[ รีวิว] แกะกล่อง Mac mini M1 ประสบการณ์ซื้อคอมตั้งโต๊ะจาก Apple ครั้งแรก

ตอตาวตัวโต
towswnt
Published in
3 min readSep 25, 2021

รีวิวนี้ขอแกะกล่อง Mac Mini M1 แนวๆ เล่าให้ฟังนะครับ ไม่มีความรู้ทางเทคนิคอะไรทั้งสิ้น 5555 เน้นเล่า เม้ามอยกันแบบเพื่อนสาวซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ละกันครับ

ก่อนหน้านี้คอมพิวเตอร์ที่ผมใช้เป็นประจำในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็น MacBook ทั้งสิ้นเลยครับ ตั้งแต่ MacBook Air ปี 2015 ที่ใช้ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบได้ทำงานก็ได้คอมบริษัทเป็น MacBook Pro 2017 ซึ่งผมก็เคยชินกับการใช้คอมบริษัททั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัวมานานเกือบๆ 2 ปีครับ ทำให้ผมไม่ค่อยได้เปิดคอมตัวเองเสียเท่าไหร่

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญมันดันมาเกิดขึ้นเมื่อผมลาออกจากงานแล้วต้องคืนคอมบริษัทเนี่ยแหละครับ ที่ทำให้ผมต้องกลับมาใช้คอมเครื่องเก่าของตัวเอง และก็ค้นพบว่า “มันเก่าเกินจะใช้งานได้แบบไม่หงุดหงิดเสียแล้ว” ทั้งที่ผมก็ใช้งานแค่ทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้ทำตัดต่อคลิป ตัดต่อรูปภาพอะไรเลย

ตรงจุดนี้เนี่ยแหละครับที่ทำให้ผมตัดสินใจเริ่มมองหาคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่แบบจริงจังเสียที ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่ได้เปิดคอมของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

ทำไมเลือก Mac Mini M1?

สาเหตุที่ทำให้ผมเลือก Mac Mini M1 เป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาผมทำงานที่บ้านมาตลอด ทำให้ผมซื้ออุปกรณ์ทำงานพวก จอคอม เม้าส์ และคีบอร์ดไว้เรียบร้อยแล้ว เอาไว้เพิ่มคุณภาพชีวิตการทำงานที่บ้านให้ตัวเอง เพราะการนั่งพิมพ์งานจากโน๊ตบุ๊คเครื่องเล็กๆ จอแค่ 13 นิ้วนี่มันเป็นเรื่องที่ทรมานมากๆ

และด้วยความที่มีจอคอม เม้าส์ และคีย์บอร์ด พร้อมหมดแล้วเนี่ยแหละครับที่ทำให้ผมตัดสินใจไม่ซื้อ MacBook Air M1 แต่เลือกเป็น Mac Mini M1 แทน และอีกหนึ่งเหตุผลก็คือ ผมอยากจะลองประสบการณ์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของ Apple ด้วยเช่นกันครับ อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง

หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ผมก็กำตังค์ 32,900 บาท ไปที่ Apple Iconsiam เพื่อจัด Mac Mini M1 เลยครับ

ประสบการณ์การซื้อของที่ Apple Store ทุกแห่ง จะไม่เหมือนร้านอื่นๆ นะครับ คือ ซื้ออย่างเดียว จ่ายเงินเสร็จแล้วเชิญกลับได้เลย 5555 ไม่มีการมาแกะของ ลองใช้ดูก่อนว่ามันมีปัญหาหรือเปล่า เพราะคอนเซ็ปของ Apple เค้าก็คือ ถ้าไม่พอใจสินค้าก็สามารถขอคืนได้ภายใน 14 วันอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าถ้ากลับบ้านไปเครื่องเกิดเสีย ถ้าอยู่ภายในระยะเวลา 14 วัน คุณก็สามารถเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้เลยในทันที

ด้วยความที่ซื้อเสร็จแล้วกลับได้เลยเนี่ยแหละ ที่ทำให้ผมชอบการซื้อของกับ Apple มากๆ เพราะผมชอบการที่ได้แกะซีลพลาสติกด้วยตัวเอง

เริ่มแกะกล่อง Mac Mini M1 กันดีกว่า

ความรู้สึกแรกหลังจากที่รับถุงจากมือพนักงาน คือ “หนัก” กว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ น้ำหนักตัวเครื่องของเจ้า Mac Mini M1 อยู่ที่ราวๆ 1.15 กิโลกรัม (จากการชั่งน้ำหนักด้วยตัวเอง) ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะตัวเครื่องก็ใหญ่พอสมควร แถมวัสดุก็ทำจากอลูมิเนียม ดูแล้วพรีเมียมแบบสุดๆ

เมื่อเปิดฝากล่องออกมา เราก็จะพบกับตัวเครื่องวางอยู่ด้านบนสุด พร้อมกับหุ้มพลาสติกไว้ด้วย ด้านใต้ของตัวเครื่องจะมีซองใส่พวกคู่มือ เอกสารคำอธิบายต่างๆ รวมถึงสติ๊กเกอร์รูป Apple มาให้อีก 1 แผ่น ส่วนล่างสุดก็จะมีสายไฟสีดำ สำหรับต่อเข้าเครื่องมาให้อีก 1 เส้น

หมดแล้วครับ อุปกรณ์ที่ให้มากับคอมพิวเตอร์ราคา 22,900 บาท มันมีแค่นี้จริงๆ มินิมอลแบบสุดๆ ตามสไตล์ของ Apple เขาเลยแหละ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ให้มา แม้แต่สาย HDMI ก็ไม่มีให้นะครับ ต้องไปหากันเองที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ไม่มีอะไรเลยนอกจากรูเล็กๆ ที่มุมขวาล่าง ซึ่งเป็นที่อยู่ของไฟแสดงสถานะของเครื่อง ถ้าเครื่องเปิดอยู่ ไฟสีขาวก็จะติด ง่ายๆ แค่นี้เลยครับ

ส่วนที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ก็มีพอร์ตต่างๆ มาให้ใช้งานแบบมินิมอล หรือเรียกง่ายๆ ว่า พอร์ตน้อยนั่นแหละครับ แต่สำหรับผมก็ไม่ได้มีปัญหานะ อย่างที่บอกแหละว่าเน้นใช้งานแบบทั่วไปจริงๆ

พอร์ตที่ด้านหลังประกอบไปด้วย ช่องเสียบสายไฟ พอร์ตแลน Thunder Bolt จำนวน 2 พอร์ต พอร์ต HDMI และ USB A อีก 2 พอร์ต อ้อ เกือบลืมไป มีรู 3.5 mm. มาให้ด้วยนะ เผื่อใครอยากเสียบหูฟัง หรือลำโพง

การที่ไม่ได้แถมอุปกรณ์อะไรมาให้เลยจะไปว่า Apple เขาก็ไม่ได้ เพราะความจริงแล้วคอนเซ็ปของ Mac Mini ตั้งแต่รุ่นแรก Steve Jobs ตั้งใจขายให้แต่ตัวเครื่องจริงๆ ที่เหลือก็ไปเอาอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีอยู่แล้วมาต่อพ่วงเอา ถึงกับพูดบนเวทีงานเปิดตัวเลยว่าเจ้าของแมคเครื่องนี้จะต้อง “Bring your own display keyboard and mouse” หรือเรียกง่ายๆ คือหาอุปกรณ์อื่นๆ เองทั้งหมดนะ

เมื่อของในกล่องที่แถมมากับตัวเครื่องมีน้อย ทำให้การตั้งค่าเครื่องครั้งแรกทำได้ง่ายมากๆ เช่นกันครับ แค่เสียบสายไฟ ต่อสาย HDMI เข้าจอภาพ ต่อเม้าส์ คีย์บอร์ด และเสียบปลั๊ก ก็พร้อมใช้งานได้แล้ว เรียกว่าง่ายมากๆ

หลังจากเปิดเครื่องครั้งแรก ก็จะเข้าสู่การตั้งค่าต่างๆ ซึ่งมันก็เหมือน MacBook เครื่องอื่นๆ ที่เคยใช้มาครับ คือ เลือกภาษา ใส่ Apple ID ตั้งค่าการแชร์ข้อมูลต่างๆ แค่นั้นก็พร้อมใช้งาน คิดว่ารวมๆ แล้วตั้งแต่แกะกล่องจนถึงใช้งานได้ ใช้เวลาไปไม่ถึง 15 นาทีเลยด้วยซ้ำครับ นี่แหละข้อดีของการใช้ Mac ทุกอย่างพร้อมใช้งานตั้งแต่แกะกล่องกันเลยทีเดียว ไม่ต้องเสียเวลาไปลงโปรแกรมอีกเยอะแยะมากมาย

ประสบการณ์ใช้งานจริงเป็นยังไงบ้าง

หลังจากใช้เจ้า Mac Mini M1 ไปได้หลายวัน จึงพบว่า MacBook Air ปี 2015 มันเก่าเกินที่จะใช้งานได้แบบชิวๆ โดยไม่หงุดหงิดเสียแล้วครับ ด้วยความที่ Mac Mini M1 มันเร็วมากกกกกก เรียกได้ว่าเปิดเครื่อง นับ 1 ถึง 10 ก็พร้อมใช้งาน ในขณะที่เครื่องเก่าที่ผมเคยใช้ 3 นาทีเพิ่งจะบูตเสร็จ แถมบูตเสร็จแล้วก็ต้องรอโหลดกันอีกสักพักนึงกว่าจะพร้อมใช้งานได้แบบจริงๆ

เรื่องความเร็วของชิป M1 อันนี้ผมคงบอกอะไรไม่ได้มากนะครับ ด้วยความที่รูปแบบการใช้งานของผมหลักๆ จะเป็นการพิมพ์งานเอกสาร ดูคลิป เล่นเน็ตอะไรแบบนี้เสียมากกว่า แต่เท่าที่ลองจากการใช้งานทั่วๆ ไปแบบนี้ ก็พบว่ามันเร็วใช้ได้ ไม่มีจังหวะให้หงุดหงิดเลย ส่วนเรื่องการใช้งานแบบเชิงลึกอันนี้ผมไม่มีความรู้เลยครับ เอาเป็นว่าถ้าจะซื้อมาใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเครื่องเดียวของบ้าน อันนี้รับรองได้ว่าไม่ผิดหวังหรอก

นอกจากความเร็วของมันแล้ว ผมยังรู้สึกอีกอย่างนึงว่า “มันเงียบมาก” มากขนาดที่ผมใช้มันมาหลายวันแล้วยังไม่เคยได้ยินเสียงพัดลมระบายความร้อนของมันเลยด้วยซ้ำ เพราะอุณหภูมิของมันไม่เคยร้อนเลย ถ้าใช้งานทั่วๆ ไปแบบผม จะอยู่ที่ราวๆ 35–40 องศา เท่านั้นเอง ก็เลยไม่แปลกใจที่ทำไมถึงไม่เคยได้ยินเสียงพัดลมระบายความร้อนนั่นเอง

ในขณะที่ MacBook Air 2015 เครื่องเก่าของผม ในเงื่อนไขการใช้งานแบบเดียวกัน เครื่องจะร้อนมากๆ อุณหภูมิพุ่งเกือบ 100 องศาก็มี ทำให้พัดลมระบายความร้อนเสียงดังเหมือนเครื่องบินเจ็ตอะไรแบบนั้นเลยครับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเครื่องมันเริ่มเก่าหรืออะไรนะครับถึงได้เป็นแบบนั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ผมจะชมว่าการใช้งาน Mac Mini M1 แบบทั่วๆ ไป ของผมจะดูลื่นไหลจนไม่มีอะไรให้ติขนาดนี้ แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ดีไปหมดทุกอย่างหรอกครับ แน่นอนว่ามันต้องมีข้อเสียกันบ้าง

ข้อเสียใหญ่ๆ ที่ผมเจอก็คือ “ลำโพง” ครับ เจ้า Mac Mini M1 เนี่ย มีลำโพงมาให้ในตัวเครื่องเลยครับ ซึ่งตอนแรกผมอ่านรีวิว หรือดูคลิปรีวิวทุกคนก็บอกตรงกันว่าคุณภาพเสียงมันแย่มาก ซึ่งผมก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้วแหละว่าคงแย่จริงๆ

พอได้มาลองใช้จริงแล้วก็พบว่า โห มันแย่กว่าที่คิดอีกนะเนี่ย อย่าได้ไปเทียบกับลำโพงโทรศัพท์มือถือสมัยนี้เชียวนะครับ เพราะมันแย่กว่าหลายขุม เสียงมันอู้อี้ไปหมด ไม่ชัดเอาเสียเลย เรียกได้ว่าลำโพงของ Mac Mini M1 เป็นเหมือนลำโพงที่มีไว้กันตาย (แต่ไม่กันติด เอ้ยยย ไม่เกี่ยว) เท่านั้นครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณจะหูทองหรือไม่ก็ตาม บอกเลยว่ายังไงคุณก็จะรับรู้ถึงความแย่ของมันได้ในทันทีเลยครับ สุดท้ายแล้วยังไงๆ ก็ต้องไปหาซื้อลำโพงแยกเองแน่นอน ซึ่งก็เลือกเอาตามความชอบ แล้วก็งบประมาณของแต่ละคนได้เลยเนอะ

สรุปส่งท้าย: Mac Mini M1 ในมุมคนใช้งานทั่วไป ซื้อๆ ไปเถอะ

ไอคำว่า “ซื้อๆ ไปเถอะ” ในความหมายของผม คือมันก็เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเครื่องนึงจาก Apple อะครับ ที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปแน่ๆ มันเร็ว ใช้ได้ลื่นๆ แบบไม่หงุดหงิด หรือจริงๆ บางคนเอาไปทำงานตัดต่อ ก็พบว่าประสิทธิภาพดีพอควรเลยด้วยซ้ำ

แต่อย่างไรก็ตามก่อนจะซื้อผมก็คงอยากให้ถามตัวเองก่อนแหละครับว่า คุณเหมาะกับมันจริงๆ ไหม เพราะอย่าลืมว่าแม้ Mac Mini M1 จะมีราคาอยู่ที่ 22,900 บาท ซึ่งดูเหมือนไม่แพง แต่อย่าลืมว่าราคานี้คุณได้เฉพาะตัวเครื่องจริงๆ นะ ต้องบวกเงินไปอีกเยอะพอสมควรที่จะทำให้พร้อมใช้งานจริงๆ ทั้งจอ เม้าส์ คีย์บอร์ด ซึ่งก็มีหลายราคาให้เลือก ถ้าไม่อยากเสียเงินเพิ่มก็ใช้ของเดิมที่มีได้

แต่ถ้าใครไม่มีอุปกรณ์ที่ว่านี้เลยสักอย่างเดียว ก็เตรียมเงินในจุดนี้ไว้ด้วยครับ แถมช่วงนี้ทำงานที่บ้านกัน อาจต้องมีการประชุมออนไลน์ ก็ต้องอย่าลืมว่า Mac Mini M1 ไม่มีกล้อง ไม่มีไมโครโฟน ที่จะใช้สำหรับการประชุมออนไลน์ได้เลยนะครับ ต้องเสียเงินซื้อเท่านั้น

เมื่อมาคิดๆ ค่าอุปกรณ์ที่ต้องซื้อเพิ่มเพื่อทำให้ Mac Mini M1 เครื่องนี้พร้อมใช้งานแบบจริงจัง เหมือนโน๊ตบุ๊คเครื่องนึง ก็กลายเป็นว่าเจ้า Mac Mini M1 มันไม่ได้ถูกอย่างที่คิด ซึ่งอาจเพิ่มเงินแค่นิดเดียวก็ได้ MacBook Air ที่พร้อมใช้งานได้เต็มที่ตั้งแต่แกะกล่อง แต่ก็อย่างว่านะครับ คอมตั้งโต๊ะจะเอาไปเทียบกับโน๊ตบุ๊คก็คงไม่ได้ ดังนั้นใครชอบแบบไหนก็ลองเลือกซื้อกันได้ตามเงื่อนไขของตัวเองดีกว่าครับ

--

--