เก็บตกงาน “Web3.0 เว็บไร้ตัวกลางกำลังจะมา คนทำเว็บว่ายังไง?” - ทิศทางของ Web 3.0 ในไทย
จากการที่แตงซึ่งเป็นตัวแทนหมู่บ้าน (😂) ของทีมงาน Under Ledger ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในหัวข้อ “Web3.0 เว็บไร้ตัวกลางกำลังจะมา คนทำเว็บว่ายังไง” ที่ทางสมาคมผู้ดูแเลเว็บไทยจัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภา 2565 ที่ผ่านมา
เลยถือโอกาสเอาโน๊ตที่สรุปไว้ + เสริมเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย เขียนเก็บไว้เป็นบันทึกและแชร์ให้ทุกคนได้ลองอ่านกันค่า
.
.
สรุปย่อๆ Web 3.0 คืออะไร?
- Sematic web - เพิ่มความสามารถให้ web มีการกำกับความหมายลงไปในข้อมูล
- Decentralized web - เว็บแบบไร้ตัวกลาง ที่ server ไม่มีใครเป็นเจ้าของเพียงแค่คนเดียว มีเจ้าของหลายๆ คน
- จากด้านบน ทำให้ user สามารถควบคุมข้อมูลและ identity ของตัวเองได้
Web 3.0 กับความ Decentralize
- การเก็บ Data ของ DApp
- Off-chain : ข้อมูลที่อยู่บน server ผู้ให้บริการที่เขา host ให้
- On-chain : เก็บไว้บน Blockchain หรือ decentralized ที่อื่นๆ (เช่น BitTorrent)
2. เว็บที่เป็น practical ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะมีบางส่วนของเว็บที่เป็น off-chain และบางส่วนที่เป็น on-chain
3. การเก็บ Data ไว้บน on-chain ทั้งหมดก็สามารถทำได้แต่ไม่ใช่ทุก use case ซึ่งจะมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องที่ต้องนึกถึงหลักๆ เช่น
- Security - การเก็บข้อมูลแบบ Decentralize คือ “ไม่มีเจ้าของที่แท้จริง” ทำให้การทำ security ทำได้ยากมากกว่าแบบเดิม
เพราะไม่ใช่ข้อมูลทุกอย่างที่เราอยากให้ทุกคนเห็น (Blockchain is transparency) ฉะนั้นการที่ข้อมูล 100% อยู่บน on-chain จึงอาจจะไม่ใช่กับทุก use case
- ค่า Gas - Fee จากการ approve transaction และที่ต้อง validate node ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระทบกับ user ที่จะมาใช้งาน การสร้างข้อมูลบน Blockchain มีต้นทุนทุก transaction ยิ่ง data ใหญ่ และ Process เยอะยิ่งแพง
- Performance leak - เพราะต้องใช้ node หลายตัวในการ approve transaction ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ Blockchain network ที่ใช้ด้วย
web 3.0 มีผลกระทบอะไรต่อคนทำเว็บหรือไม่?
ใน Meeting session ทางวิทยากรได้ยกตัวอย่าง process ที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเรานำ web 3.0 เทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน เช่น
- Component บางอย่างที่แตกต่างกันออกไป เช่น การยิง API ต้องเป็นการยิงไป RPC node ของ chain แล้วดึงข้อมูลออก แทนการใช้ API เพื่อ call service ที่ต้องการโดยตรง
- เปลี่ยน concept ไปดึงข้อมูลจากที่ไม่มีเจ้าของ เช่นจาก Google ไปเป็นจาก decentralize แทน ซึ่งเป็นข้อมูลไม่ได้ถูก dominated จากใคร
“ปรับ ไม่ได้รื้อใหม่ทั้งหมด” นับว่าเป็นประโยคที่สรุปทิศทางสำหรับการทำ Web ในอนาคตได้ดีทีเดียว
.
.
โดยส่วนตัวมองว่าเนื่องจาก web 3.0 ก็เปรียบเสมือนมี technology ใหม่ๆ ขึ้นมาเติมเต็มการทำเว็บแบบเดิม เป็นเพียง another web technology ที่จะทำให้เกิดโอกาสที่จะกระจายข้อมูลไปเก็บที่หลายๆ ที่ มากกว่าการเก็บเป็น centralized ไว้ที่ที่ใดที่นึงเฉยๆ ไม่ได้เป็นอะไรที่จะเข้ามาพลิกโฉมการทำงาน web แบบเดิมขนาดนั้น
How to start การนำ web 3.0 มาใช้งาน
อันดับแรกที่สำคัญ คือ ต้องเข้าใจ decentralized network ก่อน!
เพราะหลักๆ การทำงานของ web 3.0 คือการที่เอา Frontend ไปเชื่อมต่อกับอะไรที่เป็น decentralize เพื่อส่ง-รับข้อมูล ดังนั้นควรเข้าใจคอนเซปคร่าวๆ ของการทำงานทั้งหมดก่อน เพื่อง่ายต่อการ implement และ debug
เริ่มจาก Ethereum ก่อนก็ได้ เนื่องจาก มี docs ให้ศึกษาเยอะและเป็นพื้นฐานสุดๆ เอาไปต่อยอดเชนอื่นที่รองรับ EVM เหมือนกันได้ หรือจะเริ่มจาก Solana ที่เป็น Web assembly concept ก็เป็นอีกตัวที่กำลังมาแรงในตอนนี้
และต่อมา ต้องเข้าใจการสร้าง DApp เช่น การเรียนรู้ Smart contract และการสร้าง web 3.0 โดยการใช้ Library ของ Ether.js และ Web3.js มาใช้เพื่อเชื่อมต่อกับฝั่งที่เป็น decentralize ซึ่งจะมีวิธีการ call/receive เฉพาะตัวอยู่ ต้องศึกษาเพิ่มเติม
ส่วนอื่นของเว็บไซต์นอกเหนือจากนี้ ก็สามารถใช้วิธีการเขียนเว็บโดยปกติทั่วไปได้เลย เช่น React JS + Web 3.0
💙 แวะขายของ บทความที่เคยเขียนไว้ค่ะ อิอิ 😍
Get started with blockchain development — Blockchain developer เริ่มยังไงดี?
แนวโน้ม Web 3.0 ในอนาคต
- เป็นแค่การทำ Web อีกรูปแบบนึง ที่จะมาอยู่ร่วมกับ Web 1.0 และ 2.0 เฉยๆ และการเกิดมากน้อย ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของการนำมาใช้
- จะต้องมีการปรับตัวของด้าน user experience เสียก่อน เช่น ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมี Crypto wallet หรือเข้าใจการทำงานของ Blockchain
ทางทีม Under Ledger ก็กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่เหมือนกันนะ อยากจะทำยังไงก็ได้ที่ user จะรู้สึก Smooth ที่สุด กระทบ user experience น้อยที่สุด เอาแบบเปลี่ยนเนียนๆ
- Trade of performance: ในบาง use case การทำงานอาจจะยังเร็วเท่าแบบ server ใคร server มันทำไม่ได้
- การเติบโตของ Player ในตลาดของ decentralized (Competition Market) : เช่น crypto wallet ที่คนใช้หลักๆ มากกว่านี้ หรือ Gamefi อาจจะมี studio รายใหญ่เข้ามา มี economic/แนวทางเกมอื่นๆ นอกเหนือจาก Play-to-earn
Business model ใหม่ๆ จากการเติบโตของ web 3.0
ตัวอย่างการนำ web 3.0 technology มาใช้งาน
- Digital ID - การยืนยันตัวตน digital signature ผ่าน decentralized
- Event ticket เช่น สามารถใช้ป้องกันบัตรผีได้เพราะแต่ละ ticket มี identity ฝังไว้
- Web 3.0 + Metaverse เช่น การ Access metaverse ผ่านเว็บเพื่อทำบางอย่างโดยที่ไม่ต้องไปเข้า system โดยตรง
Thailand and web 3.0
- ในปัจจุบัน Developer ในไทยค่อนข้าง active กับเทคโนโลยี web 3.0 รวมถึง blockchain อยู่แล้ว อีกทั้งมี product หลายตัวที่ถูกปล่อยออกมาและเป็นที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกอีกด้วย เช่น Apeboard, Warden swap และ Dopple Finance
- ไม่มี barrier ด้าน knowledge - จากข้อด้านบน เนื่องจาก developer ไทย active กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงมี knowledge ที่มากเพียงพอที่จะหาแนวทางและสร้างเว็บใหม่ๆ ที่ใช้ concept web 3.0 ได้
- ภาครัฐ: ในส่วนของภาครัฐเองตอนนี้ก็ได้เริ่มมีการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ในการช่วยเรื่องพิสูจน์และยืนยันตัวตนทาง digital (NDID) ซึ่งอยู่บน Private Blockchain สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ NDID official website
สามารถติดตามข่าวสารที่คนทำเว็บควรรู้ หรืองานพูดคุยแลกเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์แบบนี้ในอนาคต สามารถติดตามได้ทางเพจ Facebook ของสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย (Thai Webmaster Association) ได้เลยค่า
📑 แนะนำบทความอ่านน่าอ่าน เพิ่มเพื่อทำความเข้าใจ web 3.0
• พาไปรู้จักกับ ‘Web 3.0’ แล้วคนธรรมดาอย่างเรา ๆ ต้องรู้อะไรบ้าง
• Guide การเป็น Web3 Developer ในปี 2022 เรื่องที่คุณต้องรู้
• Building Web 3.0 in 3-Day with React JS + Web 3.0 Challenge
• A simple guide to the Web3 stack