TrustlessBank คืออะไร
About TrustlessBank in Thai Language
The Problem — เริ่มต้นจากปัญหาของการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลข้ามค่าย
Cross-chain / Cross-currency Exchange
ปัญหาแรก คือเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้ามสกุลเงิน (Cross-currency Exchange)
ตอนนี้เราอยู่ในยุคที่มี Blockchain Network มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Ethereum, Stellar, รวมกับถึงตัวใหม่ๆ ที่เร็วขึ้นดีขึ้น หรือพัฒนาขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะทาง ฯลฯ เรามี Digital Asset ที่ทำงานอยู่บน Blockchain Networks ที่ต่างกันนับร้อยสกุล..
การส่งเงินและแลกเปลี่ยนภายใน Network เดียวกัน เช่น ส่ง Bitcoin ให้ผู้รับที่มีกระเป๋า Bitcoin ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร.. แต่ครั้นจะส่ง Bitcoin ให้อีกคนที่รับ Stellar ที่ทำงานกันต่าง Blockchain Network ก็จะมีปัญหาทันที เพราะว่ามันคนละ Network กัน สองตัวนี้คุยกันไม่ได้.. การจะส่งได้จะต้องถูกส่งเข้าไปผ่านกระดานแลกเปลี่ยน (Exchage) เพื่อบันทึก และจับคู่การซื้อ และการขาย ในราคาที่สองฝ่ายตกลงร่วมกัน
ทำให้ในจุดที่ต้องการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ที่อยู่คนละสกุลกัน ผู้ใช้งานจะต้องทำการส่งเงิน (ที่เดิมตนเองเป็นผู้ถือ Private Keys หรือเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นอย่างแท้จริง) ไปยัง “ตัวกลาง” หรือผู้ให้บริการกระดานแลกเปลี่ยน อาทิเช่น Cryptocurrency Exchanges, Crypto OTC, Brokers ต่างๆ เพื่อให้ผู้ให้บริการเหล่านั้นทำการจับคู่ ระหว่างผู้ที่มีความต้องการแลกเปลี่ยนในคู่สกุลเงินนั้นๆ และเมื่อการแลกเปลี่ยนเสร็จสมบูรณ์ ผู้ใช้งานจึงจะทำการ “ถอนเงิน” กลับไปยังกระเป๋าสตางค์หลักของตนเองได้
เช่นผมจะซื้อของชิ้นนึง $4000 แล้วร้านค้าดันรับคริปโตแต่รับ เหรียญ USD ที่ทำงานด้วยระบบ Stellar แต่ผมไม่มี Stellar มีแต่ Bitcoin 1 BTC” สิ่งที่เกิดขึ้นคือผมไม่สามารถส่ง Bitcoin ให้ร้านได้ (ร้านไม่รับ, หรือยังไม่มีกระเป๋าตัง) ทำให้ ผู้ที่มีความต้องการแลกเปลียนทั้งคู่ ต้องไปที่ Exchange เพื่อเทรดเหรียญ Bitcoin เป็น Stellar ..
ปัญหาก็คือ ตอนแรกทั้งสองสกุลเงินมีความเป็น Decentralized สูง (Opensource, User เก็บ Private key ของเงินตัวเอง, ทุกธุรกรรมถูกบันทึกให้สืบค้นได้บน Blockchain Network ของแต่ละค่าย) แต่พอเมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องการแลกเงิน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราจะต้องทำการเปิดบัญชีของ Exchange (รวมถึง KYC ต่าง) ซึ่งเป็น “ตัวกลาง” และ เพื่อที่จะให้การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นได้เราจะต้องทำการโอนเงินไป “ฝาก” (Deposit) ไว้กับบัญชีของผู้ให้บริการ และให้อำนาจเป็นผู้รักษาสินทรัพย์นั้นไว้ ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอีกหลายอย่าง อาทิเช่น
1. ปัญหาการถูกโจรกรรมจากความเป็น Single Point of Attack:
การแลกเปลี่ยนเงิน ผู้ใช้งานจะต้องโอนเงินไปรอไว้ในกระเป๋าสตางค์ของ Exchange ซึ่งแน่นอนว่า ผู้แลกไม่มี Private Key ของกระเป๋า Bitcoin Exchange นั้นๆ (เสียสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินจริงๆ ขั้นตอนนี้คล้ายกับเอาเงินไปฝากธนาคาร คือต้องเชื่อใช Exchange ว่าจะเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ของเรา (Custodian) และผู้ใช้งานต้องใช้ Password ของ Exchange เพื่อเข้าไปดูเงินของตัวเอง.. >> แต่ทว่าจากสถิติแล้ว ทุกปีจะเกิดการโจรกรรมที่ Exchange Hot Wallet เหล่านี้และคนตกเป็นเหยื่อของการโจรกรรมกว่า $1 พันล้านเหรียญ จากปริมาณการแลกเปลี่ยนทั้งหมด $200 ล้านล้านเหรียญต่อปี
2. ปัญหาของการถอนเงิน(Withdrawal Problem):
หลายๆ ครั้ง ที่ผู้ให้บริการกระดานแลกเปลี่ยนมีปัญหาจากการโดนโจรกรรม หรือปัญหาภายใน ทำให้ผู้ให้บริการทำการระงับการถอนเงินออกจากบัญชี หลายวัน หรือหลายสัปดาห์ และบางครั้งผู้ให้บริการหนีไป พร้อมกับผลักภาระความสูญเสียมาให้ยังเจ้าของสินทรัพย์ทั้งหมด
นอกจากนี้การแลกเปลี่ยนที่ผ่านตัวกลาง (Centralized Exchange) ยังต้องเสียค่าบริการให้กับผู้ให้บริการ อีกทั้งค่าธรรมเนียมในการถอนที่สูงเกินกว่าค่าธรรมเนียมในการโอนจริงของแต่ละ Blockchain Networks หลายเท่า.. อีกทั้งเรื่องของข้อมูลความเป็นส่วนตัวต่างๆ ของผู้ใช้งานที่ผู้ให้บริการอาจนำไปหาประโยชน์ทางอื่นๆ ได้อีก
Atomic Swap คืออะไร
Atomic Swap คือ การแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลข้ามสกุลเงินกันแบบ Peer-to-Peer จากภายในกระเป๋าเงินคริปโตของทั้งสองฝ่ายโดยตรง โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางเช่น Centralized Exchange หรือ OTC ที่มีโอกาสเป็นเป้าในการโดนแฮก หรือมีสิทธิ์ในการระงับการถอนเงินของคุณได้ อ่านเพิ่มเติม
ปัญหาของ Atomic Swap?
อย่างไรก็ตามการแลกเปลี่ยนแบบไม่อาศัยตัวกลางหรือ Atomic Swaps ยังคงเป็นการทำธุรกรรมกันแบบ Peer to Peer หรือผู้ที่มีความต้องการแลกทั้งสองฝ่ายต้องมาเจอกัน แล้วตกลงกันเอง อีกทั้งยังขาดชิ้นส่วนที่สำคัญอีกหลายอย่างที่ผู้ให้บริการกระดานแลกเปลี่ยนอย่าง Exchanges มีไว้ให้ อาทิเช่น ส่วนของการจับคู่ (Matching), บันทึกธุรกรรมราคาซื้อขาย (Orderbook), และรวมถึงกับสภาพคล่อง (Liquidity)
มีผู้ให้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนหลากหลายค่าย พยายามพัฒนากระดานแลกเปลี่ยนแบบ Decentralized (DEX: Decentralized Exchange) แต่ก็ยังมีปัญหาหลายอย่างที่ทำให้การใช้งานจริงยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นวงกว้าง สรุปโดยย่อดังนี้
The Solution = TrustlessBank
TrustlessBank พัฒนาเทคโนโลยีสามส่วนหลักเพื่อมาแก้ปัญหาเรื่องการแลกเปลี่ยนข้ามสกุลดังกล่าว คือ
- Non-custodial / Multi-Asset Wallet
คือกระเป๋าสตางค์ดิจิตัลที่ผู้ใช้งานเป็นผู้เก็บรักษา Private Keys ด้วยตนเอง และเก็บเงินสกุลดิจิทัลได้หลายสกุล อาทิเช่น Bitcoin, Ethereum, Stellar, และ Stablecoins ต่างๆ โดยในส่วนของกระเป๋าสตางค์ TrustlessBank เปรียบเสมือนเป็นเพียง Blockchain Interface ติดต่อไปยัง Networks ของแต่ละค่าย และให้ผู้ใช้งานทำธุรกรรมได้เองโดยไม่มีการเก็บสินทรัพย์รักษาของผู้ใช้งานแต่อย่างใด - Decentralized Exchange
ในการทำให้การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นได้จะต้องมีกระดานแลกเปลี่ยนที่บันทึกราคาซื้อ-ขาย ในแต่ละคำสั่งแลกเปลี่ยน ในส่วนนี้ TrustlessBank พัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้ที่ต้องการแลกสินทรัพย์ ทำการจับคู่กับผู้ที่ต้องการขายสินทรัพย์นั้นๆ (Liquidity Providers, Market Makers) ได้แบบ Peer to Peer - Distributed Liquidity
ผู้ที่ต้องการเป็นผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิตัล สามารถตั้ง Nodes (Server) มาเป็นส่วนหนึ่งของระบบ เพื่อเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายอิสระของผู้ที่ต้องการสร้างสภาพคล่องให้กับการแลกเปลี่ยน
แต่ละผู้ให้บริการจะเป็นเพียงแค่ผู้ใช้งานทั่วไป หรือเป็นผู้ที่ทำธุรกิจโบรกเกอร์, OTC, หรือ กระดานแลกเปลี่ยนก็ได้ เนื่องจากเป็นระบบที่แลกเปลี่ยนกันได้แบบ Peer to Peer (ทั้งนี้ TrustlessBank เป็นเพียงผู้พัฒนา Opensource Technology — ผู้ที่ต้องการนำเทคโนโลยีไปใช้ต้องอ้างอิงตามกฎหมายของแต่ละประเทศว่าสามารถทำธุรกรรมได้ตามเงื่อนไขแบบใด) อย่างไรก็ตามการทำธุรกรรมทั้งหมดโดยอาศัย TrustlessBank ไม่มีส่วนใดที่เราเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ของผู้ใช้งาน การแลกเปลี่ยนทั้งหมดเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยนกันโดยตรงระหว่างสองฝ่าย และเกิดขึ้น และถูกบันทึกลงบน Blockchain Network ของแต่ละสกุลที่ต้องการแลกทันที
TrustlessBank จึงกำจัดความเสี่ยงทั้งหมดของการแลกเปลี่ยนแบบ Centralized Exchange ที่ผู้ให้บริการมักเป็นจุดเสี่ยงเนื่องจากมีอำนาจในการจัดการสินทรัพย์ดิจิตัลของผู้ใช้งาน รวมถึงการระงับการเพิกถอน และการเป็นเป้าในการโดนโจรกรรมต่างๆ ด้วย
TrustlessBank eliminates the risks you have of exchanges abusing control over your assets; including where the exchange might freeze your withdrawals, freeze your deposits, or became a public target for data leaks and hacks. We’ve created the TrustlessBank App as a non-custodial wallet (we never keep your private keys!). With the Atomic Swap ability (peer-to-peer instant exchange), you can pay with one currency and let the merchant receive in another currency in one single wallet action. All transactions can be securely checked on the blockchain or block explorer after the transaction is finished: it loads up in the app.
About TrustlessBank
1. UK Software Development company specialized in Blockchain Technology with experienced Thai developers/co-founders
2. Make a cryptocurrency Wallet app that helps you monitor your money address. It’s like a messaging/accounting app. (No private keys are kept on our servers)
3. You can message your address and check it using this app and it does accounting for you
4. You can use it to make a conditional coin send — the coin will only be sent if the other person sends to you too. (Atomic Swaps)
5. The app only works with your own address — our company cannot store your money or keep your coins, it only can measure, monitor and issue messages.
6. We allow you to monitor and message addresses of 6 currencies now (Bitcoin, Ethereum, Stellar, TrueUSD, DAI) — no Thai Baht
7. We do not offer Thai baht or any other ‘sale’ of currency, or cash/bank transfer.
8. We have no banking services (the ‘Bank’ in our name is like ‘softbank’, not really a bank) 😅
อยากรู้เกี่ยวกับ TrustlessBank มากขึ้น?
ไปลองโหลดเวอร์ชั่น TrustlessBank Testnet, TrustlessBank Mainnet มาลองใช้งานกันได้เลย!
สนใจบทความดีๆ เกี่ยวกับ Blockchain Technology, Decentralized Finance?
แล้วฝากไปติดตาม หรือพูดคุยกันในช่องทางต่างๆ ของเราด้วยนะ ✌️👌
