#ถึงปี 2017

Tulathorn Sripongpankul
tulathorn blog
Published in
4 min readDec 31, 2017

สวัสดีครับทุกๆ คน กลับมาอีกครั้งกับการเขียนบล๊อกนะครับ (หลังจากหายไปนาน พอสมควร)

เป็นธรรมดาของทุกๆ ปี ที่หลายๆ คน มักจะเขียนสเตตัสต่างๆ เพื่อเป็นการรีวิวตัวเองในปีนั้นๆ

ปกติผมก็มักจะทำอย่างนั้นแหละครับ แต่ปีนี้ ด้วยการที่ว่าเปิด Meduim Publication แล้ว บวกกับว่า เรื่องราวในปีนี้ มันเยอะมากๆ ซึ่งถ้าตั้งเป็นสเตตัส มันอาจจะยาวเกินไป จนคนไม่อ่าน ผมเลยตัดสินใจ ว่าจะมานั่งบอกเล่าเรื่องราวในบล๊อกของตัวเองล่ะกัน

อีกอย่าง ปีปีนึง อัพตัสเฟซบุ๊คเยอะมาก เวลาอยากกลับมาย้อนอ่านมันยาก เลยเขียนในนี้ล่ะกัน

Year review ด้วยรูปขำๆ นะครัช

ผมจะพยายามเขียนให้กระชับ ไม่ยาวจนเกินไปนะครับ(แม้ว่าเรื่องจริงๆ มันเขียนได้ยาวมากๆ เลยแหละ) ถ้าสนใจเรื่องราวช่วงในของปีเป็นพิเศษ ก็ทักเข้ามาพูดคุยกันได้นะครับผม ถ้าพร้อมแล้ว เลื่อนนิ้วลงไปอ่านเลยครับ :)

ปีแห่งการเดินทาง

ปีนี้ เป็นปีที่ได้ออกไปเห็นโลกกว้างเยอะมาก ถ้านับเป็นประเทศจริงๆ นับได้ 8 + 1 ประเทศ (นอร์เวย์ ได้ไปแค่ตรงติ่งที่เป็นทะเลเหนือนิดหน่อย เลยขอเป็น +1 ละกัน)

สารภาพว่าปีที่แล้วปีเดียว ผมเดินทางออกนอกประเทศไทยมากกว่าที่ผมเห็นออกไปต่างประเทศทั้งชีวิตเลย ซึ่งเอาจริงๆ ผมสนุกนะ มันทำให้เราเห็นที่เราไม่เคยเห็น ได้เรียนรู้โลกที่เราไม่เคยเห็น ที่สำคัญ มันให้พลังงานกลับมากับผมมาก ทำให้รู้สึกว่ามีแรงอยากจะทำอะไรเยอะแยะไปหมด

บนเรือที่ท่าเรือ Turku
Copenhagen, Denmark
Mariehamn, Åland

ถ้าต้องเลือกสักเมืองนึง ที่ไปแล้วรู้สึกชอบ คงไม่พ้น Gothenburge, Sweden แน่นอนครับ เป็นเมืองที่มีครบทุกอย่าง ภูเขา ทะเล เมือง ประวัติศาสตร์ ผู้คนน่ารัก อากาศก็ดี ยังจำวินาทีที่เท้าเหยียบเมืองฯ ตรงสถานีรถไฟได้เลย มันรู้สึกตกหลุมรักเมืองนี้ในทันทีเลย

In front of Gothenburg central station
Volvo museum อาจจะไม่ใหญ่เท่า BMW Welt แต่ feel good เหมือนกัน

ถ้ามีโอกาส ไม่ลังเลแน่นอนที่จะกลับไป

ปีแห่งโอกาส

ปีนี้เป็นปีที่ผมได้รับโอกาสเยอะแยะมากมายในชีวิตมากๆ เป็นปีที่ Break out, Break limit ของตัวเองออกไปในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องสกิล ประสบการณ์การใช้ชีวิต รวมถึงความรับผิดชอบต่างๆ

ไล่ตั้งแต่ การได้มีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่สามารถประเมินค่ามันได้เลย, การได้เข้าไปเป็นส่วนนึงของทีม Alchemist Club ที่นอกจากจะทำให้ได้ความรู้ใหม่ๆ แล้ว ยังได้ความสุขและความทรงจำดีๆ จากคนในทีมด้วย, การเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัย ไปเข้าค่ายที่ประเทศมาเลเซีย ที่ทำให้เราได้ไปเรียนรู้สังคมใหม่ๆ ที่เราไม่เคยคุ้นเคย, การได้ไปทัวร์ Nanyang University of Technology แบบสุด exclusive ที่ทำให้ได้เห็นว่ามหาวิทยาลัยระดับโลก เขาเป็นยังไง, การรับตำแหน่ง รองประธานชมรมศิลปะและการถ่าย ที่ทำให้เราโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น และสุดท้าย กับติดค่าย #ywc15 ที่จะทำให้เราได้มีโอกาสไปพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดด

โฉมหน้า(ที่ถูกปิดบังบางส่วน) ของสี่คนใน ในค่ายที่มาเลเซีย

สุดท้าย ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆ คน ที่เข้ามาให้โอกาสต่างๆ แก่ตัวผมด้วยนะครับ อะไรที่ทำพลาดไป ก็ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะครับ

ในช่วงที่ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว Gothenburg แล้วเจ้าของบ้านชวนออกมาเดินเล่นหลังบ้าน เป็นวิวที่สวยมากๆ ครับ (ผู้ชายในรูปคือเจ้าของบ้านที่ไปพัก)

ปีแห่งการพบเจอคนใหม่ๆ

ปีนี้เป็นปีที่ผม ได้ไปพบเจอผู้คนใหม่ๆ เยอะขึ้นมาก ได้รู้จักคนเก่งๆ คนที่ Nice มากๆ ซึ่งมันทำให้ผมได้เปิดโลกของผม ให้มันเปิดกว้างขึ้น

นอกจากจะได้พบเจอคนใหม่ๆ แล้ว ยังได้เจอคนเก่าๆ ที่ไม่ได้เจอนานมากๆ แล้วด้วย

มีเรื่องนึงที่ผมอยากเล่า คือช่วงที่ผมไปเข้าค่ายที่มาเลเซีย ผมได้มีโอกาสมีรูมเมทเป็นคนมาเลเซีย ที่เป็นคนเคร่งศาสนามากๆ ทำให้ผมพอได้มีโอกาสเรียนรู้หลักศาสนาอิสลาม ที่สำคัญ มันได้ตอบคำถามหลายๆ คำถาม ที่ผมไม่รู้ว่าจะไปถามใครเหมือนกัน

All of participant, ATU-NET Internet of Thing and Innovation camp

จริงๆ ช่วงที่ไปอยู่ฟินแลนด์ มีเรื่องราวดีๆ อีกเพียบเลยนะ แต่ถ้าให้เล่าตรงนี้ มันต้องยาวมากๆ แน่ๆ ฉะนั้น รบกวนช่วยกดดันให้ผมกลับไปเขียนบล๊อกฟินแลนด์ให้เสร็จ แล้วทุกคนจะได้อ่านนะครับ xD

ตอนนี้มีทั้งหมด 4 พาร์ท นะครับ ใครสนใจลองอ่านดูได้ครับผม

แก๊งส์แม่บ้านเยอรมัน + 1 สาวฮอนแลนด์

รูมเมท

รูปนี้ถ่ายวันแรกที่เหยียบฟินแลนด์เลย อุณหภูมิวันนั้นคือ -3 ครับผม

ครั้งล่าสุดที่มีรูมเมท คือสมัยอยู่ ปวช. ที่พระจอมเกล้าพระนครเหนือ จากนั้น ชีวิตมหาลัย 3 ปี ก็ไม่ได้มีรูมเมทอีกเลย (ถ้าไม่นับที่ไปฝรั่งเศส 1 เดือนที่อยู่กัน 5 คนนะ)

การไปฟินแลนด์ครั้งที่ผ่านมา ผมได้มีเพื่อนไปด้วยอีกหนึ่งคน และเขาก็มาเป็นรูมเมทผมด้วย เอาจริงๆ แรกๆ ก็กลัวนะ ว่าจะเข้ากันไม่ได้ แล้วจะมีปัญหากัน เพราะนี้ก็เป็นคนที่ค่อนข้าง independent สูงในระดับนึง แต่สุดท้าย ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี

ไม่ได้มีอะไรจะเล่าพิเศษครับ แค่อยากเขียนเก็บไว้ กลับมาอ่านได้นึกถึง

ครึ่งปีแรกเหมือนฝัน ครึ่งปีหลังคือความจริงที่โหดร้าย

ช่วงครึ่งปีแรก เป็นช่วงที่ผมได้มีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประเทศฟินแลนด์ ผมกล้าพูดเลยว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่แน่ใจว่า ผมจะมีโอกาสได้รับแบบนี้อีกครั้งหรือไม่

ขอไม่ลงดีเทลเยอะล่ะกันครับ ใครสนใจลองตามอ่านดูนะครับ (ลิงค์แปะไว้แล้วข้างบน) จะพยายามกลับมาเขียนให้ครบทุกพาร์ทนะครับ

Ice skating บนพื้นทะเลสาบ หนึ่งในความทรงจำที่สุดที่สุดในรอบปีนี้

ส่วนครึ่งปีหลัง มันคืออีกเรื่องนึงเลยครับ มันกลายเป็นการเริ่มต้นอะไรหลายๆ อย่าง และด้วยการที่เราได้รับพลังใจครึ่งปีแรกมาเยอะมากๆ มันเลยทำให้กลับมาถึงที่ไทยปุ๊บ มันอยากทำอะไรไปหมดเลย

น่าเสียดาย ที่ความจริงอันโหดร้ายในช่วงครึ่งปีหลัง มันทำให้พลังบวกหมดไปอย่างรวดเร็วมากๆ

เรื่องความรัก ปีนี้สอบตกแบบไม่มีข้อสงสัย

เขียนเรื่องนี้ไว้เตือนความจำตัวเอง เผื่อกลับมาเห็นจะได้ย้อนนึกเตือนสติตัวเองเฉยๆ ปี 2017 นี้ เป็นหนึ่งในปีที่มีคนผ่านมาและก็ผ่านไปเยอะมาก ก็ขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างนะ ตอนนี้ ขอถอยตัวเองออกมาโฟกัสกับความฝันของตัวเองก่อนล่ะกัน

ถ้ามันจะมา ก็ไม่ปฏิเสธนะ แต่ครั้งนี้ ขออยู่กันนานๆ นะ :)

ก่อนจากกัน

ปีนี้เป็นหนึ่งในปีที่น่าจดจำมากๆ สำหรับผม แต่ประสบการณ์ต่างๆ ที่ผมได้รับมาในปีนี้ มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าขาดบุคคลเหล่านี้

  • เจ้าหน้าที่ศูนย์ IA ทุกคน โดยเฉพาะพี่ผัง และพี่ซุป ที่ทำให้ผม ได้มีโอกาสไปต่างประเทศถึง 2 ครั้ง (เสียดาย ไม่ได้ไป gPBL ที่ญี่ปุ่น ไม่งั้นปีนี้ครบ 10 ประเทศแล้ว)
  • พี่ปุย: พี่ปุยเป็นเจ้าหน้าที่ต่างประเทศคนเก่าของที่ภาควิชาฯ ถ้าไม่มีพี่ ผมไม่แน่ใจว่าการไปฟินแลนด์ของผมมันอาจจะยากกว่านี้หรือเปล่า ขอบคุณที่คอยดูแลผมมาตั้งแต่ครั้งที่ไปฝรั่งเศส จนถึงการไปฟินแลนด์ของผม (พี่ออกไป ชีวิตผมยากขึ้นเยอะเลย TT)
  • Sanna Piiroinen: เป็น Coordinator ตอนที่อยู่ที่ฟินแลนด์ ไม่มีนาง ชีวิตผมอาจจะไม่อยู่รอดมาจนถึงวันนี้
  • เพื่อนๆ ทุกคนที่เจอที่ฟินแลนด์: ทุกคน nice มากๆ ทำให้ไม่รู้สึกเหงา ที่สำคัญ ทำให้ชีวิตครึ่งปีที่อยู่ที่นั้น สนุก และน่าจดจำถึงที่สุด
  • ลูกคิด กับการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันครึ่งปีเต็มๆ ถ้าไม่ได้มีแกเป็นรูมเมท ประสบการณ์ครั้งนี้มันอาจจะไม่ได้เพอร์เฟ็คแบบนี้ก็ได้
  • พี่ปลา ศูนย์ ICE: ผมเจอพี่ปลาครั้งแรกคือตอนที่ผมไปคุยเรื่องที่จะไปค่ายที่มาเลเซีย ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ทำให้ได้เป็น 1 ใน 4 ของประเทศไทย ไปเข้าค่ายที่นั้นนะครับ รวมถึงการให้คำปรึกษาผมในอีกหลายๆ เรื่อง
  • ทีม Alchemist Club โดยเฉพาะพี่อู๋ ที่สร้างโอกาส ให้ผมได้เข้ามาเรียนรู้ทั้ง hard skill และ soft skill รวมถึงเพื่อนๆ ในทีม ไล่ตั้งแต่ เฟิส โอติส ฮวก ปิงปอง และอีกหลายๆ คน ที่คอยสอนงานต่างๆ และก็น้องๆ ปี2 ในทีมทุกคนเลย ขอบคุณมากจริงๆ
  • เพื่อนเฟิส #92kg ที่ทำให้ก้าวข้ามอะไรบางอย่าง ทำให้รู้ว่า “ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้หรอก แค่ใจเราสู้มากพอที่จะทำมันหรือเปล่า”
  • พี่จาบอน พี่ว่าน (และพี่ๆ ซีเนียร์คนอื่นๆ ) ที่ไว้ใจผมอีกครั้งกับ #jwc9 ขอบคุณมากๆ ครับ
  • พี่ตั้ง พี่บัง พี่ปันเจ พี่ฮั่น สำหรับโอกาสที่ให้ผมได้มีนามสกุลเป็น ywc ผมไม่กล้ารับปากว่าผมจะไม่ทำให้พี่ๆ ผิดหวัง แต่ผมจะพยายามตั้งใจทำให้ดีที่สุดครับ
  • ทีมคนสร้างภาพ: ขอบคุณที่ช่วยเหลือกัน ต่อสู้กับอุปสรรค์ต่างๆ ที่มีมา มันอาจจะไม่ใช่ทีมที่เก่งหรือสมบูรณ์แบบที่สุด แต่มันก็เป็นทีมที่ทุกคนตั้งใจทำมันที่สุด
  • ป้าบิ้ว และ ป้าเตย ปีนี้อาจจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ แต่สุดท้าย 2 คนนี้ ก็ยังเป็นคนสำคัญของชีวิต
  • ครอบครัว ที่สุดท้ายก็อยู่ข้างๆ เสมอ
  • และบุคคลอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึง ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญนะ แต่แค่ว่ามันอาจจะไม่เหมาะที่จะเอาเขียนในนี้ ไว้หลังไมค์กันนะครับ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณและขอโทษทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตเราในปีนี้ หวังว่าจะไม่ถือโทษโกรธกันนะครับ ทุกๆ คนสำคัญกับผมมากนะ ถ้าไม่มีทุกๆ คน ตุลธร ก็คงไม่เป็นตุลธรแบบนี้

จนกว่าจะพบกันใหม่ในปี 2018 ขอให้มีความสุขกับคำคืนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สวัสดีครับ

ปิดท้ายด้วยรูปรวมทริปสุดท้ายที่ไปเที่ยวกันครับผม

ปล. บล๊อกนี้จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะครับ ถ้าใครอยากไปจับผิดแกรมม่าของผม อดใจรออีก2–3 วัน น่าจะได้อ่านกันแล้วครับ

All of article and picture are copyrights by tulathorn.com

All rights reserved

--

--