ลงทุนใน ICO ต้องรู้จักกับ KYC และข้อควรระวัง

Teerasej
Trade Coin Story
Published in
2 min readFeb 13, 2018

KYC หรือ Know Your Customer เป็นขั้นตอนที่นักลงทุนสกุลเงินดิจิตอลต้องรู้จัก และรอบคอบ

ถึงแม้ว่าช่วงนี้ที่สกุลเงินดิจิตอลทั้งหมดจะอยู่ในช่วงซบเซา แต่ธุรกิจใหม่ๆ ที่ออก ICO เป็นสกุลเงินดิจิตอลก็ออกมาให้พิจารณาอย่างต่อเนื่อง

ถ้าเพิ่งเคยได้ยินคำว่า ICO หรืออยากรู้รูปแบบการลงทุนใน ICO เรียนรู้จากที่พลไลฟ์ที่นี่นะครับ

แต่ในปัจจุบัน การเข้าลงทุนใน ICO ไม่ได้ง่ายเหมือนการลงชื่อ Email ผ่านหน้าเว็บอีกต่อไปแล้ว แต่มันมีขั้นตอนหนึ่งเข้ามาจัดการรูปแบบส่วนนี้ เรียกว่า KYC หรือ Know your customer

KYC: ฉันคือใคร?

ขั้นตอน KYC ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ในโลกของเรา เพียงแต่มันเพิ่งถูกนำมาใช้ เพื่อคัดกรองกลุ่มนักลงทุน ICO สำหรับบริษัทต่างๆ

ทั้งนี้เพราะโลกสกุลเงินดิจิตอล หรือ Cryptocurrencies ในยุคแรกๆ ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจผิดกฎหมาย ยกตัวอย่างเช่น พ่อค้ายาเสพย์ติด เอาเงินมาซื้อเหรียญ ICO พอราคาขึ้นก็ขายเป็นเงินสดปกติ เป็นต้น

KYC จึงเหมือนเป็นด่านหน้าของการคัดกรองคนที่จะมาซื้อเหรียญ ICO ซึ่งตรงนี้ก็มาจาการกดดันของภาครัฐต่างๆ ที่ไม่ต้องการให้ Bitcoin หรือสกุลเงินดิจิตอล กลายเป็นแหล่งฟอกเงินยุคใหม่นั่นเอง

ข้อมูลและเอกสารที่ใช้บ่อยใน KYC

ขั้นตอนการ KYC สั้นๆ นั้น คือ “การส่งเอกสารยืนยันตัวตน”

ซึ่งขั้นตอน KYC มักจะตามมาหลังจากที่เราไปลงทะเบียนแจ้งความจำนงกับทางเจ้าของ ICO นั้นๆ

ข้อมูลเหล่านี้ สรุปจากที่พลเจอมา จากการเข้า ICO ใน Experty, ArcBlock, และ WePower ในปีนี้ และเข้า Kyber Network ในปีที่แล้ว

โดยให้เตรียมข้อมูลส่วนตัวที่ไว้เลยจำพวก

  1. ชื่อ — นามสกุล ภาษาอังกฤษ
  2. Email ที่ใช้ในการรับข่าว
  3. ที่อยู่ ภาษาอังกฤษ และเพื่อความสะดวก ควรตรงกับเอกสารที่จะยืนยันตัวเอง เพราะมีหลายคน แจ้งที่อยู่ ไม่ตรงกับเอกสาร มีโอกาสหลุดจากรายชื่อสูง เพราะยืนยันไม่ผ่าน
  4. เลข Wallet Address ที่จะโอนเหรียญดิจิตอลไปลงทุน ใครยังไม่รู้จัก ดูได้จากที่พลเล่าไว้ และวิธีเปิด Wallet ของตัวเองที่นี่
  5. เบอร์โทรศัพท์​ อันนี้บางที่ก็ขอ บางที่ก็ไม่ขอ

ส่วนเอกสารนี้ ไม่จำเป็นต้องส่งตัวจริงไปนะ ปกติคือจะส่งเป็นไฟล์รูปภาพ

ที่ขอกันแน่นอนเลย ได้แก่

  1. ภาพถ่ายบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต (ภาษาอังกฤษเรียก ID Card กับ Passport) ต้องชัดเจน ไม่มีแสงสะท้อน
  2. ใบเสร็จรับเงิน ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อยืนยันที่อยู่จริง แน่นอนต้องเป็นภาษาอังกฤษ

KYC บางที่ จะมีให้เราดาวน์โหลดไฟล์ PDF เพื่อกรอกข้อมูล และเซ็นรับรอง ก่อนที่จะต้องแสกนอัพโหลดกลับมาให้เขาด้วยนะ

หลังส่งเอกสาร KYC แล้วใช้เวลาตรวจสอบนานแค่ไหน?

โดยปกติ จะเป็นการรอสักระยะ

KYC ที่ดี จะมีการแจ้งเวลาที่ชัดเจนในการตรวจสอบ

ซึ่งจากประสบการณ์ การ KYC ในเหรียญ ICO ที่มีคนสนใจมหาศาลใช้เวลานานมาก และบางที การตรวจสอบเอกสารก็ทำไม่ทัน วันที่เปิดขาย ICO ทำให้หลายๆ คนพลาดไปอย่างน่าเสียดาย

ดังนั้นถ้า KYC เปิดแล้วควรรีบทำแต่เนิ่นๆ ครับ อย่าชะล่าใจ แล้วมาเร่งเขาไม่ได้นะ

ข้อควรระวังในการทำ KYC

ส่วนนี้จะแยกเป็น 2 ส่วน คือ

  1. ระวัง เพื่อไม่ให้หลุด ICO
  2. ระวัง เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลเราเอง

เอาอย่างแรกก่อน

ข้อมูลทั้งหมดที่กรอก กับข้อมูลในเอกสารที่ส่งต้องตรงกัน และต้องเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ง่าย และเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจสอบ

อย่างที่บอกไปว่า ถ้าตรวจสอบไม่ผ่าน เขาจะตีกลับ KYC ของเรา และเราต้องส่งเอกสารเข้าไปใหม่

ในที่นี้หมายถึง เราไปเข้าคิวใหม่นะ ทำให้เวลาในการตรวจสอบนานขึ้นไปอีก

อย่างที่ 2

โดยปกติแล้วการทำ ICO และ KYC เจ้าของมักจะทำระบบส่วนนี้เองทั้งหมด แต่ในปัจจุบันก็มีบริการรับ KYC ให้เจ้าของ ICO อีกที

ตรงนี้เราสามารถพิจารณาความน่าเชื่อถือของ ICO นั้นๆ ได้จากการทำ KYC เช่นเดียวกัน

โดยปกติ นอกจากอ่าน Whitelist แล้ว พลจะสังเกตการทำ KYC ของเจ้าของ ICO นั้นๆ ด้วยว่า เขาแคร์กับข้อมูลผู้ลงทุนมากน้อยแค่ไหน

เพราะการรักษาข้อมูล ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่เจ้าของ ICO ควรลงทุนด้วย

สรุปเรื่อง KYC

นั่นก็คือสรุปคร่าวๆ ถึงข้อมูลที่เราจำเป็นต้องเตรียมไว้ เพื่อการเข้า ICO ในปัจจุบัน และอนาคต

มีคำถาม ข้อเสนออะไร พูดคุยกันในเม้นด้านล่างได้ และติดตามข้อมูลใหม่ๆ เพื่อการลงทุนในโลกสกุลเงินดิจิตอลได้ตามช่องทางด้านล่างครับ

--

--

Teerasej
Trade Coin Story

Microsoft MVP - AI, the Owner of the 7 cats, Japan explorer