[TH]2020 YEAR REVIEW: ปีที่ *** ที่สุดในชีวิต

Tulathorn Sripongpankul
tulathorn blog
Published in
4 min readDec 29, 2020

สวัสดีครับทุกคน ผมได้ห่างหายจากบล็อกไปนานมากๆ ณ ตอนที่เขียนอยู่ก็ยังงงอยู่ว่า เราปล่อยให้บล็อกมันร้างขนาดนี้ไปได้ยังไง… เอาเป็นว่า ขอโทษที่หายไปกับการเขียนบล็อกนะครับ (แม้ว่าเอาเข้าจริง ทุกคนจะเรื่องราวของตุลย์จากโซเชี่ยวต่างๆ อยู่ดี

ผมย้อนไปดูบล็อกที่ผมเขียน พึ่งสังเกตว่าเหมือนส่วนใหญ่จะเขียนในเฟคบุ๊ค* เอาเข้าจริง ผมนิสัยเสียนะ เพราะเหมือนเขียน Year Review ให้คนอื่นอ่าน มากกว่าที่จะเป็นไดอารี่ไว้อ่านเอง มันเลยทำให้บางทีเราหลงๆ ลืมๆ บางเรื่องไปเลย (เพราะพอมันไม่ได้เขียนเพื่อตัวเองจริงๆ เราก็ไม่กลับมาอ่าน)

*แก้ไขว่า จริงๆ ปีที่แล้วก็เขียน จำไม่ได้ ฮ่าๆ

ฉะนั้นปีนี้ Year review ของผม อาจจะแตกต่างจากทุกๆ ปี ที่โพสลงเฟซบุ๊คนิดนึงนะครับ ผมคงยังบอกไม่ได้ว่ามันจะออกมารู้แบบไหน เพราะปีนี้ไม่ได้วางแผนว่าจะเขียนเรื่องอะไรเลย (ตั้งใจว่าจะเขียนตามที่นึกออกและรู้สึก) ไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่หวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านจะได้อะไรไปนะครับ

ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลยครับ :)

เปิดด้วยรูป The gang ล่ะกัน หน้าตาและนิสัยดี ที่สำคัญรักแฟนมาก! แต่ขอว๊าปได้หลังไมค์นะ

ปีแห่งความผิดหวัง

ครับ ปีนี้เป็นปีที่ผมผิดหวังกับตัวเองมากๆ ผิดหวังที่ทำตาม Life plan ของเราไม่ได้ จนผมถามตัวเองคนเดียวหลายครั้งมากๆ ว่า

“หรือเราไม่ดีพอที่จะอยู่ตรงนี้วะ?”

ถ้าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รู้จักตุลย์ระดับนึง จะรู้เลยว่าตุลย์เป็นคนที่ Positive เรื่องนี้มากๆ คำถามแบบนี้แทบไม่เคยออกมาจากปาก(หรือสมอง) ตุลย์เลย แต่ ณ จังหวะนั้น มันผิดหวังสุดๆ ถึงขั้นกลัวการอ่านอีเมล์ไปเลย (เพราะเข้าไปอ่านแต่ละครั้ง ก็จะเจอแต่ Reject จากบริษัทต่างๆ) ตุลย์คิดว่าปีนี้ตุลย์น่าจะได้รับเมล์ Reject ทั้ง Intern และ Summer job เกือบร้อยฉบับได้

นอกจากนั้น ปีนี้ได้มีโอกาสรู้เรื่องส่วนตัวของครอบครัวตัวเอง ที่ถูกปกปิดไม่ให้เรารู้เป็นเวลามากกว่า 5 ปี ตอนนั้นบอกเลยครับ ว่าต้องแสร้งทำทุกอย่างว่าโอเค แต่ในใจคือโกรธมมาก โกรธตัวเองมากๆ ว่า ทำไมพึ่งรู้ เรามัวทำอะไรอยู่ ในหัวมีแต่คำว่า ทำไม ทำไม ทำไม เต็มไปหมดเป็นเดือนๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้

สำหรับคนที่เป็นห่วงเรื่องที่บ้าน ตอนนี้โอเคขึ้นเยอะมากๆ แล้วครับ พยายามปล่อยวางออกให้สุด ไม่ไปแตะมันแล้ว

อีกเรื่องคือ ปีนี้ทำอะไรก็ติดขัด ไม่ราบรื่นสักอย่าง น่าหงุดหงิดมาก และปีนี้ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า เป็นปีที่ผมไม่มีอะไร Success เป็นชิ้นเป็นอันเลย

COVID-19

ใช่ครับ 1 ในเรื่องเฟลที่สุดของผม เป็นผลกระทบจาก COVID-19 ครับ (ไม่รู้จริงไหม แต่ขอคิดแบบนี้ล่ะกัน) ผมกล้าพูดว่าโรคระบาดครั้งนี้ ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปพอสมควรครับ

สุวรรณภูมิในวันที่มีโรคระบาด

ผมเป็นคน Extrovert จัดมาก ฉะนั้น การที่ไม่ได้ไป Lecture ที่มหาลัย ไม่มี Partyให้ได้รู้จักคนใหม่ๆ ไม่ได้เที่ยว(แบบอยากจะไปไหนก็ไปได้) มันโคตรเป็นเรื่องยากสำหรับผมมากๆ เลยครับ ช่วงแรกๆ ก่อนที่จะกลับไทยไป ทรมานมากๆ เหมือนโดนขังไม่ให้ออกไปโล้ดแล่น

ตอนกลับมาช่วงกันยาฯ ก็อยู่ห้องตลอด ยังดีว่ามันยังพอจัด Private party ได้บ้าง มันเลยไม่แย่ขนาดนั้น แต่มันก็ยังยากกับผมในการอยู่ห้องอยู่ดี

นั่นทำให้ ผมตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องชงกาแฟมา อย่างน้อยมีกาแฟดีๆ กินตอนเช้าก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเล็กๆ ในแต่ละวันบ้าง

ปล. ถ้าอยากให้รีวิวเครื่องชงกาแฟ Nespresso Vertuo Next บอกหลังไมค์มาได้นะครับ ถ้ามีคนอยากอ่านเยอะ ก็จะเขียน ฮ่าๆ

แต่ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ การที่เกิดโรคระบาด มันก็ทำให้ผมได้ทำสามสี่อย่าง ที่ถ้าไม่มีโรคระบาด ผมคงไม่ได้ทำมันแน่ๆ

พยายามหารูปที่ดีที่สุดตอนไปรับน้องสาวตัวเองแล้ว แต่หาได้แค่นี้จริงๆ

อย่างแรกคือการได้กลับบ้าน แม้ว่าตอนแรกผมจะกล้วๆ ว่ามันจะเป็นยังไงนะ เพราะตัวเองก็ใช้ชีวิตเองนอกบ้านตั้งแต่ ปวช. และแทบไม่ได้อยู่บ้านยาวๆ แบบหลายๆ เดือนเลย แต่สุดท้ายมันก็ OK นะ อาจจะเพราะว่าเราโตแล้ว มะม๊าก็ปล่อยๆ และ ที่สำคัญ คือได้มีเวลาอยู่กับน้องสาวตัวเองมากขึ้น ไปรับไปส่ง (แล้วส่อง ผช. ที่จะมาแอ๋ว) รวมๆ ก็คือดีแหละ

ปล. น้องสาวตุลย์โสดนะ ถ้ากล้าจีบเอาเลย แต่ขอเตือนไว้ว่าน้องสาวตุลย์ดุมากๆ นะ ฮ่าๆ

อย่างที่สองคือผลพวงจากอย่างแรก กลับไทยรอบนี้เหมือนได้มา Recharge ตัวเอง เจอเพื่อนๆ พี่ๆ ที่รักและเคารหลายคน มันเหมือนคนที่ Fight for the future มานานๆ ได้กลับมาฮีลใน Comfort zone ของตัวเอง ให้พร้อมออกไปสู้ต่อ

Board game time with YWC gang!

ที่สำคัญคือแฟนตุลย์ก็กลับไทยมาด้วยเหมือนกัน เลยได้มีโอกาสเจอกัน แล้วก็ทำให้เราได้รู้จักครอบครัวเขามากขึ้น (และเช่นกัน แฟนเราก็ได้มีโอกาสสนิทกับที่บ้านเรามากขึ้น) นับเป็น 1 ในเรื่องที่ดี ในปีที่แย่ได้เลย

ปะป๊าแฟนลงทุนทำอาหารให้กินพร้อมเปิดไวน์ให้ ขอบคุณมากๆ ครับ 🙏

อย่างที่สามคือได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมอาจารย์ทั้งสมัย ปวช. และปริญญาตรี ซึ่งมันดีมากๆ เลยครับ มันทำให้ผมได้ย้ำเตือนต้วเองเสมอว่าเราเดินทางมาไกลแค่ไหนแล้ว สำหรับผม สิ่งนี้ถือเป็นกำลังใจชั้นดีเลยครับ ผมกล้าพูดว่าผมมีไฟกลับขึ้นมาเยอะมากๆ

อาจารย์แพม อาจารย์สอนภาษาอังกฤษคนแรกสมัยปริญญาตรี ไม่รู้อะไรดลใจให้มาสนิทกับอาจารย์ได้ขนาดนี้ อาจารย์เลี้ยงกาแฟกับข้าวด้วย ขอบคุณมากครับ
อาจารย์ผึ้ง สมัยตอนเรียน ปวช. อาจารย์เป็นหัวหน้าหลักสูตร EP (ถ้าจำไม่ผิด) เป็น 1 ในอาจารย์ที่ให้อะไรมากกว่าความรู้ในวิชาชีพ
ด๊อกเตอร์ไก่ เรีนนกับแกตอนพึ่งเป็นอาจารย์ใหม่ๆ เลย จังหวะเราจบ อาจารย์ทำ รศ. เสร็จพอดี หนึ่งในอาจารย์ที่ผมว่าเก่งมากๆ และเข้าถึงง่ายมากๆ

มากกว่านั้น จังหวะที่ได้ไปหาอาจารย์พิเชษฐ์ และอาจารย์มีชัยในแล็บ ปวช.ปี 2 อาจารย์ให้โอกาสเล่าประสบการณ์ให้กับน้องๆ เป็นเกียรติมากๆ ครับ ผมดีใจมากๆ ที่ได้แบ่งปันเรื่องราวให้รุ่นน้องฟัง ถ้ามีโอกาส ผมยินดีที่จะแบ่งปันอีกครับ

เสื้อสีขาวด้านซ้ายของรูปคืออาจารย์พิเชษฐ์ ส่วนด้านขวาคืออาจารย์มีชัย ขอบคุณอาจารย์ที่เลี้ยงข้าวเที่ยวด้วยครับ 🙏
กับพี่ๆ Admin ของโรงเรียนและอาจารย์บี (ซึ่งตอนนี้เป็นผู้บิรหารโรงเรียนไปแล้ว)
บุคคลสำคัญที่ขาดไม่ได้ พี่เจดผู้พาผมรอดตายจากวิชาเคมี

อย่างสุดท้ายคือได้มีโอกาสลอง Kick-off Startup ที่ตัวเองอยากทำมาหลายปีแล้ว แม้สุดท้าย มันไปไม่ถึงไหน แต่การได้เอาประสบการณ์ต่างๆ จากการทำกิจกรรมตอนปริญญาตรี บวกความรู้ที่ไปเรียนปริญญาโท มาลองใช้จริง ทำให้เราเรียนรู้อะไรมากขึ้นอีกเยอะ เอาจริงๆ ก็เฟลนะตอนแรก แต่พอผ่านไปสักพัก ผมกล้าพูดเลยว่าผมได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกเยอะมากๆ ทั้งเรื่องการทำ Startup และ Domain problem

เอาเข้าจริงก็อยากทำต่อไปให้มันสุดนะ แต่มันยากและเราอยู่ไกลจากเมืองไทยแล้ว การเข้าไปคุย ไปพยายามหา Funding มันยาก ถ้าใครสนใจอยากรู้ว่ามีไอเดียทำอะไร หลังไมค์มาได้นะครับ เผื่อฟอร์มทีมแล้วทำต่อ ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมกำลังอยากทำ จะทำให้คนไทยทั้งประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

เพื่อนที่ดี และเพื่อนที่ใช่ ช่วยเราได้เยอะ

ปีนี้ผมกล้าพูดได้เลยว่าผมผ่านทุกอย่างมาได้เพราะมีคนรอบตัวที่ดี และเข้าใจตุลย์อย่างชัดเจน อยากใช้พื้นที่ตรงนี้ขอบคุณทุกคน (ไม่ต้อง Mention ชื่อหรอกเพราะเชื่อว่าคนที่เข้ามาอ่านรู้ตัวอยู่แล้ว) ที่คอยรับฟัง เป็นที่ปรึกษา และเป็นกำลังใจให้ตุลย์ ขอบคุณมากๆ จากใจจริง

Birthday surprise ที่ทุกคนตอนแรกหลอกว่าไม่มาแล้ววว
Göteborg gang!!!! กับภารกิจเซอไพรส์วันเกิดป๋าป๊อบ

Note: อยากเขียนเก็บไว้ว่าปีนี้มีเพื่อนเราสองคน คนนึงเป็นเพื่อนที่โคตรสนิทและรู้จักมานานมากๆ อีกคนเป็นเพื่อสนิทที่ผ่านอะไรกันมาเยอะพอสมควร ได้พบเจอกับความรักที่ดีทั้งคู่ บอกเลยว่าตุลย์ดีใจมาก เพราะทั้งสองคนเป็นคนดี คนเก่ง ที่ไม่ควรถูกปล่อยให้โสด!!!

ไม่มีใครฝันร้ายจนไม่ตื่น

ประโยคข้างบนเป็นประโยคที่ผมมักจะพูดกับคนรอบข้างเสมอๆ ครับ ผมเชื่อว่าชีวิตทุกคนคือการเดินทาง ไม่มีทางที่เราจะ Happy ได้ตลอด และเช่นกันครับ ไม่มีใครที่จะอยู่กับเรื่องร้ายๆ ไปตลอด ทุกอย่างมันต้องสลับๆ กันไป และในเรื่องร้ายๆ มักมีมุมดีๆ เสมอ เราแค่ต้องหามันให้เจอ แล้วใช้สิ่งนั้นให้กำลังใจเราในการไปต่อ

อีกอย่างที่ผมยืดถือคือ “พยายามให้หนัก ทำให้ดีที่สุด แล้วผลลัพท์ที่ดีมันจะตามมาเอง” ซึ่งสำหรับผม มันเป็นจริงเสมอครับ และเหตุการณ์ข้างล่างนี้ ก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ยืนยันสองประโยคข้างบนได้อย่างดีเลยครับ

หลังจากที่ผมกลับมาสวีเดนสักอาทิตย์สองอาทิตย์ มะม๊าตุลย์แชทมาพร้อมกับไฟล์ pdf งาน Part-time ที่สวีเดน ที่ตอนแรกผมอ่านแล้วโคตรไม่ตรงกับโปรไฟล์ของผมเลย (เข้าใจว่าทุกวันนี้มะม๊าก็ยังไม่เข้าใจว่าวันๆ นึงลูกชายตัวเองเรียนอะไร ทำอะไรอยู่ด้วยแหละ เห็นๆ อะไรก็ส่งมาตามประสาคนแก่ตอนต้น ฮ่าๆ)

แต่อะไรดลใจไม่รู้ เลยคอลกลับไปถามว่าม๊าไปรู้มาจากไหน หลังจากคุยกันเสร็จ ผมก็รู้สึกว่าตัวเนื้องานน่าจะเหมาะกับแฟนผมมากกว่า ผมก็ FW แชทนั้นไปให้แฟน แล้วก็มาเผา Course work ต่อ

จังหวะเบื่อๆ ก็มานั่งคิดว่า “ทำไมกูไม่ลองสมัครวะ? เผื่อเขามีอย่างอื่นให้ทำ” เท่านั้นแหละครับ เปิดอีเมล์ เขียนเมล์แนะนำตัวสั้น (และกวน__มากๆ) เพราะผมคาดหวังแค่ให้บริษัทรู้จักผม เผื่อเขาเห็นอะไรที่เราพอทำได้ จะได้นึกถึงเรา

ตัว Email ที่ผมสมัครงานไป

ผลลัพท์กลับกลายเป็นว่า เขามองว่าผม Fit กับงานนี้ แล้วผมก็ได้งานนี้ไปเลย (แบบงงๆ) Process ทุกอย่างจบภายในอาทิตย์กว่าๆ ง่ายมาก อะไรก็ง่ายไปหมด จนผมงงอะ

น่านแหละครับ อยากบันทึกไว้ขอบคุณความไม่ยอมแพ้ของตัวเองไว้ ทุกวันนี้งานมันอยู่ในช่วง Preparation phase ไว้มันเป็นเรื่องเป็นราวแล้วมาเล่าให้ฟังอีกทีครับ ตอนนี้ผมบอกตัวเองเสมอว่า

“ทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด แล้วอะไรดีๆ จะมาเอง”

การได้เที่ยว ยังคงเป็นการเยี่ยวยาจิตใจที่ดีเสมอ

ผมกล้าพูดว่าปีนี้เป็นปีที่ยากสำหรับผมมากๆ (และผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงคิดแบบนั้น) แต่สำหรับผม อย่างน้อยปีนี้ผมได้ไปเที่ยวมา 1 ทริป ซึ่งมันฮีลจิตใจได้เยอะมากๆ

สารภาพตามตรงว่าตอนทแรกจะเทแล้ว (เพราะอยากเก็บเงิน) แต่ช่วงต้นเดือนธันวาฯ ผมเครียดมากๆ ผมคิดว่า ผมต้องการการพักผ่อน ต้องการออกจากที่เดิมๆ ไปสักพัก เพื่อที่จะได้มีแรงกลับมาสู้ต่อ อีกทั้งถ้าผมเททริปนี้ คงไม่มีโอกาสได้เที่ยวกับเพื่อนๆ ที่มาเรียนโทด้วยกัน (และเขาคงไม่ชวนอีกแล้ว ฮ่าๆ) ก็เลย เอาวะ ขึ้นเหนือไปล่าแสงเหนืออีกรอบก็ได้

อันนี้เพื่อนถ่ายติดนะ ตุลย์ถ่ายไม่ติด เสียใจมากๆ ต้องกลับมาซ้ำแล้วถ่ายสีม่วงให้ได้

หลายคนอาจจะงงว่าทำไมผมใช้คำว่าอีกรอบ คือผมเคยไปล่าแสงเหนือ สัมผัสวัฒนธรรม Sami ตั้งแต่สมัยผมไปแลกเปลี่ยนฟินแลนด์แล้ว ผมเลยไม่ได้ตื่นเต้นกับมันมาก แล้วมันเลยไม่ใช่เหตุผลในการไปเที่ยวของผม

ซึ่งขอบคุณตัวเองนะที่ตัดสินใจไป เพราะวันแรกที่ผมไปถึง ผมได้เห็นแสงเหนือสีม่วงและมันเต้น!!!! เสียดายมากด้วยการที่เห็นตั้งแต่วันแรก ทำให้เรายัง Set-up ไม่คล่อง แต่สิ่งที่เห็นด้วยตามันสุดยอดมากๆ แล้ว ผมถึงกับน้ำตาไหลตอนเห็นมันเลย มันสวยมาก สวยกว่าในรูป(ที่ผมเอามาจากล้องเพื่อน) อีก มันพูดยากอะ ต้องเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ

ผู้ร่วมเดินทาง ถ่ายที่สถานีรถไฟ Kiruna ในวันที่หิมะตก

เดี๋ยวมีบล็อกรีวิวที่ไปเที่ยวอีกบล็อกนะ ขอเล่าตรงนี้แค่นี้ ถ้าเขียนเสร็จเดี๋ยวมาแปะลิงค์ไว้ตรงนี้ๆๆๆๆ

สรุป

ผมว่าสำหรับผม แม้ว่ามันจะมีเรื่องดีๆ เกินขึ้นมากมาย แต่ภาพรวมปีนี้มันก็เป็นปีที่แย่อยู่ดีครับ เป็นปีที่ผมไม่แน่ใจเลยว่าผมทำตามทำตาม Year goal ได้สักข้อหรือเปล่าด้วยซ้ำ แต่มันก็เป็นอีกปีที่น่าจดจำ และมีหลาหลายรสชาติของชีวิตอยู่ดีครับ

อยากฝากกำลังใจให้ทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ อย่าท้อกับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ฮะ เราต้องยอมรับว่าปีนี้มันเป็นปีที่ยาก และมันส่งผลกระทบถึงทุกคน ฉะนั้น Adaptability เป็นสิ่งสำคัญครับสำหรับอนาคตข้างหน้า สู้ๆ ครับทุกคน :)

2021 New Year Resolutions

ปีนี้ตั้งใจมาเขียนในบล็อก เพราะว่าเขียนบนหน้า Facebook แล้วชอบไม่สนใจกลับไปอ่าน สำหรับปีนี้ ผมขอทำไม่กี่ข้อ และก็จะไม่เน้นตั้งโกลอะไรที่พึ่งตัวแปรแวดล้อมเยอะ (เพราะโรคระบาดจะจบแบบไหน โลกจะเป็นแบบไหนยังไม่รู้เลย)

  • จบ Thesis ตามเวลาที่หลักสูตรวางไว้
  • ไม่ตกงาน(และไม่โดนไล่ออกจากงาน Part-time)
  • ไม่ต้องกลับไทย: อยากทำงานต่างประเทศก่อน อุสาห์มาเรียนเมืองนอกแล้ว จะรีบกลับบ้านไม่ได้
  • ได้ย้ายไปอยู่ใกล้ๆ แฟน: LDR มันยากอะ ไม่อยากอยู่ห่างกันแล้ว มันโอเคแล้วอะ คบกันมาจะสามปีแล้ว ผมคิดว่าผมคงลงเอยกับคนนี้แล้วแหละ (ถ้าเขาเอาผมนะ ฮ่าๆ)
  • Not working more than 9 hrs per day (or 45 hours per week): พอช่วง Covid มันทำให้เวลาทำงานกับเวลาพักผ่อนมันรวมกัน แล้วหาจุด Work life balance ได้ยากมากๆ เลยอยากทำให้ได้ ไม่งั้นน่าจะ Depress แน่ๆ
  • เขียนบล็อกอย่างน้อยเดือนละ 1 บล็อค (ภาษาไหนก็ได้) และพยายามเขียนบล็อกภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น: เอาง่ายๆ ปีหน้าขอให้มีอย่างน้อย 12 บล็อกออกมาให้ทุกคนอ่านกัน (ปีที่แล้วพูดแบบนี้ แล้วก็ทำไม่ได้ ปีนี้ขอลองอีกทีล่ะกัน)

ปีนี้ผมขอแค่นี้ก่อนละกัน จริงๆ มีหลายอย่างที่อยากทำ แต่ที่เหลือขอให้เป็นกำไรของปีนี้ล่ะกัน

สุดท้าย…ตุลย์ขอให้ปีหน้า เป็นปีที่ดีของทุกคนนะครับ คิดสิ่งใด ขอให้สมหวังนะครับ ขอให้ปีหน้ามันง่ายขึ้นกับทุกๆ คนครับ

ลาไปรูปเตะบอลกับเพื่อนสมัย ป.ตรีล่ะกัน #CPE29 #KMUTT

— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —

Follow me in Social Media

Facebook: www.facebook.com/tulathorn
Twitter: www.twitter.com/tulathorn
IG: www.instagram.com/tulathorn/

Copyright 2020, All rights reserves
www.tulathorn.com

--

--