The Principles of UX
หลักการออกแบบยังไงให้ปัง
ชาว UX/UI Designer คงจะทราบกันดีนะครับ ว่าการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งด้านความสวยงาม,interectiveหรือฟังก์ชั่นที่หลากหลายจนอาจจะหลงลืมสิ่งสำคัญของ UX ได้นะครับ เพราะถ้าหากขาดหลักการออกแบบพื้นฐานที่ดี ผลิตภัณฑ์ของเราอาจจะยังไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้ของเราได้นะครับ
ผมเลยจะมาทบทวนหลักการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ควรมี ซึ่งทุกคนก็อาจจะรู้อยู่แล้วหรือลืมไปบ้าง
เราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
- Focus on the user
เป็นสิ่งสำคัญมากๆเลยนะครับในการออกแบบ UX มันเป็นแกนหลักของทั้งบทความนี้เลย เราต้องระบุให้ได้ว่าผู้ใช้เราคือใคร เขาต้องการอะไร พบปัญหาอะไรระหว่างที่ใช้งาน เราสามารถแก้ปัญหาได้อย่างไร เพื่อให้ผู้ใช้บรรลุเป้าหมาย
วิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คือการสร้างผลิตภัณฑ์ในระยะแรกสุด (Prototpye) นำมาทดสอบกับผู้ใช้ (Persona) รับความคิดเห็นจากผู้ใช้งาน (Feedback) นำมาปรับปรุงให้สมบูรณ์ แล้วเราจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ใช้เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริงครับ
2. Consistency
หลักการนี้จะเจาะลงลึกขึ้นไปในการออกแบบ UX เป็นเคล็ดลับที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ (Application,website)ประสบความสำเร็จนั้นคือความสม่ำเสมอ หมายความว่าทั้งกราฟิก,สี,ตัวอักษรและฟังก์ชั่นการทำงานต้องเหมือนกันในทุกหน้าครับ
การออกแบบหน้า Interface ให้คล้ายคลึงกับApplicationยอดนิยมในตลาด จะช่วยให้ผู้ใช้คุ้นเคยกับApplicationใหม่ เพราะถ้าผู้ใช้คุ้นเคยมากเท่าไรก็ยิ่งเรียนรู้เร็วเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราออกแบบApplicationประเภท e-commerce รูปแบบควรคล้ายคลึงกับ shopee lazada เพื่อให้ผู้ใช้งานคุ้นเคยกับใช้งานหรือปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม
3. Hierarchy
การมีลำดับชั้นที่ชัดเจน จะช่วยนำทางราบรื่นตลอดการใช้งาน ซึ่งการออกแบบมี 2 ลำดับด้วยกันครับที่ควรคำนึงถึง
- ลำดับชั้นที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดระเบียบเนื้อหาหรือข้อมูลตลอดการออกแบบ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราเข้าเว็บไซต์เราจะสังเกตเห็นแถบเมนูนี้คือ เมนูหลัก พอเรากดหรือวางเมาส์ที่แถบนั้นจะมีหมวดหมู่แยกย่อยของเนื้อหาออกมานั้นคือ เมนูรอง
ช่วยให้ผู้ใช้ไปยังส่วนต่างๆของเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น และค้นหาสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา และช่วยเราในฐานะอาชีพ UX/UI Designer เห็นว่าเว็บไซต์ของเราทำงานอย่างไร
4. Context is key
ในการออกแบบเราควรนึกถึงบริบทของผู้ใช้ด้วยครับ สถานที่นั้นเป็นปัจจัยเชิงบริบทที่เข้าใจกันได้ทั้วไป เช่น เรากำลังออกแบบให้คนที่กำลังเดินทางหรือสำหรับคนที่นั่งดื่มกาแฟทำงานในคาเฟ่ รวมถึงอารมณ์ อุปกรณ์ที่ใช้ ช่วงเวลาที่ใช้ และอื่นๆ
ปัจจัยทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ในเชิงลึกได้และเราสามารถเตรียมการออกแบบการใช้ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้ใช้ มอบประสบการณ์ที่ดีได้ครับ
5. The user is in control
การที่ให้ผู้ใช้ควบคุมสิ่งต่างๆภายในเว็บไซต์ได้ดั่งใจ ช่วยยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแก้ไข ถอยหลังและแก้ไขข้อผิดพลาดได้
ยกตัาอย่าง การปรับความคมชัดวิดีโอของ youtube , เปิด/ปิด subtitle , ปรับขนาดหน้าจอ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการที่เราให้ผู้ใช้ควบคุมจะทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น แต่เราควรระบุ “ขอความช่วยเหลือ” ไว้เสมอ และควรขึ้นข้อความเตือนไว้เสมอก่อนที่ผู้ใช้จะกดยืนยันเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ และมีปุ่ม “รีเซ็ต” เพื่อให้ผู้ใช้กลับไปค่าเริ่มต้นของเว็บไซต์
6. Accessibility
คำนึงถึงผู้ใช้งานทุกคน รวมไปถึงผูัพิการทางด้านสายตา การพูด การได้ยินให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ยกตัวอย่าง Apple accessibility ที่ช่วยให้กลุ่มคนพิการใช้งานผลิตภัณฑ์แอปเปิลได้เหมือนคนปกติทั่วไป
ลดข้อจำกัดให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม นับเป็นความสำเร็จในการออกแบบ UX ขึ้นไปอีกขึ้นแล้วครับ
7. Usability testing
หลักการนี้ก็ขาดไม่ได้เช่นกันในการออกแบบ UX นั้นคือการเอาผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นมาให้ผู้ใช้ได้ทดลองใช้งาน เพื่อรับรู้คำแนะนำจากผู้ใช้นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะเราสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา ไม่ใช่เพื่อตัวเราเองแต่เป็นเพื่อผู้ใช้ต่างหากล่ะครับ
ถ้าถามว่าทดสอบอย่างไร แนะนำบทความเพิ่มเติมได้ที่ UX/UI checklist! อย่าเพิ่งปล่อยงาน ถ้ายังไม่ . . . | UPSKILL UX
เพราะถ้าให้อธิบายเอง บทความจะยาวเกินครับ 555
สุดท้ายนี้หากเกิดข้อผิดพลาดหรือข้อมูลขาดตกบงพร่องประการใด ขออภัยด้วยครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้อ่านทุกท่านครับ.