบ)

จุดเด่นของ Canon EOS M5

  • มีช่องมองภาพ และสัมผัสหน้าจอเลือกโฟกัสระหว่างใช้ช่องมองภาพได้
  • มีปุ่มลัดไว้ปรับ ISO กับ White Balance
  • หน้าจอละเอียดกว่า
  • หน้าจอพับลงด้านล่าง
  • กริปจะยื่นออกมามากกว่า ถ้าใครมือใหญ่จะถือเข้ามือกว่าหน่อย

จุดเด่นของ Canon EOS M6

  • หน้าจอพับขึ้นด้านบน
  • วงแหวนปรับรูรับแสงอยู่ในตำแหน่งใกล้นิ้วโป้ง
  • ขนาดเล็กกว่า
  • ราคาถูกกว่า
  • ดีไซน์สวย ออกแนววินเทจนิดๆ

ข้อสังเกต

  • กันสั่นเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ พูดง่ายๆคือหากใช้งาน กล้องมันจะครอปภาพบริเวณรอบนอกออกเพื่อลดการสั่นไหว
  • ปุ่ม MF กดง่ายเกินไปหน่อย ทำให้บางครั้งนิ้วไปโดนเอง
  • ปัจจุบันยังมีเลนส์ให้เลือกไม่มาก โดยเฉพาะเลนส์ฟิกซ์รูรับแสงกว้างๆ

จบแล้วกับรีวิว Canon EOS M5 และ Canon EOS M6 หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่ลังเลฝาแฝดสองตัวนี้อยู่นะ ก่อนจากกันเรามีภาพจากกล้องทั้งสองตัวมาให้ดูกันขำๆ ใครที่มีข้อสงสัยสามารถคอมเมนต์ถามกันมาได้ทั้งทาง Facebook , Instagram หรือเมนชั่นมาทาง Twitter ได้นะ เพื่อนๆสามารถติดตามบทความอื่นๆได้ทาง medium.com/torcnn จะมีบทความรีวิวกล้องต่างๆอัพให้ติดตามกันเรื่อยๆจ้ะ

ไปละ บรัย

ตัวอย่างภาพ Canon EOS M5

ตัวอย่างภาพ Canon EOS M6

--

--

Tor Chanon
torcnn

ต่อ ชานนท์ โตเลี้ยง / Photography Tips and Reviews. Instagram & Twitter : @torcnn