[TH]: Impression (Short-Review) Peugeot 2008 ของมันดีจนต้องมาเอามาเล่าต่อ

Tulathorn Sripongpankul
tulathorn blog
Published in
4 min readJul 26, 2021

สวัสดีครับทุกๆ คน บล็อกนี้ผมตัดสินใจเขียนเพราะผมรู้สึกว่ารถมันดีมากๆ และเท่าที่ผมจำได้คือทางเปอโยต์ ประเทศไทย มีแผนที่จะนำรถรุ่นนี้เข้ามาทำตลาดด้วย ผมเลยคิดว่า แทนที่จะเขียนเป็นโพสเฟซบุ๊ค ผมก็เขียนมันเป็นบล็อกเอาเสียเลยดีกว่า อย่างไรก็ตาม ผมต้องขออภัยหากหลายๆ คนเข้ามาอ่านแล้วรู้สึกว่าเอ๊ะ ของมันขาดๆ ดูไม่ครบนะ ทำไมรูปมันแปลกๆ สารภาพเลยคือไม่ได้คิดว่าจะเขียน มันเป็นอารมณ์ล้วนๆ ผมเลยไม่ได้เตรียมถ่ายรูปหลายๆ มุม ของรถ รวมถึงทำการบ้านก่อนรับรถมาใช้ ให้อภัยผมด้วยนะครับ

ถ้าบล็อกนี้ผลตอบรับดี (+มีรถมาให้รีวิวอีก) คราวหน้าผมจะเตรียมตัวกับรถทุกคนที่จะได้ขับเลยครับ

ก่อนที่จะเริ่มกันผมขอเล่าสถานะการที่ผมได้ขับมาก่อน ทริปนี้เกิดขึ้นจากการที่เราอยากไปเที่ยวเล่นสวนน้ำ ชื่อว่า Skara Sommarland โดยระยะทางทั้งหมดประมาณ 350 กม. (ถ้าจะเอาเป๊ะๆ หน่อยก็ 347 กม.) สภาพเส้นทางนั้นหลากหลายมาก มีตั้งแต่ Highway ขับในเมือง ยันขับในถนนชนบทที่ค่อนข้างคดเคี้ยวไปมา ฉะนั้น หลายๆ อย่างหลังจากนี้ ผมจะเล่าจากประสบการณ์ที่ผมเจอผ่าน Condition ทั้งหมดที่ผมเจอมานะครับ

แต่ก่อนที่จะไปเริ่มกัน ผมขออนุญาติเขียนถึงสเป็ครถคร่าวๆ นะครับ

หน้ารถ 2008 ถ่ายที่หอตัวเองตอนที่จะเอารถไปคืน

Specification

ถ้าอิงตามความเข้าใจของผม Peugeot 2008 จัดเป็นรถ Sub-compact SUV (คลาส เดียวกับ Toyota CH-R, Honda HR-V, Nissan Kick E-Power) โดยในสวีเดน จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกอยู่ 3 แบบหลักๆ ก็คือ

  1. EV ไฟฟ้า 100% ใช้ชื่อรุ่นว่า e2008 กำลังอยู่ที่ 136 แรงม้า กับแรงบิด 260 นิวตั้นเมตร
  2. เครื่องยนต์ดีเซล มีให้ 1 ตัวเลือกคือ BlueHDi 130 automatic 8-speed เป็นเครื่องยนต์สี่สูบขนาด 1499 ซีซีกำลังอยู่ที่ 130 แรงม้าที่ 3770 รอบ/นาที และมีแรงบิตอยู่ที่ 300 นิวตั้นเมตร ที่ 1750 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียวอัตโนมัติ 8 จังหวะ
  3. เครื่องยนเบนซิน มีให้เลือกถึง 3 แบบด้วยกัน คือ PureTech 100, PureTech 130 และ PureTech 155 โดยที่ทั้งหมดจะเป็นเครื่องยนต์สามสูบขนาด 1199 ซีซี เทอร์โบ เพียงแต่ว่ามีการปรับจูนให้มีแรงม้า แรงบิต ให้แตกต่างกัน โดย PureTech 100 จะมีแรงม้าอยู่ที่ 100 แรงม้าที่ 5500 รอบต่อนาที และมีแรงบิตสูงสุดอยู่ที่ 205 นิวตั้นเมตร ที่ 1750 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเพียงอย่างเดียว
    ส่วน PureTech 130 นั้น จะมีแรงม้าอยู่ที่ 130 แรงม้า ที่ 5500 รอบต่อนาที และมีแรงบิตสูงสุดอยู่ที่ 230 นิวตั้นเมตร ที่ 1750 รอบ ในสเปคเครื่องยนต์นี้ จะมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ (ผมคิดว่าน่าจะเป็นรุ่นนี้ที่เข้าเมืองไทย)
    สุดท้าย คือตัว PureTech 155 สเปคนี้จะมีแรงม้าที่ 155 แรงม้า ที่ 5500 รอบต่อนาที แรงสูงสุดบิตอยู่ที่ 240 นิวตั้นเมตร ที่ 1750 รอบ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เท่านั้น

สำหรับคันที่ผมขับในทริปนี้ น่าจะเป็นตัว PureTech 130 เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ (ที่ต้องบอกว่าน่าจะ เพราะเขาไม่ได้บอกสเป็ครถให้ผมตอนจอง ผมต้องไปแกะเอาจากใบสเป็ค หากผิดพลาดประการใด ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)

เอาล่ะ มาถึงเรื่องการประสบการณ์ของผม (และเพื่อนๆ ) เกี่ยวกับรถคันนี้ดีกว่า

เดี๋ยวหาว่าขับไม่จริง ในรูปพวงมาลัยมันดูเล็ก (ซึ่งมันก็เล็กแหละ) แต่แปลกใจมากว่าจับถือสบาย ระยะโอเคเลย

ภายนอกและภายใน

เรื่องความสวย ผมขอไม่พูดล่ะกัน เพราะสำหรับผม ผมว่ามันนานาจิตตังค์ แต่สิ่งที่ผมอยากจะพูดถึงเรื่องการดีไซน์ภายใน โดยเฉาะในมุมคนขับ

สำหรับผม ผมว่ามันเป็นการดีไซน์ที่อยู่ตรงกลางระหว่างการพยายามทำให้มันล้ำสมัย กับการทำให้คนขับเข้าถึงข้อมูล และการใช้งานฟังชั่นหลักๆ ได้โดยง่าย คือการทำพวงมาลัยทรงคล้ายๆ 6 เหลี่ยม แล้วดันหน้าปัดขึ้นไปข้างบน มันทำให้คนขับมองเห็นหน้าปัดตลอดเวลา อีกมุมนึง หน้าจอก็อยู่ในระดับที่เหลือบไป มองเห็นได้ง่ายๆ ที่สำคัญยังมีปุ่มสำหรับการเข้าถึงเมนูต่างๆ เป็น Shortcut ด้วย

ภายในถ่ายจากเบาะคนขับ จะเห็นได้ว่าทุกอย่างมองเห็น และเข้าถึงได้ง่าย

ส่วนเรื่อง Interior space ถ้าด้านหน้าผมถือว่าโอเคนะ ด้านหลัง headroom ก็พอมี แต่ legroom อาจจะเล็กไปนิดนึง (เพื่อนผมสูงประมาณ 180 นั่งหลังผมที่สูง 187 ก็คือขาติด)

รูปนี้น่าจะพอเห็น Headroom ได้คร่าวๆ ผู้ชายเสื้อขาวสูง 180+ ส่วนผู้หญิงข้างๆ สูงประมาณ 160 cm ครับ

ในความเห็นของผม ผมว่าพื่นที่ด้านหลังน่าจะไม่ได้แตกต่างจาก Toyota CH-R มาก แต่สิ่งที่ต่างอาจจะเป็นกระจกหลังที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่า ทำให้ภายในมันโปร่งขึ้น

การขับขี่

ถนนที่นี้คิอดี ทุกคน(เกือบส่วนใหญ่)ขับรถเรียบร้อยมาก

ตัว 2008 นั้นมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 3 แบบ ก็คือ Eco, Comfort และ Sport. โดยการปรับโหมดการขับขี่จะส่งผลต่อการตอบสนอง คันเร่ง เกียร์ และ น้ำหนักพวงมาลัย

ในโหมด Eco การตอบสนองทุกอย่างจะ “เนื่อย” ไม่หมด คันเร่งจะช้า มีดีเลประมาณ 1–2 วิ การ Kick-down เกียร์ และการตอบสนองของ Paddle ship ก็จะหน่วงๆ ครับ

ส่วนในโหมด Sport เกียร์จะค้างนาน และก็จะปรับเกียร์สูงสุดอยู่ที่เกียร์ 6 เครื่องจะคารอบทิ้งไว้ประมาณนึง เผื่อให้เรา Kickdown ต่อ พวงมาลัยจะหนัก มีความคมสูง เกียร์และคันเร่งพร้อมทำงานแบบถวายชีวิต

สำหรับโหมด Comfort คืออยู่ตรงกลางระหว่าง Eco กับ Sport คือเกียร์และคันเร่งยังตอบสนองไวใกล้เคียงโหมด Sport แต่ว่าเกียร์จะยอมใช้ทั้งหมด 8 เกียร์ พวงมาลัย ก็จะเบากว่าโหมด Sport นิดหน่อย แต่ยังหนักว่าโหมด Eco ส่วนความคมในการควบคุมจะเหมือนโหมด Sport

ผมมีโอกาสได้ลองทั้งสามโหมด ผมรู้สึกว่าสำหรับผม ผมโอเคกับการที่จะอยู่แค่โหมด Comfort เป็นหลัก โดยไม่ต้องเปลี่ยนไปโหมด Sport เพราะการตอบสนองยังเป็นตามใจสั่ง เวลาแซงไม่ต้องกดเยอะ ไม่ต้องลุ้น แค่อาจจะติดว่าผมแอบชอบพวกมาลัยในโหมด Sport มากกว่านิดนึงในการขับบน Highway ด้วยความเร็ว เพราะเราไม่ต้องเกรงข้อมือเลย พวงมาลัยนิ่งมาก ขับสบายสุดๆ

แต่กลับกัน ถ้าเป็นทางที่คดเคี้ยว เป็นเนิน มีโค้งหักซอกบ้าง คุณจะหลงรักพวกมาลัยในโหมด Comfort เพราะมันเป็นการเซตที่บาลาน์ซระหว่างความคม และน้ำหนักได้พอดีสุดๆ ทำให้คนขับไม่ต้องใช้แรงเยอะ ในการคุมรถเข้าในโค้ง

เรื่องช่วงล่าง สำหรับผมถือว่าดี ขับได้มั่นใจ (แม้ว่าจะนั่งสี่ถึงห้าคน) อาการของรถคาดเดาได้ เป็นไปตามที่ผู้ขับคิดไว้ ขับทางตรงนิ่ง แม้ว่าใช้ความเร็วระดับ 120 กม/ชม. แล้วมีลมประทะข้างๆ บ้าง ก็ไม่ได้หวิวจนกลัว สำหรับผม ผมถือว่าผ่าน การหักหลบสิ่งกีดขวางถือว่ามั่นใจได้เลย เอาอยู่แบบไม่มีอาการให้ตกใจ (ตกใจเพื่อนกรี๊ดมากกว่า ฮ่าๆ)

พอเอาทุกอย่างมาร่วมเข้าด้วยกัน ผมว่ารถคันนี้ เป็นหนึ่งในรถที่ขับสนุก สามารถใช้ได้ทุกวัน ใช้ได้ทั้งการเดินทางไกล หรือเดินทางในเมือง

อัตราสิ้นเปลือเชื้อเพลิง

แผนภาพคร่าวๆ ว่าขับรถไปไหนมาบ้าง (ของจริงมันเยอะกว่านี้เพราะมันมีวนในเมืองด้วย ขก. กรอกและ ฮ่าๆ)

อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า ทริปนี้เราค่อนข้างมีการใช้งานที่หลากหลายมากๆ มีการใช้ความเร็วหลากหลายย่านมาก (แต่ไม่เกิน 130 กม./ชม) ฉะนั้นตัวเลขนี้อาจจะไม่สะท้อนอัตราสิ้นเปลือง ตามมาตราฐานที่หลายๆ คนมักจะทำเวลาวัด ถือไว้ว่าเป็นข้อมูลให้รู้ขำๆ กันไปละกันครับ

ถ้าดูจากสิ่งที่โรงงานเคลมไว้ เครื่อง PureTech 130 เกียร์ออโต้ เคลมอัตราสิ้นเปลืองเชื่อเพลิงไว้ที่ 6.2 ลิตร ต่อ 100 กม. (เท่ากับ 16.13 กม./ลิตร)

ส่วนสิ่งที่ผมทำได้ ระยะทาง 347 กม. ผมใช้น้ำมัน 22.60 ลิตร คำนวณออกมาได้ 15.35 กม/ลิตร สำหรับผม ไม่เลวเลยครับ ถือว่าประหยัดใช้ได้เลย

หลักฐานชัดๆ เอาให้เห็นไปเลยว่าใช้น้ำมันไปกี่ลิตร และราคาลิตรละเท่าไหร่

รวมๆ สิ่งที่ไม่ชอบ

คงไม่มีรถคันไหนที่มีข้อดี แล้วไม่มีข้อเสียเลย ผมเล่าเรื่องที่ผมชอบมาเยอะมากแล้ว ตอนนี้มาถึงจุดที่ผมไมชอบบ้าง

  1. UX ของระบบ Infotainment รวมถึงการปรับการตั้งค่าของรถถือว่าไม่ค่อย user friendly เอาเสียเลย หลายๆ อย่างคือไม่สามารถทำได้ด้วยตัวผู้ขับ ขณะขับรถได้เองเลย โชคดีที่ว่าระบบรองรับ Apple Carplay แล้ว ทำให้ข้อเสียตรงนี้เบาลงไปได้บ้าง
  2. ระบบ Start-Stop มันดับรถได้แปลกมาก น่ารำคาญ แถมถ้าจะปิด ต้องไปกดที่จอ ไม่สามารถกดได้ผ่านปุ่มไดไดได้เลย
  3. ไหนๆ ก็ทำปุ่มออกมาแล้ว ช่วยทำปุ่มแอร์มาเลยได้ไหม คือการปรับแอร์ด้วยจอมันไม่ friendly เอาเสียเลย หรือไม่อย่างนั้น ก็ขอปุ่มที่มันกดไปหน้าปรับแอร์ได้ ไม่ใช่แค่ปุ่ม OFF กับ A/C Max
  4. หน้าปัดระหว่างโหมด Eco Comfort และ Sport คือไม่มีความแตกต่างเลย เหมือนกันเป๊ะ ทำให้ตอนแรก ผมไม่รู้ว่ารถอยู่โหมด Eco และทำผมหงุดหงิดกับการตอบสนองของรถ(เวลาต้องแซง)อยู่นานเลย

สรุปสั้นๆ

ถ่ายตอนคืนรถแล้วเดินออกมานะ หวังว่าจะมีโอกาสได้ขับ 2008 อีกนะ

หลังจากใช้ชีวิตอยู่กับมันมาสองวัน สามร้อยห้าสิบโลโดยประมาณ ผ่านถนนในสวีเดนมาทุกรูปแบบ สิ่งที่ประทับใจผมมากๆ คือ Driving Dynamic ของรถ ในความเห็นของผม มันเกินความคาดหมายของผมไปมากๆ รวมถึง Interior design ที่ไม่เสียชื่อความเป็นรถจากประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องงานออกแบบอย่างฝรั่งเศสเลย ส่วนเรื่องที่ผมไม่ชอบ ผมว่าหลายๆ อย่าง พอเราซื้อมาใช้แล้ว มันน่าจะพอปรับตัวได้บ้าง

ถ้าถามผมว่า ทางเปอโยต์ ควรนำรถรุ่นนี้เข้ามาทำตลาดไหม ผมว่าควรมากๆ แต่อาจจะต้องมาในราคาที่จับต้องได้ อยู่ในระดับเดียวกับรถในตลาดนะ สำหรับผม Setup ของรถแบบที่ผมได้ขับวันนี้คือโอเคเลย หวังว่าคนไทยจะมีโอกาสได้ขับรถดีๆ แบบนี้นะครับ

อย่างไรก็ตาม ด้วยเวลา 24 ชม. ที่ได้อยู่ด้วยกัน มันคงยากที่จะฟันธง และลองในทุกอย่างที่รถมี แต่ถ้ามองในฐานะว่า รถที่ดี ควรจะต้องขับขี่ดี สำหรับผม 2008 สอบผ่านครับ

ถ้ามีโอกาส ผมยังอยากลองรถเปอโยต์ที่ไทยอีกครั้งนะ (ไม่ว่าจะเป็นตัว 2008 หรือตัวอื่น) อยากรู้ว่าถ้าได้อยู่กับมันนานกว่านี้ มันจะเป็นยังไง

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ ขอบคุณที่ติดตามกันมาฮะ เช่นเดิมครับ หากมีคอมเม้นต์อะไร สามารถส่งมาหาผมได้ทุกช่องทางเลยนะครับ

และก็ ขออนุญาติฝาก Clubhouse ของผม #เรื่องเล่าเด็กนอก ทุกคืนวันศุกร์ ห้าทุ่ม(หรือเที่ยงคืนเมื่อเปลี่ยนเป็นเวลาหน้าหนาว) ด้วยนะครับ

— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —

Follow me in Social Media

Facebook: www.facebook.com/tulathorn
Twitter: www.twitter.com/tulathorn
IG: www.instagram.com/tulathorn/
Clubhouse: tulathorn

Copyright 2021, All rights reserves
www.tulathorn.com

--

--