Finland 1st time: (Part7) Until we meet each other again.

Tulathorn Sripongpankul
tulathorn blog
Published in
2 min readMay 26, 2017

สวัสดีครับทุกๆ ท่าน กลับมาพบกับ Finnish 1st time กันอีกครั้งนะครับ แต่ก่อนอื่น ทุกท่านอาจจะสงสัยนะครับ ว่า Part 4–6 นั้นหายไปไหน สั้นๆ ง่ายครับ “ผมดองมันไว้อยู่” ด้วยอะไรหลายๆ อย่างในช่วงเดือนมีนาคม จนถึงตอนนี้ เป็นเหตุให้ยังไม่มีเวลาเขียนจริงๆ จังๆ สักที ก็..ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ขณะที่ผมกำลังเริ่มเขียนบล็อกนี้ ผมกำลังนั่งอยู่บนรถไฟ ที่จะไปสนามบิน และผมตั้งใจว่า ผมจะอัพมันให้เสร็จก่อนผมขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทย(เดี๋ยวมาดูกันว่ามันจะเขียนเสร็จหรือเปล่า)

ถ่ายสดๆ ตอนกำลังเริ่มเขียนเลยครับ

เกร่นมาสะเยอะแล้ว ผมเริ่มเลยล่ะกันนะ

ความรู้สึกในวันที่ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน

รูปนี้พึ่งถ่ายเมื่อคืน คนไม่ครบนะเพราะบางคนกลับไปแล้ว

สารภาพตรงๆว่า ยังรู้สึกเหมือนพึ่งมาถึงเมื่อ 2 วันที่แล้วเอง สำหรับผม เวลามันผ่านไปเร็วมากๆ (เหมือนกับผมบนหัวที่ไม่รู้ว่าจะยาวเร็วไปไหน) ใจหายเหมือนกันนะ ที่จะต้องกลับบ้านแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีความรู้สึกว่าเมืองนี้น่าเบื่อก็เถอะ แต่เพื่อนที่นี้สุดเหวี่ยงมากๆ ทำให้เมืองที่มันเงียบๆ มีแต่ป่ากับทะเลสาบ กลับกลายเป็นเมืองที่สนุกสนาน แต่อีกนัยนึง ก็รู้สึกดีใจ ที่จะได้กลับไปเจอเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ (และก็คนพิเศษ) ที่ไทย ได้กลับมาลุยกิจกรรม ทำงาน(ที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นงานฟรี)​อีกครั้ง ตอนผมคิดถึงความวุ่นวายที่กรุงเทพจริงๆ (แต่ไม่คิดถึงอากาศร้อนๆ นะ)

สิ่งที่ไม่ชอบในเมือง Jyvaskyla

อย่างแรกเลยคือระบบขนส่งมวลชน ถึงจะมี web-apps ให้ดูตารางรถเมล์ หรือวางแผนเส้นทางก็เถอะ เพราะ มันใช้ยากมากๆ (และ UI ก็ไม่สวยเอาเสียเลย) ที่สำคัญคือ “แพงและตารางไม่ถี่” คิดเอาเล่นๆ ถ้าไม่บัตร(เพื่อเอาส่วนลด นศ.) เที่ยวนึงจะราคา 3 euro (ประมาณ 120 บาท) และความถี่รถคือทุกครึ่งชม. ต่อให้ทำบัตร มันก็ยัง 1.7 euro อยู่ดีอะ ซึ่งราคามันเท่ากับตั๋วเที่ยวเดียวที่ Paris ซึ่งเป็นเมืองที่มีทั้ง Metro, Tram, และก็ Bus.

อันนี้แค๊ปมาจากหน้าคอมฯ มันเลยดูไม่แย่มาก แต่ลองคิดดูว่า UI แบบนี้ในโทรศัพท์อะ มันจะแย่ขนาดไหน…

อย่างที่สองเป็นอากาศ คือผมเป็นคนชอบอากาศเย็นอยู่แล้ว แต่ที่นี้คุณพระ ต้นเดือนที่ผ่านมาหิมะยังตกอยู่เลย!! ซึ่งบางที มันก็เกินไปอ่านะ แบบ ก็อยากใส่เสื้อผ้าโดยที่ไม่ต้องใส่เสื้อโค๊ทแล้วบ้างอะไรบ้าง

ตอนต้นเดือน May ผมไม่ได้อยู่ที่เมือง เลยไม่ได้ถ่ายไว้

ในรูปคือวันที่ 26 เมษานะครับ คิดเอาล่ะกัน ว่าเดือนเมษาหิมะยังตกขนาดนี้เลย #เซงสุดๆ

พูดถึงสิ่งที่ไม่ชอบไปแล้ว แล้วสิ่งที่ชอบล่ะ?

จริงๆ มันก็มีหลายอย่างนะ แต่ขอพูดอย่างนึง นั้นคือ “ความสงบ” คือเมืองนี้มันเป็นเมืองที่สงบเงียบมาก ซึ่งพอเราใช้ชีวิตอยู่ในความวุ่นวายมานานๆ การได้ย้ายมาอยู่เมืองที่มันสงบแบบนี้สักพัก มันก็ดีเหมือนกันนะ เหมือนได้ Refresh ชีวิตตัวเอง ให้มีความอยากไปต่อสู้กับความวุ่นวายอีกครั้ง

เงียบ….สงบ

สิ่งที่กลับไทยไปแล้วจะต้องคิดถึงแน่ๆ

อย่างแรกต้องเป็นเพื่อนๆ ที่นี้แน่ๆ ผมคิดว่า ผมอยู่เมืองไทยคงไม่ได้มีโอกาส Party หนักขนาดนี้แน่ๆ ล้านเปอร์เซ็น

หนักขนาดเคยมีวีคนึง Party ทุกคืน ตั้งแต่วันพุธจนถึงวันอาทิตย์

และก็ความบ้าระห่ำของเพื่อนๆ ที่นี้ รวมถึงความ Nice ไม่รู้สิ พูดยากอะ มันหลายเรื่องมากๆ ที่จะทำให้คิดถึงเพื่อนที่นี้

รูปนี้ตอนไปเที่ยว Stockholm กัน

อย่างที่สองคงเป็นการขี่จักรยาน เพราะอยู่เมืองไทยคงไม่ขี่แน่ๆ ดูอากาศเมืองไทยสิ จำได้ว่ารูมเมท กลับถึงไทยแล้วบอกเลยว่า “อากาศร้อนจนปวดหัว”

อย่างที่สามคงเป็นชีวิตการเรียนที่นี้ มันสนุก มันเยี่ยม มากๆ เป็นฟิลที่คิดว่าคงยากมากๆ ที่จะกลับมาเจออะไรแบบนี้ที่เมืองไทย (รออ่านใน Part6 คิดว่าน่าจะเขียนไว้ในนั้นนะ) และที่สำคัญ เกรดที่ได้มามันสวยมาก ชนิดที่ว่าไม่คิดว่าอยู่เมืองไทยแล้วจะเรียนได้แบบนี้แน่ๆ

ถึงจะบ่นว่าโง่ แต่เกรดออกมาไม่โง่นะครับ ฮ่าๆ

ก็จบไปแล้วนะครับ สั้นๆ เนอะ Part นี้ แต่ก่อนจะจากไป ขอโปรโมทหน่อยนะครับ ว่า ณ วันที่ผมกำลังเขียนบล๊อกนี้(26 พฤษภาคม 2560) กำลังมีค่าย Junior Webmaster Camp#9 ซึ่งพรุ่งนี้ ก็จะมีกิจกรรม ที่ให้ชาว JWC รุ่นเก่าๆ กลับมาเยี่ยมค่าย ส่งต่อความรู้สึกให้น้องๆ กันเหมือนเดิมนะครับ ยังไงก็ขอเชิญด้วยเลย ผมก็จะโพล่วไปพรุ่งนี้(คิดว่าลงเครื่อง เก็บกระเป๋า แล้วคงไปที่ค่ายเลย)

แล้วเจอกันครับ ประเทศไทย

ปล. ฝากกดไลค์ กดแชร์บทความกัน เพื่อเป็นกำลังใจกันด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆ นะครับ

All of article and picture are copyrights by tulathorn.com
All rights reserved

--

--