[TH] 2021 Year Review: ปีที่มีแต่เรื่องผิดแผน ปีแห่งการ Improvise และปีที่ไม่สามารถทำตาม Year Resolution ได้(เกือบ)สักอย่าง !!!

สวัสดีครับทุกคน ผมเชื่อว่า ณ วันที่บล็อกนี้ปล่อยออกไป น่าจะยังเป็นปี 2021 อยู่ ผมเชื่อว่าหลายๆ คน อาจจะกำลังพักผ่อนอยู่สักที่นึง หรืออาจจะอยู่กับครอบครัว ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ อวยพรขอให้ทุกคนมีปีที่ดีในปีหน้าครับ

สำหรับบล็อกนี้ ก็เฉกเช่นตามธรรมเนียมของทุกปี ที่เราจะต้องมาสรุปกันสักหน่อยว่าปีที่ผ่านมานั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง ถือว่าเป็นการทบทวนตัวเองไปในตัวด้วย

โดยสรุปคร่าวๆ ของปีนี้ ผมสามารถสรุปได้ตามหัวข้อของบทความเลย ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามไปอ่านข้างล่างได้เลยครับ

เปิดด้วยรูปนี้ล่ะกัน

2021 คือ 2020 เวอรชั่น 2

ผมว่าคำนี้ น่าจะสรุปทุกอย่างได้อย่างดีเลย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาในปีที่แล้ว ล้วนยังต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้

ไล่ตั้งแต่สถานะการ Covid-19 ที่ยังคงทำให้ทุกอย่างพังพินาศ ยันเรื่องชีวิตส่วนตัว ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนหมดเลย อย่างไรก็ตาม คนเราไม่มีทางฝันร้ายได้ตลอดชีวิต ฉะนั้น ในช่วงเวลาแย่ๆ มันก็มีจุดดีๆ ให้นึกถึงอยู่บ้าง

ก็…ถ้ามีใครที่ยังรู้สึกท้ออยู่ ผมอยากให้กำลังใจว่า คุณไม่ได้รู้สึกไปเอง และเชื่อผมว่า ทุกอย่างมันจะผ่านไปได้

ว่าด้วยเรื่องของการเรียน

ต้นปี เข้าสู่ชีวิตของการทำธีสิส ถ้ามองย้อนกลับไปตอนนี้สำหรับผม มันคือการติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรกเลยครับ จนมันบานปลายและเกินแก้ไขในจุดสุดท้าย

เริ่มจากการโดนปฎิเสธ proposal แบบที่ฝั่งคณะกลัวเสียหน้า ผ่านปัญหากับการดีลกลับบริษัทที่อาจารย์เอาปัญหามาให้ทำ คู่ธีสิส มาๆ หายๆ จนกระทั้ง

ผมไม่ผ่านธีสิส

คือเรื่องไม่ผ่านมันจะกลายเป็นเรื่องเล็กมากๆ ครับ ถ้าไม่ใช่ว่าจุดที่ไม่ผ่าน มันเป็น Critical Point ที่ผมไม่สามารถแก้ไขมันได้ ฉะนั้น สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ

ผม จะ ต้อง เริ่ม ใหม่ จาก ศูนย์

นั้นแหละครับชีวิต เอาจริงเรื่องที่แย่มันไม่ใช่การที่ธีสิสมันพังนะ แต่มันแย่เพราะทุกคนปล่อยจอย (โดยเฉพาะคู่ธีสิส ที่ไปบอกอาจารย์กับ Examinor โดยที่ไม่ได้บอกผมล่วงหน้า) แต่ถ้ากลับมาลองมองย้อนกลับไปดีๆ ผมพบว่าเอาจริงๆ มันผิดตั้งแต่กระดุมเม็ดแรกแล้ว ฉะนั้นสำหรับผม มันคือบทเรียนราคาแพงที่ผมว่าจ่ายเงินเรียนก็อาจจะไม่มีโอกาสรู้

การงาน: จากจุดที่ต่ำที่สุด สู่จุดที่เรากลับมาภูมิใจในตัวเองได้อีกครั้ง

คือหลายๆ คน ก่อนที่จะมาเรียนต่อฯ อาจจะเข้าใจว่า การมาเรียนในประเทศที่มีวีซ่าให้หางานต่อ มันจะให้การหางานหลังเรียนจบมันไม่ได้ยากขนาดนั้น(และผมเชื่อว่านั้นคือโกลของใครหลายๆ คนด้วย)

แต่นั้นคือภาพลวงตา

เพราะความเป็นจริง มันยากมากครับ เพราะยังไงก็ตาม การที่จ้างคนต่างชาติ มันมี cost ที่บริษัทต้องจ่ายเพิ่ม ยิ่งประกอบกับการที่ว่ามีสถานะการ Covid-19 ด้วย ยิ่งทำให้ทุกอย่างยากขึ้นกว่าเดิมไปอีก

ย้อนไปช่วงต้นปี 2021 จำได้ช่วงนั้นพยายามหางานหนักมากครับ สมัครไปไม่น่าต่ำกว่าสามร้อยที่ ได้ 1st Interview ไม่น่าเกินสิบที่ ที่สำคัญ หลายๆ ที่คือหายไม่ตอบ ไม่ก็ไม่บอกว่าทำไมถึงไม่ได้

จนกระทั้งมีบริษัทนึงตอบกลับอีเมล์มาตรงๆ ว่าผมน่าสนใจนะ แต่ว่าผมต้องการ Work Permit ซึ่งเขาทำให้ไม่ได้ ทำให้ผมไม่ได้ไปต่อนะ

จุดปลดล๊อกของผมเรื่องการหางาน คืออีเมล์นี้เลย

ผมพูดเลยว่าจุดนี้ คือจุดปลดล๊อกของผมเลย มันทำให้ผมรู้แล้วว่า ไม่ใช่ผมไม่เก่ง แต่มันมี Condition บางอย่างที่ผมยังแข่งขันไม่ได้

อีกจุดนึงที่ผมต้องพูดถึงคือเพื่อนสนิทผม (ที่เชื่อว่าเฟิส) ที่ฉุดความคิดของผม เพื่อมผมถามว่า “อะไรคือ Value ของการทำงานเมืองนอกของมึงวะ?” มันทำให้ผมคิดได้ว่า จริงๆ แล้ว ผมไม่ได้แค่อยากทำงานเมืองนอก แต่ผมอยากทำงาน Product ฉะน้ัน ถ้าต้องเลือก ผมเลือก

ทำยังไงก็ได้ ให้เราได้ทำงาน Product

และนั่น คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเลิกโฟกัสกับการที่จะต้องอยู่เมืองนอกเท่านั้น แล้วกลับมาโฟกัสที่โอกาาในการได้ทำงาน Product ผมปรับวิธีการทำตั้ง Job alert ใหม่ทั้งหมด เรียกว่าตอนนั้นคือ ไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่ให้ได้ทำ Product role

ประจวบเหมาะกับว่าตอนนั้น BRIKL มองหา Product Manager อยู่ แล้วมีรุ่นน้องแนะนำให้สมัคร ผมเลยลองดูสักครั้ง และก็โชคดีมากๆ ที่บริษัทมองเห็นความสามารถ และกล้าให้โอกาส ผมเลยได้มาอยู่ตรงนี้

Day 1 at BRIKL BKK Office with #Dashy team and HR

ผมกล้าพูดเลยว่า “ไม่มีบริษัทไหนบ้าพอให้ผมทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว” เดือนแรกที่เริ่มทำงานบอกเลยว่าเหนื่อยเอาเรื่องประมาณนึงเลยครับ เพราะผมแทบไม่มีเวลาปรับตัวเลย แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้เพราะความช่วยเหลือของทุกคน ทั้งในทีมและนอกทีม

ฉะนั้น ช่วงเครื่องปีแรก จะเป็นช่วงที่ผมทรมาณมากๆ แต่ตั้งแต่มาทำงาน BRIKL ผมรู้สึกเลยว่าชีวิตผมกลับมาอีกครั้ง ทั้งความมั่นใจ ทั้งความคมในการตัดสินใจต่างๆ ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมเลย (เพิ่มเติมคือเก๋า และเฉียบขาดมากขึ้นจากความรู้ที่ไปเรียนมาเพิ่ม)

BRIKL at New Year after party

ช่วงขายของ: ตอนนี้ BRIKL กำลัง Scale ทีมขึ้น ผมพูดเลยว่าถ้าใครมองหาโอกาสที่ได้ทำอะไรที่ Impactful มากๆ ผมแนะนำที่นี้เลย ลองเขาไปดูตำแหน่งที่ brikl.com/jobs ก่อนได้ฮะ ถ้าสนใจ หลังมามาคุยกันได้ ยินดีช่วย Refer ครับ

BRIKL’s Product team with Skooldio’s PMat Product Tank BKK

นอกเหนือจากงานประจำ ช่วงนี้เป็นช่วงที่สมาคมกำลังจะเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพอดี เพื่อนผม (aka นุ้งช้าง) ก็มาชวนให้ลงสมัครเป็นเพื่อนหน่อย เพราะมันไม่อยากลงคนเดียว

ผมตอนนั้นก็แบบ เออ ก็ได้วะ ลงขำๆ ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่า ได้เลือกเฉย ฮ่าๆ

รูปวันเลือกตั้งฯ ฝากเนื้อฝากตัวกับ #TWA11 ด้วยนะครับ

ส่วนงาน Part-time กับทาง SQUID APP ก็ยังทำอยู่ครับ และตอนนี้ ตัวแอพพลิเคชั่นก็เปิดได้เปิดใช้งานในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ถ้าใครผ่านมาอ่านถึงตรงนี้ ฝากรบกวนช่วยดาว์นโหลดด้วยนะครับ ตามลิงค์ด้านล่างเลย

iOS: https://apps.apple.com/th/app/squid-news-magazines/id1064860074
Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=co.squidapp.squid

ความสัมพันธ์ต่างๆ

เรื่องแรกที่ต้องพูดถึงใน Topic นี้เลยคือเพื่อนใน Clubhouse ครับ ผมรู้สึกขอบคุณแอพฯ นี้มากๆ ที่ทำให้ผมได้ทำรายการ “เรื่องเล่าเด็กนอก” ซึ่งพาไปเจอคนหลากหลายมากๆ ผมได้มิตรภาพดีๆ จากรายการนี้ และได้มีโอกาสเปิดมุมมองใหม่ๆ จากคนไทยในต่างแดนคนอื่นๆ อีกด้วยฮะ

นอกจากรายการตัวเอง Clubhouse เปิดโอกาสให้ผมได้ไปเจอคนวงใหม่ๆ จนกลายเป็นคนสนิทในชีวิตจริงเลย ผมกล้าพูดเลยว่าถ้าไม่มีคนใน Clubhouse ผมอาจจะมี Mental issue ที่หนักเลย ถ้าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ใน Clubhouse ผ่านมาอ่าน อยากใช้พื้นที่ตรงนี้ขอบคุณที่คอยรับฟัง สร้างเสียงหัวเราะ และก็ให้คำปรึกษาต่างๆ ขอบคุณมากจริงๆ

รวมพล #รับบทเป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่ร้าน Kumamura บางซื่อ

เพื่อนอีกกลุ่มนึงที่ต้องพูดถึงคือเพื่อนคนไทยที่สวีเดน เอาจริงๆ ถ้าถามผมว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ผมไม่อยากกลับ เพื่อนที่นั้นจะเป็นอย่างแรกที่ผมพูดถึง (มากกว่าเรื่องอากาศและการใช้ชีวิตอีก) ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันเรื่อยๆ อยู่ นี่ก็รอวันที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

Miss you all :)

ส่วนแฟนสุดที่รัก ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากไม่ได้เจอกันปีกว่าแล้ว เอาจริงๆ มันยากมากครับ กับการมี LDR (Long Distance Relationship) และผมก็ไม่แนะนำให้ใครมีโดยไม่จำเป็นด้วย

แต่ข้อดีของคู่เราคือเราคุยกันตลอด พอเริ่มมีอะไรที่ทำให้เราน้อยใจหรือคิดมาก เรารีบคุยกันทันที ก่อนที่มันจะสายเกินแก้

กับที่บ้าน หนึ่งในเหตุผลที่กลับไทยมาก็คืออยากมาอยู่ใกล้ๆ คุณแม่ (มะม๊า) เพราะนางเริ่มอายุเยอะและ (แต่ยังอยากเทห์ คลู ทำอะไรเองอยู่) แล้วน้องสาวผมก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษ เลยกลายเป็นว่านาต้องอยู่คนเดียว

ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่กับมะม๊าทุกวัน แต่ผมก็คิดว่าผมสามารถไปหานางได้ง่ายๆ เพียง 1 ชม. นั่นก็น่าจะพอและ

ไว้จะพาไปไหนมาไหนบ่อยๆ นะค้าบบบ

2021 New Year Resolution Retrospective

เผื่อใครไม่อยากย้อนกลับไปอ่านที่บล๊อกปีที่แล้ว ผมก๊อปสิ่งที่ผมเขียนมาไว้ข้างล่างนี้แล้วครับ

• จบ Thesis ตามเวลาที่หลักสูตรวางไว้
• ไม่ตกงาน(และไม่โดนไล่ออกจากงาน Part-time)
• ไม่ต้องกลับไทย: อยากทำงานต่างประเทศก่อน อุสาห์มาเรียนเมืองนอกแล้ว จะรีบกลับบ้านไม่ได้
• ได้ย้ายไปอยู่ใกล้ๆ แฟน: LDR มันยากอะ ไม่อยากอยู่ห่างกันแล้ว มันโอเคแล้วอะ คบกันมาจะสามปีแล้ว ผมคิดว่าผมคงลงเอยกับคนนี้แล้วแหละ (ถ้าเขาเอาผมนะ ฮ่าๆ)
• Not working more than 9 hrs per day (or 45 hours per week): พอช่วง Covid มันทำให้เวลาทำงานกับเวลาพักผ่อนมันรวมกัน แล้วหาจุด Work life balance ได้ยากมากๆ เลยอยากทำให้ได้ ไม่งั้นน่าจะ Depress แน่ๆ
• เขียนบล็อกอย่างน้อยเดือนละ 1 บล็อค (ภาษาไหนก็ได้) และพยายามเขียนบล็อกภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น: เอาง่ายๆ ปีหน้าขอให้มีอย่างน้อย 12 บล็อกออกมาให้ทุกคนอ่านกัน (ปีที่แล้วพูดแบบนี้ แล้วก็ทำไม่ได้ ปีนี้ขอลองอีกทีล่ะกัน)

จาก List ข้างบน ผมกล้าพูดเลยว่าผมทำได้แค่ข้อเดียว นั้นก็คือ ไม่ตกงาน(และไม่โดนไล่ออกจากงาน Part-time) นอกนั้น ถ้าใช้ภาษาไว้รุ่น ต้องบอกเลยว่า “แตกหมด”

แต่ผมกลับ Happy กับสิ่งที่เป็นอยู่นะ มันคงเรียกว่าเป็นปีที่ดีไม่ได้ แต่มันก็ยังมีสิ่งดีๆ ที่ให้ผมเอามาเขียนเล่าให้ทุกคนฟังได้อยู่

ส่วนปี 2022 ผมตั้งใจว่าผมจะไม่ตั้ง New Year Resolution ครับ เพราะปีนี้สอนผมให้รู้ว่า บางทีก็ช่างแม่งกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ บ้าง แล้วโฟกัสกับการประสบความสำเร็จตามก้าวเล็กๆ ที่เราเติบโตดีกว่า

สุดท้ายนี้

ผมอยากใช้พื้นที่นี้ อวยพรปีใหม่ให้กับทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่าน ผมเชื่อว่าชีวิตเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันก็ไม่ยากเกินตัวเราหรอก ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคน และขอให้ทุกคนโชคดีและสมหวังกับปีเสือนี้นะครับ

แล้วเจอกันบล๊อกถัดไป สวัสดีครับ

คิดถึงหิมะสุดๆ ไปเลยยยย:(

— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —

Follow me in Social Media

Facebook: www.facebook.com/tulathorn
Twitter: www.twitter.com/tulathorn
IG: www.instagram.com/tulathorn/

Copyright 2022, All rights reserves
www.tulathorn.com