หยุดการเขียนโปรแกรมแบบเดิม เพื่อเป็น developer ที่ดีกันเถอะ (Part1)
คุณเคยนั่งอยู่กลางดึกทั้งคืน เพื่อพยายามที่จะแก้ไขปัญหาหรือไม่ เมื่อวันก่อนยังรู้สึกว่าน่าจะง่ายกว่านี้ หรือรู้สึกว่าปัญหาของคุณมันเริ่มซับซ้อนขึ้นอีกเรื่อยๆตลอดเวลา?? บางทีนี่อาจจะเป็นเวลาหยุดพักสำหรับคุณแล้ว
อะไรกัน ต้องหยุดพักตลอดไปเลยหรือเปล่า?? เอ๋…. ไม่ใช่แบบนั้นจ้า สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึง คือ การพักผ่อน ซึ่งการพักผ่อนไม่ได้เพียงแค่ทำให้คุณ เป็นdevที่ดีขึ้น แต่ช่วยให้คุณมีความคิดที่สดใสขึ้น เมื่อคุณกลับมาเขียนโค้ดใหม่
สวัสดีครับทุกคน ผมเป็น Android developer จาก TrueId มีบทความดีดีที่จะมาสื่อสารกันเรื่อง การพักผ่อน และวิธีการหยุดพักเขียนโปรแกรมสักระยะหนึ่ง เพื่อช่วยให้คุณเป็น developer ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งบทความนี้ผมได้ทำการแปล และเรียบเรียงมาจากคุณ @codedgar ซึ่งเป็นบทความที่น่าสนใจอย่างมาก และเหมาะสำหรับทุกท่านที่มีสายงานเกี่ยวข้องกับการเขียนโค้ด หรือสายงานนอกเหนือจากนี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์นำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานของท่านได้
เรามาเริ่มกันเลย…
คุณรู้หรือไม่ว่าผู้คนจำนวนมาก มักจะบอกว่า “การเป็นคนที่ยอดเยี่ยม คุณต้องหมั่นฝึกฝนบ่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งคุณเป็นที่สุด” สำหรับฉันแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่โกหกอย่างมาก……….
ลองมาดูเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
เมื่อเราทำการฝึกฝน แล้วทุก ๆ วันคุณผลักดันจนกระทั่ง ร่างกายของคุณถึงขีดจำกัด ในที่สุดคุณก็จะเหน็ดเหนื่อย คุณอาจจะต้องใช้เวลาพักผ่อนเป็นเวลานาน ส่งผลให้ความพยายามทั้งหมดของคุณสูญเปล่า ฉันได้ทำการฝึกบีบอยมาเป็นเวลา 2 ปี และฉันสามารถบอกคุณได้เลยอย่างแน่นอนเลยว่า คุณต้องฝึกการบริหารระหว่างการพักผ่อน กับการเต้นบีบอย ซึ่งนั้นก็เหมือนกันกับการเขียนโปรแกรม หรือการทำงานอย่างอื่น
บทความนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลาย ๆ บท เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน อย่างแรกกำลังพูดถึงปัญหาที่ส่งผลทำให้คุณไม่ได้พักผ่อน อย่างต่อมาเราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับการแก้ไขพฤติกรรมเหล่านั้น ที่ทำให้คุณไม่ได้พักผ่อน และวิธีการดูแลสุขภาพ ซึ่งช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นในการเขียนโปรแกรมจากการพักผ่อนที่ถูกต้อง
ปัญหาอะไรบ้างที่ทำให้คุณเขียนโปรแกรมโดยไม่มีการพักผ่อนที่ถูกต้อง??
คุณอาจเคยเห็นมีม(memes)ต่าง ๆ มากมายอย่างเช่น “ฮ่าๆ เราเขียนโปรแกรมโดยไม่ต้องนอนหลับ” ซึ่งฉันคิดว่าเป็นปัญหาสำหรับพวกเรา การนอนหลับเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เรามีสติปัญหาที่แจ่มใส และทำงานได้อย่างถูกต้อง
แต่ถ้าหากเราไม่นอนแล้วเก็บความเครียดเอาไว้ จะทำให้คุณมีปัญหาอย่างถาวรตลอดไป อย่างเช่น
ภาวะหมดไฟ (Burn Out)
เป็นอาการที่เกิดจากการนั่งทำงานตรากตรำเป็นเวลานาน คุณจะพบว่าเป็นปัญหาที่ส่งผลร้ายแรงอย่างมาก และฉันคิดว่ามันอาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันสังเกต เมื่อเรามาลงลึกถึงรายละเอียด มันสามารถเกิดขึ้นได้อย่างถาวร ถ้าหากเราไม่ได้รับการรักษาที่ทันเวลา อาการ burnout ในมนุษย์สามารถแสดงออกมาได้หลากหลาย เช่น ความเครียด ความเหนื่อยหน่าย เป็นต้น ถ้าหากคุณมีอาการ burnout เป็นเวลานาน จะนำไปสู่ปัญหาหัวใจ และระบบไหลเวียนโลหิต
อาการฉุนเฉียว (General Irritation)
อาการที่ทำให้คุณสูญเสียความสัมพันธ์ทางสังคม ฉันเคยไปทำงานอยู่สถานที่หนึ่ง ซึ่งทำให้ฉันมีความเครียด และความฉุนเฉียว เมื่อฉันกลับไปบ้าน ได้แสดงความโกรธใส่ทุกคน และนั่นทำให้ทุกคนก็คุยกับฉันด้วยความโกรธ ทุกคนรอบตัวคุณไม่ได้มีความผิด ที่ทำให้งานของคุณไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะถ้าคุณเครียดใส่ทุกคน จะทำให้ทุกคนเริ่มหนีออกห่าง
หมดแพชชั่น (Loss of passion)
แพชชั่นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเขียนโปรแกรม ถ้าหากคุณมีความเครียดตลอด คุณควรคิดได้แล้วว่า “ฉันควรเครียดแบบนี้ต่อไปหรอ”
สูญเสียความประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์ผลงาน (Loss of productivity)
ถ้าหากความเครียดของคุณเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อตัวคุณ เพื่อนคุณ ครอบครัวของคุณ และงานของคุณ แต่ส่งผลกระทบต่อการสร้างสรรค์ผลงานด้วย เช่น งานของอาจจะทำเพียงแค่อาทิตย์เดียว หรือวันเดียวเสร็จ แต่กลับต้องใช้เวลาเป็นเดือน นำไปสู่แรงจูงใจที่ลดลง
ตอนนี้เราเริ่มรู้แล้วว่าทั้งหมดทั้งมวลส่งผลกระทบต่อผู้คนรอบตัว เพื่อน ครอบครัว การทำงาน และการสร้างสรรค์ผลงาน เราจะทำอย่างไรกับสิ่งเหล่านี้ดี?? เริ่มได้จากการสังเกต และหยุดพฤติกรรมเหล่านั้นที่ส่งผลกระทบต่อเรา ซึ่งผมจะมาเรียบเรียง และแปลให้ทุกท่านได้อ่านเกี่ยวกับตัวอย่างพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง และวิธีการพักผ่อนที่ถูกต้องต่อใน Part2 ครับ